บทที่ 13
“เป็นข้าที่ลืมตัวว่าตนเองมีสถานะอันใด ศิษย์พี่ใหญ่โปรดอย่าถือโทษ เดิมทีข้าก็มิใช่คนชำนาญเรื่องการโกหก ทำการค้าประสบความสำเร็จ โดยไม่มีใครคิดร้าย นั่นล้วนเป็นเพราะโชคช่วย หากหลอกลวงไปว่ามิได้รู้สึกอันใดต่อนาง ท่านคงได้หัวร่อจนท้องแตกกระมัง”
“ถ้าเจ้ามิใช่ศิษย์ร่วมอาจารย์ เปรียบได้ดั่งน้องชาย ข้าคงลงมือไปแล้ว มิใช่ยืนเจรจาด้วยด้วยเช่นนี้”
เฉินฟาหยางข่มอารมณ์อย่างที่สุด แม้มิได้รักใคร่เสวียนซือชิง แต่การที่บุรุษรูปงามอายุน้อยสารภาพต่อหน้าว่าชื่นชอบตัวนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษผู้นั้นคือศิษย์ร่วมอาจารย์ที่เขาเอ็นดูเป็นพิเศษ ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก จนถึงขั้นปรารถนาที่จะลงมือทำร้ายกันเลยทีเดียว
“ในเมื่อท่านยังเห็นว่าข้าเป็นน้องชาย ข้าจึงขอใช้สิทธิ์สอบถามว่าหลังจากหกเดือนแล้ว ท่านคิดจะทำอย่างไรกับนาง พานางกลับจวนอ๋องไปด้วย หรือทิ้งไว้ที่ตำหนักร้างนั่น”
เฉินฟาหยางย่อมทราบดีว่าคำถามที่ออกจากปากของอีกฝ่ายนั้นเป็นเพียงคำถามลองใจ หากตอบไปว่าคิดพานางกลับไปด้วยกัน หลี่จินหมิงต้องไม่เชื่อคำของเขาเป็นแน่
“ย่อมพากลับไปด้วยไม่ได้ นางดูมิใช่คนฉลาด คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเหล่าอนุภรรยาทั้งหลาย คงต้องให้อยู่ที่นี่ต่อไป แวะเวียนมาเยี่ยมตามโอกาสจึงเหมาะสม แต่หลังจากนี้คงต้องดูแลให้ดี จัดหาสาวใช้เพื่อให้นางไม่ต้องลำบาก ยามข้าไม่อยู่จะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวจนเกินไปนัก”
กล่าวเช่นนี้จึงน่าเชื่อถือ อย่างไรหลี่จินหมิงก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเขามิใช่คนใจกว้าง พานางกลับจวนอ๋องด้วยนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่
“เช่นนั้นข้าก็สบายใจขึ้นมาบ้าง”
“หากไม่ลำบาก ข้าอยากให้เจ้าเลิกเรียกที่นั่นว่าตำหนักร้าง กระทั่งเรียกขานว่าตำหนักเยว่ฉีข้าก็ไม่ต้องการได้ยิน และในวันพรุ่งนี้เจ้าจงหาคนไปยกป้ายตำหนักลงเสียให้เรียบร้อย หากผู้คนสอบถามก็จงให้คำตอบว่าตวนอ๋องได้ยกตำหนักให้กับญาติห่าง ๆ ของเขาไปแล้ว”
“เหตุใดจึงต้องทำเช่นนั้นด้วยเล่า”
“ไม่ทำเช่นนั้นชีวิตของนางคงไร้ซึ่งความสุข หากเหล่าขุนนางทราบว่าข้าอยู่ที่นี่คงรีบแห่กันมา เสนอหน้าสร้างความดีความชอบมิได้หยุดหย่อน ยังมีชาวบ้านที่อาจมารบกวนความเป็นส่วนตัว ยามข้ายังอยู่คงพอจัดการได้ แต่หากถึงเวลาต้องจากกันแล้ว คนพวกนั้นจะปล่อยให้คุณหนูเสวียนที่เจ้าชื่นชอบ มีชีวิตสุขสงบดังเดิมได้อยู่หรือ”
“ที่ท่านพูดมาก็ไม่ผิดนัก” หลี่จินหมิงจนปัญญาหาข้อโต้แย้ง คารมของ ตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์ยังคงน่าเชื่อฟังไม่แปรเปลี่ยน
พูดให้ถูกต้องคือเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่แปรเปลี่ยน
