บทที่ 8
“ก็ไปสิ ใครจะกล้าขวางพระชายาที่สูงส่งเล่าเพคะ” ลู่ไป๋อิงจีบปากจีบคอพูด ถึงแม้ไม่สบอารมณ์แต่นางยังรู้จักอดกลั้น
คนอย่างลู่ไป๋อิงหากไม่ชอบหน้าใคร ก็เล่นลูกไม้เล็กน้อย ให้อีกฝ่ายผิดแล้วจับมาลงโทษ เสี่ยวซีก็เช่นกัน ในเมื่อนางไม่ชอบหน้าอยากกำจัดทิ้งใครจะขวางนางได้
ถ้าวันนี้ลู่ผิงถิงไม่กลับจวน จะไม่มีทางยอมให้เสี่ยวซีเหลือลมหายใจสุดท้ายแบบนี้เด็ดขาด แต่ก็ช่างเถิด ได้ระบายอารมณ์จนสมใจแล้ว ไม่แน่เสี่ยวซีอาจจะไม่รอดคืนนี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นออกไปท่องเที่ยวกับบิดามารดา และพี่ชายรองที่เพิ่งกลับมาจากการไปดูแลการค้าต่างเมืองอย่างมีความสุขดีกว่า
ลู่ผิงถิงกำลังใช้กรรไกรตัดเลาะเอาเสื้อออกจากแผ่นหลังของพี่เสี่ยวซี นางทำอย่างเบามือที่สุดแล้ว ยังไม่วายที่จะได้ยินเสียงครางแสนเจ็บปวด มือสั่นเทาซับเลือดที่เปื้อนบริเวณบาดแผล ไม่คาดคิดว่ารอยแส้จะฉกรรจ์ถึงเพียงนี้ แผ่นหลังขาวนวลของพี่เสี่ยวซี แตกเหวอะหวะจนดูแทบไม่ได้ ลู่ผิงถิงปิดหน้าร้องไห้อย่างทนไม่ไหว
“พระชายาหมอมาแล้วเพคะ”
อาหลี่พาหมอชาวบ้านมาอย่างเร่งรีบ ลู่ผิงถิงถอยออกมาให้หมอดูอาการ เมื่อหมอใส่ยาและพันแผลเรียบร้อยแล้ว ก็หันมาส่ายหน้าให้ลู่ผิงถิง “อาการแม่นางคนนี้หนักมาก ข้าน้อยคิดว่าแม่นางคนนี้ อาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวขอรับ ส่วนนี่เทียบยา หมดหน้าที่ข้าน้อยแล้ว ขอตัวก่อนนะขอรับ”
อาหลี่เห็นพระชายาไม่เอ่ยคำใดก็ออกมาส่งหมอชาวบ้าน เดินกลับมาในห้องพี่สาวคนนั้น พระชายาก็ยังยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม พระชายาต้องเสียพระทัยขั้นไหนจึงได้นิ่งงันไปเช่นนี้
“พระชายาเพคะ” อาหลี่เรียกเบา ๆ แล้วเอาเสื้อคลุมไหล่ที่หยิบมาจากรถม้าสวมให้พระชายา
อากาศหนาวมากแต่ยังเหน็บหนาวไม่เท่าใจของลู่ผิงถิง เสื้อคลุมที่อาหลี่ห่มให้ไม่ทำให้นางรู้สึกอุ่นขึ้นมาสักนิด
พี่เสี่ยวซีเป็นดังพี่สาวที่ปกป้องดูแลนางมาตั้งแต่ยังเยาว์ คอยช่วยปิดบังความผิดยามหนีมารดาไปเที่ยวนอกจวน คอยให้คำปรึกษาแนะนำ หนึ่งปีที่มารดาหมดสติ ก็มีเพียงพี่เสี่ยวซีที่อยู่เป็นเพื่อนพูดคุย
พี่ใหญ่จากนางไปคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้พี่เสี่ยวซีจะจากนางไปอีกคนหรือ
ไม่จริง ไม่จริง ใช่ มันต้องไม่จริง นางยังมีความหวังพี่เสี่ยวซีต้องไม่ตาย
“อาหลี่เจ้าไปต้มยามาให้ข้า” ความมั่นใจเหลือน้อยเต็มทนเมื่อเห็นลมหายใจแผ่วเบาของพี่เสี่ยวซี สั่งการอาหลี่ไปน้ำตาไหลไปอย่างห้ามไม่อยู่
“เพคะพระชายา”
อาหลี่เห็นพระชายาเศร้าหมองเพราะบ่าวคนหนึ่ง ทำให้นางเศร้าใจตามไปด้วย ตั้งใจต้มยาให้พี่สาวคนนั้นและหวังว่าพี่สาวจะไม่จากพระชายาไป
