บทที่ 7
“ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้หมอเทวดาเหยียนอยู่ที่ใด”
“สักครู่นะแม่นางข้าจะไปหาข้อมูล”
อาหลี่ที่เดินตามหลังพระชายามาตลอดถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พระชายาไม่ได้มาหาท่านอ๋อง
หนึ่งเค่อผ่านไปผู้ดูแลคนนั้นก็กลับมา “แม่นางท่านโชคดีมาก อีกสี่วันหมอเทวดาเหยียนจะเดินทางมาพักที่หอเฟิ่งหวงของเรา”
“จริงหรือ” ลู่ผิงถิงดีใจมาก ฉีกยิ้มกว้างจนผู้ดูแลมองตาค้าง “ข้ามีอีกข่าวที่อยากสืบ คดีปล้นบุตรชายตระกูลลู่เมื่อหนึ่งปีก่อน”
“คดีนี้ปิดไปแล้วไม่ใช่รึ แม่นาง”
“รับสืบหรือไม่” ลู่ผิงถิงวางเงินลงไปหนึ่งร้อยตำลึง “ถ้าได้ข้อมมูลที่เป็นประโยชน์จะเพิ่มค่าจ้างให้ไม่อั้น”
ผู้ดูแลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “รับขอรับ อีกหนึ่งเดือนแม่นางมารับข่าว ถ้าสืบมาได้ก็แลกเปลี่ยนเงินกับข่าวตามปกติ แต่ถ้าสืบไม่ได้ทางเราจะคืนเงินแค่บางส่วนนะขอรับ เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายระหว่างการสืบ”
“ได้” ลู่ผิงถิงจ่ายเงินและออกจากหอเฟิ่งหวง
รออีกสี่วันค่อยมาที่นี่ใหม่ เพื่อดูว่าหมอเทวดาเหยียนจะมาตามที่ได้รับข้อมูลไหม ซึ่งถ้ามาจริงความหวังเรื่องแก้พิษให้มารดาก็มีมากขึ้น
หลังจากออกจากหอเฟิ่งหวง ลู่ผิงถิงและอาหลี่ก็ไปที่จวนตระกูลลู่
ในขณะที่เดินเข้าเรือนท้ายจวนลู่ผิงถิงก็ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบา คละเคล้าไปกับเสียงครางที่ดูเจ็บปวด ใจของลู่ผิงถิงกระตุกวูบ รีบวิ่งไปที่เรือนท้ายจวน
ภาพที่เห็นทำให้จิตใจร้อนรน แผดเสียงออกมาอย่างแค้นเคือง “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เสี่ยวซีกำลังถูกเฆี่ยนด้วยแส้หวาย แผ่นหลังบอบบางมีเลือดซึมออกมาจากอาภรณ์เป็นรอยแส้
ในตอนที่มาถึงเสี่ยวซีกำลังจะสติดับวูบลง ทว่าตอนนี้นางดูเหมือนจะข่มความเจ็บปวดไว้ ไม่ยอมให้ตนเองหมดสติ ลู่ผิงถิงเข้าไปกอดเสี่ยวซีไว้ ไม่ให้แส้ที่เต็มไปด้วยโลหิตฟาดลงบนแผ่นหลังบางนั้นได้อีก ทำให้บ่าวผู้นั้นยั้งมือไม่ทัน ฟาดไปที่แผ่นหลังของลู่ผิงถิง
“คุณหนูบ่าวไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
ร่างบางของลู่ผิงถิงสะดุ้งโหยง ยามหวายกระทบแผ่นหลัง แสบร้อนมาก เพียงครั้งเดียวยังเจ็บเพียงนี้ แล้วพี่เสี่ยวซีโดยไปตั้งหลายครั้งจะทนได้อย่างไร สายตามาดร้ายจับจ้องใบหน้าบ่าวที่ลงมือ พอดีกับที่สตรีร่างเล็กในอ้อมกอดขยับ ลู่ผิงถิงจึงเลิกสนใจบ่าวคนนั้น ได้แต่เก็บไฟโทสะทั้งหมดไว้ในใจ และก้มมองเสี่ยวซีที่อยู่ในอ้อมกอด