“อีกอย่างเจ้าก็รู้ว่าข้าชอบเดินทางตามลำพัง หากแพร่งพรายออกไปว่าข้าอยู่ที่นี่ ศัตรูทราบเรื่องเข้าอาจเป็นอันตราย เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษานางตั้งแต่เจอกันเมื่อคราวก่อนแล้ว นางเองก็เห็นด้วยว่าให้ข้าปิดบังสถานะของตนเองเสีย”
“นางเห็นด้วยกับท่านจริงหรือ นั่นไม่ใช่ว่าผู้คนจะเข้าใจว่านางอยู่กับบุรุษอื่นที่มิใช่ตวนอ๋องหรอกหรือนี่”
“หลี่จินหมิง ข้าขอถามสักคำเถิดว่าคนในเมืองนี้ นอกจากเจ้าแล้ว มีผู้ใดทราบเรื่องบ้างว่านางคือพระชายาของตวนอ๋อง ดูเถ้าแก่เนี้ยเจียงเป็นตัวอย่าง หากนางทราบว่าเสวียนซือชิงคือพระชายา นางจะกล้าลบหลู่นางเช่นนั้นหรือ”
“เป็นอย่างที่ท่านว่าจริง ๆ”
คนในเมืองนี้ทราบเพียงว่ามีรถม้าจอดอยู่หน้าตำหนักหลายชั่วยาม แต่หาได้มีใครออกมาต้อนรับแต่อย่างใดไม่ ตัวของหลี่จินหมิงเองก็มิเคยพูดเพราะต้องการให้นางได้อยู่อย่างสงบ หลายครั้งจึงเคยได้ยินว่าเสวียนซือชิงคือสาวใช้ รับหน้าที่ดูแลตำหนักเยว่ฉีเสียด้วยซ้ำ
“พูดในส่วนของเจ้ามามากแล้ว ถึงคราวข้าพูดในส่วนของข้าสักหลายคำ หลังจากนี้ข้าขอในฐานะศิษย์พี่ มิอนุญาตให้เจ้าแวะเวียนไปยังบ้านข้า หากพบเจอนางในเมืองก็ขอให้หลีกเลี่ยง อย่าสนทนากันหากไม่มีความจำเป็น ข้าขอเท่านี้เจ้าทำได้หรือไม่ หรือว่าต้องใช้อำนาจเพื่อทำทุกอย่างให้ง่ายยิ่งขึ้น”
เฉินฟาหยางกล่าวเช่นนั้นเพราะต้องการให้บุรุษที่อ่อนวัยกว่าถึงสิบสี่ปีตัดใจ ละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อเสวียนซือชิงไปเสีย อีกประการสำคัญคือหากอีกฝ่ายทราบเรื่องที่เขาตั้งใจทำในภายหลัง จะได้ไม่โกรธเคืองกันนานจนเกินไปนัก
“ย่อมได้ แต่ท่านต้องให้สัญญาต่อข้าหนึ่งข้อ” หลี่จินหมิงรอจนตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์พยักหน้า จึงรีบเฉลยข้อแม้ของตนเองมาทันที
“ข้ารู้จักท่านมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ก็จริง แต่ยังมิเคยไล่ตามความคิดของท่านได้ทันเลยสักครั้ง คำของท่านที่กล่าวมา แม้อยากเชื่อทุกอย่าง หากในใจลึก ๆ กลับยังมีความกังวล อย่างไรเสียเพื่อความถูกต้องแล้ว ข้ายินดีถอยหลังชนกำแพงตามที่ท่านออกคำสั่ง มีข้อแลกเปลี่ยนแค่เพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นคือท่านต้องสัญญาว่าภายในหกเดือนนี้ จะดูแลคุณหนูเสวียนให้ดี เมื่อถึงยามต้องห่างกัน นางจะได้ไม่ทุกข์ใจมากนัก ข้าขอเพียงเท่านี้ ท่านทำได้หรือไม่”
“ดี! ในเมื่อเจ้ากล้าเอ่ยปากเพื่อนาง ข้าก็จะสงเคราะห์ให้!”
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางมิพูดอันใดต่อ รีบสาวเท้าออกจากบ้านของน้องชายต่างสายเลือดในทันที หากยังรั้งรออยู่นานกว่านี้ คงต้องมีการหลั่งเลือดสังเวยความไม่พอใจของเขาอย่างแน่นอน
เสวียนซือชิง นี่เจ้าทำอันใดต่อศิษย์น้องข้ากันแน่!