ลู่ผิงถิงสั่งให้อาหลี่ดูแลเสี่ยวซี จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในห้องของมารดา นั่งลงที่ตั่งข้างเตียงเงียบ ๆ แล้วเช็ดน้ำตาตัวเองเป็นครั้งคราว นางเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่ต้องเห็นคนที่นางรักจากไปทีละคน
“ถิงเอ๋อร์พี่รองเอายามาให้แม่ใหญ่ตามคำสั่งแม่เล็ก”
ลู่ผิงถิงเช็ดน้ำตา แล้วหันกลับไปหาลู่หงปินด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่เปิดเผยอารมณ์เศร้าหมองออกมาให้ลู่หงปินเห็น พี่รองของนางคนนี้ ออกไปทำการค้านอกจวนมาตลอด แม้กระทั่งวันแต่งงานของนางเขายังไม่กลับมา
ดูเหมือนพี่รองจะเพิ่งกลับเข้าจวนมาวันนี้ นับว่าประหลาดที่เขามาที่นี่ “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ พี่รอง”
“เมื่อครู่พี่ออกจากวัง ทูลขอฝ่าบาทแล้ว พรุ่งนี้หมอหลวงจะมาดูอาการแม่ใหญ่ วันนี้เจ้าก็พักที่จวนลู่ไม่ต้องกลับจวนอ๋องแล้ว อยู่ดูแลแม่ใหญ่เถิด”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นพี่ขอตัวก่อน”
ลู่ผิงถิงพยักหน้าเล็กน้อย มองแผ่นหลังกว้างของพี่ชายต่างมารดาเดินห่างออกไป นางไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงรู้สึกว่าการมาเยือนของพี่รองครั้งนี้มีแผนการบางอย่าง
พี่รองไม่เคยนำยามาให้มารดา เพราะทุกครั้งจะเป็นบ่าวของลู่ไป๋อิงหรือไม่ก็ลู่ไป๋อิงมาเอง
ลู่ผิงถิงใช่เข็มเงินทดสอบพิษ หนึ่งปีมานี้สั่งเสี่ยวซีไว้ให้รอบคอบเรื่องยาของมารดา เพราะนางไม่ไว้ใจคนในตระกูลลู่ จึงให้เสี่ยวซีแอบต้มยาที่แอบไปเก็บมาจากหุบเขาหลังจวนในยามวิกาล และได้นำสมุนไพรมาตากแห้ง ลักลอบเก็บไว้ที่เรือนท้ายจวน เพื่อให้สะดวกกับเสี่ยวซีในการต้ม
ถึงแม้ยาที่พี่รองนำมาให้จะไม่มีพิษ แต่ลู่ผิงถิงก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี นางเข้าไปนำสมุนไพรบางส่วนออกมา แล้วเอาไปให้อาหลี่ต้มอีกหม้อ
เมื่ออาหลี่ทำทุกอย่างเสร็จก็เข้ามาในห้องฮูหยินใหญ่ลู่ “พระชายาจะเสวยสิ่งใดไหมเพคะ”
“ไม่ละ เจ้ากลับจวนอ๋องไปรายงานพ่อบ้านเสียหน่อย วันนี้ข้าจะค้างจวนลู่”
“เพคะพระชายาหม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับเพคะ”
อาหลี่เร่งเดินทางกลับจวนอ๋องเนื่องจากเป็นห่วงว่าพระ ชายาจะได้รับอันตราย หลังจากที่เข้าไปสัมผัสบรรยากาศแปลกประหลาดในจวนลู่ ก็พอคาดเดาได้ว่าพระชายาอยู่ที่จวนแห่งนั้นต้องยากลำบากไม่น้อย
มิเช่นนั้นฐานะบุตรภรรยาเอกของพระชายาจะได้มาอาศัยอยู่ที่เรือนซอมซ่อแบบนั้นได้อย่างไร
อาหลี่คิดไว้แล้วว่า เรื่องนี้ต้องรายงานท่านอ๋องเท่านั้น พ่อบ้านจางจะช่วยอะไรพระชายาได้ แม้จะไม่แน่ใจว่าท่านอ๋องจะช่วยพระชายาได้หรือไม่ แต่ท่านอ๋องเป็นบุรุษมีตำแหน่ง จวนลู่คงจะเกรงใจบ้างไม่มากก็น้อย