เสี่ยวซีลืมตาขึ้นเล็กน้อยพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไร้เสียง นางเจ็บมากเจ็บจนน้ำตาเม็ดเล็กเกลี้ยงเกลาไหลออกมา อยากปลอบใจคุณหนูที่แววตาแดงก่ำ แต่นางไม่มีแรงแม้แต่จะพูด ภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของคุณหนูค่อย ๆ พร่ามัวลง
ส่งรอยยิ้มเจ็บปวดให้เสี่ยวซีทั้งน้ำตา คนในอ้อมกอดสลบไปแล้ว ใจของลู่ผิงถิงสั่นสะท้าน พี่เสี่ยวซีหายใจแผ่วเบาเกินไป เบาเสียจนนางรู้สึกกลัว
วางร่างพี่เสี่ยวซีไปบนพื้นอย่างนุ่มนวล แล้วส่งสัญญาณให้อาหลี่ไปตามหมอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับลู่ไป๋อิง
“นางทำสิ่งใดผิด?” ลู่ผิงถิงกัดฟันถามลู่ไป๋อิงที่เป็นคนควบคุมการเฆี่ยนในครั้งนี้
“นางขโมยสร้อยมุกของข้า ข้าแค่ลงโทษตามกฎเท่านั้นผิดหรือ”
ลู่ผิงถิงจ้องลู่ไป๋อิงเขม็ง ครั้งนี้นางโกรธน้องสาวมาก ยิ่งอีกฝ่ายลอยหน้าลอยตา ลู่ผิงถิงยิ่งอยากฟาดฝ่ามือบนแก้มนวลนั้น มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เพื่อสงบจิตสงบใจไม่ให้ตนยื่นมือออกไปตบหน้าลู่ไป๋อิง
เมื่ออีกฝ่ายมีหลักฐานมัดตัว การลงโทษบ่าวตามกฎตระกูลก็เป็นเรื่องปกติ ลู่ผิงถิงยอมรับเรื่องนี้นางเถียงไม่ได้
ยิ่งถ้านางลงไม้ลงมือกับน้องสาว ก็จะทำให้นางกลายเป็นคนไม่รู้ความปกป้องคนผิด
ทว่า ลู่ผิงถิงรู้จักพี่เสี่ยวซีดีว่าไม่ได้มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย อีกอย่างพี่เสี่ยวซีอยู่เรือนท้ายจวนจะเข้าไปขโมยของในเรือนใหญ่ได้อย่างไร เรื่องราวพวกนี้แค่มองก็รู้ว่าถูกใส่ร้าย
“คุยกับข้าที่เป็นถึงพระชายาเจ้าใช้ท่าทีแบบนี้หรือ อิงเอ๋อร์น้องสาวข้า เจ้ารู้หรือไม่โทษหมิ่นเบื้องสูง ข้าสามารถจับเจ้าโบยได้ทันทีเช่นกัน” ลู่ผิงถิงพูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ลู่ไป๋อิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นางไม่อยากคารวะคนอย่างลู่ผิงถิง ทว่าพี่สาวตัวดีใช้ฐานะพระชายาจอมปลอมมาข่มขู่นาง และตอนนี้ฐานะของนางยังเทียบฐานะพระชายาของพี่สาวไม่ได้ จึงยอบกายคารวะอย่างขอไปที
จิตใจของลู่ไป๋อิงจดจำความอับอายครั้งนี้ไว้แล้ว รอให้นางได้ขึ้นเป็นฮองเฮา เป็นพี่สะใภ้ของพี่สาวตัวดีก่อนเถิด ถึงวันนั้นนางอยากกดขี่ข่มเหงพี่สาวอย่างไรก็ย่อมได้
ถ้าแผนการที่นางวางไว้ให้ฮ่องเต้สำเร็จ พี่สาวตัวดีของนางจะยังวางท่าหยิ่งยโสเพียงนี้อยู่ได้อีกหรือ เฝ้ารอเหลือเกิน เฝ้ารอวันที่พี่สาวไม่มีหน้าไปมองผู้อื่น “พวกเราเป็นพี่น้องกัน ไม่จำเป็นต้องมากพิธีการ พี่สาวท่านว่าหรือไม่”
“ใช่ ข้าเพียงล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าเจ้าจะคารวะข้าจริง” ลู่ผิงถิงยิ้มเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา “สร้อยของเจ้าก็ได้คืนแล้วบ่าวคนนี้ก็ถูกลงโทษแล้ว เช่นนั้นข้าจะพานางไปรักษา”
