บทที่ 6
มู่เซียวเซ่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลือบมองเตียงแม้แต่น้อย
“ดะ...” เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป ไม่สิจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ นางยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการเลย เขาจะไปทั้งอย่างนี้ได้ไง
แค่เริ่มขยับปากประตูก็ปิดลงแล้ว นางเรียกเขาไว้ไม่ทัน และเรื่องที่นางคาดหวังก็ยังไม่สำเร็จ
สักพักคนตัวเล็กก็พาตัวเองลุกจากเตียงได้ นางนั่งบิดลำตัวอยู่บนเตียงไปมา เพื่อไล่ความเมื่อยล้าจากการนอนนิ่งอยู่นาน
“พระชายา” อาหลี่ที่คอยปรนนิบัติพระชายาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวหลังจากท่านอ๋องออกไปจึงรีบเข้ามา
ใบหน้าน้อย ๆ แดงก่ำ หุบยิ้มไม่ลงเมื่อเห็นว่าอาภรณ์ของผู้เป็นนายไม่เรียบร้อย
ลู่ผิงถิงก้มมองตัวเองแล้วรีบจัดระเบียบอาภรณ์ให้เข้าที่ รู้สึกอับอายที่อาหลี่ต้องมาเห็นนางในสภาพเช่นนี้ ช่างเถิดไม่จำเป็นต้องอธิบาย เข้าหอคืนแรกถ้าเขาไม่อยู่ห้องหอน่าอับอายกว่าเยอะ
อาหลี่ปรนนิบัติพระชายาสวมเสื้อผ้า พอคิดถึงใบหน้าแดงเรื่อของพระชายาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ไปเถิดเพคะ ท่านอ๋องน่าจะรอนานแล้ว”
“เหตุใดเขาต้องรอข้าด้วยเล่า”
“ได้เวลาเสวยยามเช้าแล้วเพคะ”
“อ้อ เป็นเช่นนี้...งั้นไปกัน” ลู่ผิงถิงประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับสามีอย่างไรดี
เมื่อเช้าแม้แต่หางตาเขาก็ไม่มองนางด้วยซ้ำ ระหว่างที่เดินไปก็คิดหาบทสนทนา ที่พอจะทำให้สามีเมตตาเอ็นดู ทว่าคิดไม่ออก ไม่เคยประจบประแจงผู้อื่นด้วยสิ
มาถึงโต๊ะรับประทานอาหาร กลับไม่มีใครรอนางอยู่อย่างที่อาหลี่บอก ลู่ผิงถิงรู้สึกโล่งใจที่ไม่เจอหน้าสามีในตอนนี้
เมื่อพระชายานั่งลงที่โต๊ะอาหาร พ่อบ้านจางก็เดินเข้ามาและส่งของบางอย่างให้ “ท่านอ๋องให้กระหม่อมนำมามอบให้พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
ลู่ผิงถิงรับมาเปิดดูเป็นต่างหูหยกน้ำงามคู่หนึ่ง “แล้วท่านอ๋องเล่า”
“เอ่อ...คือ...”
“พูดมาเถิด จะอ้ำอึ้งเพื่อ” ลู่ผิงถิงไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นท่าทีลังเลของพ่อบ้านจาง เมื่อเช้าสิ่งที่นางคาดหวังก็ไม่สมหวังแล้ว ยังต้องมาเห็นท่าทีอึก ๆ อัก ๆ ของอีกฝ่าย ทำให้คำพูดของนางใส่อารมณ์เล็กน้อย
พ่อบ้านจางกลับเข้าใจผิด คิดว่าพระชายาไม่พอใจ ที่ท่านอ๋องไม่อยู่เสวยพระกระยาหารด้วย “กระหม่อมไม่ทราบ แต่เดี๋ยวกระหม่อมจะรีบไปตามกลับมาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่รู้แล้วจะไปตามที่ใด”
“ก็หอ....” พ่อบ้านจางใช้มือปิดปากอย่างรวดเร็ว เขาเกือบจะหลุดปากบอกพระชายา ว่าท่านอ๋องไปหาแม่นางซู่เหยาที่หอเฟิ่งหวง
ลู่ผิงถิงเห็นท่าทีปิดปากลุกลี้ลุกลน ก็คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายรู้ดีว่าสามีไปที่ใด แต่นางไม่ได้เปิดโปงเขา “ช่างเถิดข้ากินอิ่มแล้ว จะกลับไปเยี่ยมท่านแม่ที่จวนลู่ ถ้าท่านอ๋องกลับมาเจ้าก็บอกเขาแล้วกัน”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเตรียมรถม้าไว้ให้พระชายา”
