2
“เรียกหนูว่าพระจันทร์ก็ได้นะคะ เอ่อ... เป็นชื่อเล่นของหนูน่ะค่ะ”
“ค่ะคุณพระจันทร์รีบเข้าไปเถอะนะคะ” ป้าพุดจีบรีบซอยเท้าเข้าไปในห้องอย่างร้อนใจ สีหน้าของนางดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“คุณพีร์คะ”
“ออกไปให้พ้น ฉันต้องการมณีคนเดียวเท่านั้น เมียฉันไปไหน ป้าติดต่อเธอได้หรือยัง ป่านนี้มณีคงเป็นห่วงผมมาก ที่ผมหายไปแบบนี้ เธอแค่กลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้น ผมต้องไปรับเธอมาอยู่ด้วยกัน” พีรพัฒน์พูดเหมือนเพ้อ
“คุณมณีมาแล้วค่ะ ป้าโทร. ติดต่อได้แล้ว นี่ไงคะ” ป้าพุดจีบรีบดันแผ่นหลังของพระจันทร์เข้าไป พีรพัฒน์รีบอ้าแขนออกรับ พอสัมผัสกับร่างน้อยในอ้อมแขนเข้า เขาก็โอบกอดแนบแน่นในทันที
“ผมคิดถึงคุณที่สุดเลยมณี คิดว่าคุณจะรังเกียจผู้ชายตาบอด ไม่เหลียวแลเสียแล้ว” พระจันทร์ยืนตัวแข็ง เธอรู้สึกได้ถึงแรงสะท้านของอ้อมแขนแกร่ง เสียงของเขาดูเศร้าสร้อยจนเธอนึกสงสารไม่น้อย
“ทำไมไม่พูดกับผมล่ะมณี”
“เอ่อ... มณีดีใจค่ะที่เราได้พบกันอีกครั้ง” เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกว่าประโยคที่พูดออกไปดูโง่ๆ ยังไงก็ไม่รู้ เธอไม่เคยรู้จักมักจี่กับเขามาก่อนจะพูดจาหวานหูใส่กันก็ทำไม่เป็น เธอพูดได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะสติของเธอก็นึกได้แค่นี้จริงๆ
“คุณเดินทางมาเหนื่อยไหม” พีรพัฒน์เอ่ยถาม ใช้มือคลำไปมาเพื่อสำรวจเนื้อตัวของคนตรงหน้า พระจันทร์ยืนตัวแข็ง เธอกลัวเขาจับได้ว่าเธอไม่ใช่พี่สาวต่างสายเลือดผู้ใจร้าย
“ว่าไงล่ะ เดินทางมาเหนื่อยไหม” เขาเอ่ยถามเสียงนุ่ม พระจันทร์จึงได้สังเกตผู้ชายตาบอดตรงหน้าได้อย่างชัดเจนขึ้น
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมสัน พีรพัฒน์เป็นคนใบหน้าเรียว คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากหยักหนา คางผ่า ผิวกายเรียบตึงแข็งแรง เรือนร่างค่อนข้างสูงเพรียว ผิวสีแทนของเขาทำให้เขาดูคมเข้มหล่อเหลายิ่งขึ้น
“ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ”
“ผมคิดถึงคุณมากๆ เลยนะ” เขาขยับมือมาด้านหน้า พอเจอกับมือน้อยก็รีบดึงเข้าหา มืออีกข้างขยับไปมาเพื่อควานหาเส้นทางเดิน พาเธอไปที่เตียงนอนกว้าง ป้าพุดจีบถอนใจพรืดอย่างโล่งอก…
“โล่งใจจังเลยค่ะ งั้นป้าฝากคุณพีร์เอาไว้กับคุณพระจันทร์ด้วยนะคะ”
“พระจันทร์คือใคร?” พีรพัฒน์เอ่ยถาม สีหน้าของเขาสงสัยใคร่รู้ พระจันทร์หน้าซีดตกใจ ก่อนจะพูดเสียงนุ่มเมื่อตั้งสติได้แล้ว
“มณีมีอีกชื่อว่าพระจันทร์น่ะค่ะ”
“ไม่เห็นคุณเคยพูดหรือบอกผมเลย”
“เป็นชื่อที่คุณแม่เรียกคนเดียวน่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้บอกใคร”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“เดี๋ยวป้าจะพาคุณไปสำรวจบ้านนะคะ คุณพีร์คะ ป้าขอตัวคุณพระจันทร์ก่อนนะคะ”
“อย่าไปนานนะครับ ผมจะรออยู่ในห้อง” เขารีบบอก ท่าทีไม่อยากให้เธอออกไปไหนไกลตัว
“เดี๋ยวพระจันทร์รีบกลับมานะคะ” เธอบอกเขา มองสภาพห้องกว้างที่ ไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วถอนใจเล็กน้อย เธอคงต้องกลับมาเก็บกวาดห้องพักของเขาอีกรอบ
“ที่นี่เป็นเรือนหอของคุณกับคุณพีร์ ป้าเองไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำหรอกนะคะ ต้องกลับไปดูแลบ้านใหญ่ของคุณพีร์อีกที่หนึ่งน่ะค่ะ”
“เหรอคะป้า แบบนี้หนูก็ต้องอยู่กับคุณพีร์แค่สองคนเหรอคะ”
“คุณพีร์บอกว่าอยากอยู่กับคุณเพียงแค่สองคนน่ะค่ะ น่าจะอยากจู๋จี๋กับคุณ ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวาย แบบนี้ละค่ะ ช่วงข้าวใหม่ปลามัน แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ อาหารการกินคุณพีร์สั่งให้นำมาส่งให้เกือบทุกวัน อยากกินอะไรก็สั่งไปได้เลยค่ะ” พระจันทร์กะพริบตาปริบๆ เธอยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับ คนตาบอดเช่นไรดี เขาเป็นคนอย่างไร เธอจะรับมือเขาได้ไหม
“ตรงนี้ห้องครัวนะคะ มีอาหารหลายอย่างตุนเอาไว้เยอะแยะเลย คุณพีร์สั่งให้พวกเราเอามาเตรียมเอาไว้น่ะค่ะ คุณคงไม่ขัดสนเรื่องของกิน ที่นี่มีเครื่องปั่นไฟ รับรองว่ามีไฟฟ้าใช้แน่นอน”
“ค่ะ” พระจันทร์รับคำอย่างเลื่อนลอย งุนงงไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ใจอยากทิ้งทุกอย่างและหนีไป แต่ไม่มีเงินติดกายเลยสักบาทเดียว อีกทั้งเมื่อเห็นคนป่วยตาบอดที่ถูกทอดทิ้งก็ใจอ่อนยวบ บางทีการอยู่ที่นี่คงไม่ได้เลวร้ายนักหรอก
“หวังว่าคุณคงอยู่ได้นะคะ” แม่บ้านสูงวัยเอ่ยถามเหมือนไม่แน่ใจ มองเด็กสาวตรงหน้านิ่งอย่างพินิจพิจารณา