หลังจากกินอิ่มลู่ผิงถิงก็พาอาหลี่ออกจากจวน “ไปหอเฟิ่งหวง” นางสั่งคนบังคับรถม้า
อาหลี่ที่ก้าวขึ้นรถม้าตามหลัง ด้วยความรู้สึกแปลกใจ พระชายาไม่ไปจวนตระกูลลู่ ทว่าไปหอเฟิ่งหวงแทน คงไม่ใช่เพราะว่าจะตามมาเอาเรื่องท่านอ๋องหรอกนะ ก็ใช่ ใครจนทนได้ที่สามีมาสนุกกับเหล่าบุปผางาม ถ้าเป็นนางก็คงไม่ทน
ถึงแม้จะข้องใจแค่ไหน อาหลี่ก็ไม่กล้าสอดปากถามเรื่องส่วนตัวของผู้เป็นนาย
ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าท่านอ๋องไม่มีกิจธุระอันใดให้ทำ ทุกครั้งที่ออกจากจวนก็จะไปสำราญที่หอเฟิ่งหวงกับเหล่าบุปผางามทั้งหลาย
ไม่รู้ตัวว่าลอบมองพระชายา ด้วยสายตาสงสัยบ่อยครั้งเกินไป จนพระชายายกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเอง แล้วเอ่ยปากถาม “หน้าข้ามีสิ่งใดติดอยู่หรือ”
“ไม่มีเพคะ”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมอง”
“เปล่าเพคะ หม่อมฉันไม่ได้มอง” หลังจากถูกพระชายาถามอาหลี่ก็ก้มหน้าไปตลอดทาง
ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามองยังปฏิเสธอีก ลู่ผิงถิงคล้านจะใส่ใจจึงปล่อยผ่านเรื่องการลอบมองของอาหลี่ไป
เมื่อมาถึงหอเฟิ่งหวง ลู่ผิงถิงก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง ซึ่งเป็นชั้นของนักสืบข่าวเลี่ยงชื่อในเมืองหลวง ไม่ว่าข่าวใดหอเฟิ่งหวงไม่เคยทำให้ผิดหวัง อยู่ที่ว่ากระเป๋าของคนจ้างจะหนักหรือไม่ ดังนั้นนี่เป็นเรื่องสำคัญที่ลู่ผิงถิงต้องสืบ หลังจากออกมาจากจวนตระกูลลู่มาได้
ยังดีที่บิดาทำตามสัญญา ยกสินเดิมของมารดาให้เป็นสินเดิมของนางเข้าจวนอ๋อง มิเช่นนั้นนางคงไม่มีเงินมาสืบข่าวแบบนี้ได้แน่
ยามที่อยู่เรือนท้ายจวน ฮูหยินรองดูแลทุกอย่างในจวน บิดาก็วุ่นวายอยู่กับเรื่องค้าขาย จึงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยในจวน จนป่านนี้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว บิดาก็ยังไม่รู้ถึงความลำบากของบุตรสาวคนโต ว่าอัตคัดเงินทองแค่ไหนหรือบางครั้งบิดาอาจจะรู้ แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้ ลู่ผิงถิงเองก็ไม่แน่ชัดในใจ
วันนี้อยากได้ข่าวของหมอเทวดาเหยียน เพื่อจะให้มารักษาอาการป่วยของมารดา และอยากได้ข่าวของพวกโจรที่ปล้นฆ่าลู่หงจื่อพี่ชายใหญ่ของตน
ซึ่งคดีของพี่ชายถูกปิดคดีไปนานแล้ว โดยที่คนร้ายทุกคนฆ่าตัวตาย ทำให้ลู่ผิงถิงสงสัยมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้ยังมีเบื้องหลังที่ไม่ชัดเจน คนที่สละชีวิตไปเป็นเพียงแพะรับบาป ไม่ใช่คนบงการ
“ผู้ดูแลข้าต้องการสืบข่าวบางอย่าง”
“แม่นางอยากรู้ข่าวใดรึ ถ้ามีข่าวอยู่แล้วก็ตกลงแลกเปลี่ยนข่าวกับเงินได้เลย แต่ถ้าข้อมูลที่แม่นางอยากได้ทางเรายังไม่มี ก็ต้องใช้เวลาในการสืบหาเสียหน่อย”
