พระจันทร์ใต้เงารัก

21.0K · จบแล้ว
B.J.
19
บท
5.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

พระจันทร์ถูกบิดาเลี้ยงและพี่สาวนอกไส้สุดแสนใจร้ายบังคับแกมขอร้องให้มาดูแลคนตาบอด เธอจะไม่รู้สึกอะไรเลยหากผู้ชายน่าสงสารคนนั้นจะไม่… หล่อเหลา คมเข้ม.. ร่างเพรียวแข็งแรงสมส่วน... เซ็กซี่กินขาด... และหื่น!!! “ว้าย! ปล่อยนะ” “คุณก็เพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ อาบน้ำด้วยกันนะ” “ไม่ค่ะ พระจันทร์ค่อยอาบทีหลัง” ดูเหมือนคำพูดของเธอจะไม่ซึมเข้าไปในห้วงความรู้สึกอะไรของเขาเลย มือหนาควานไปเปิดฝักบัวไม่นานน้ำก็ราดรดลงมา เธอดิ้นเร่าๆ อยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง แต่ดิ้นหนีไปไหนไม่รอด ใช่! เขาตาบอด แต่อย่างอื่นยังสมบูรณ์แข็งแรงไม่ได้สึกหรอ… “อื้อ...” เขาตาบอดแต่สัญชาตญาณเขายังดี ปากร้อนที่บดจูบลงมาเหมาะเจาะเหมือนจับวาง เขาบีบปลายคางของเธอแน่น สอดแทรกลิ้นเข้ามาพัวพันด้านใน ร่างกายแข็งแรงของเขาบดเบียดเข้าหา เธอรับรู้ได้ถึงความเป็นชายที่เสียดสีอยู่กับหน้าท้องแบนราบ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ เธอนี่แหละผิดพลาดที่ไม่รีบวิ่งหนีออกไปจากคฤหาสน์อันโอ่อ่าแห่งนี้ แต่ตัดสินใจเดินเข้ามาดูแลเขาเพียงเพราะสงสาร “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”

นิยายรักโรแมนติก

1

พระจันทร์ โอชาราช สาวน้อยวัย 20 มองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าอย่างตกตะลึง

พี่สาวต่างสายเลือดใจร้ายของเธอได้ส่งเธอมาดูแลเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ด้วยเหตุที่ว่าอีกฝ่ายไม่สามารถมาดูแลคนตาบอดพิการได้

บิดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก มารดาเลยมีสามีใหม่ พาเธอมาอยู่ในไร่อันห่างไกลความเจริญ ตอนแรกๆ บิดาเลี้ยงก็ดูใจดี แต่ที่แท้เขาหลอกพาเธอกับมารดามาทำงานไม่ต่างจากทาส เพื่อรับใช้ตัวเองและลูกสาวใจยักษ์อีกคนหนึ่ง

พี่สาวต่างสายเลือดของเธอชอบเที่ยวเตร่และคบหาดูใจกับผู้ชายหลายคน แต่คนที่ตกลงปลงใจจะอยู่กินด้วยดันประสบอุบัติเหตุตาบอด มณีเลยส่งเธอมาดูแลในระหว่างที่เขาพักรักษาตัว ซึ่งเธอก็ต้องปลอมตัวเป็นพี่สาวใจร้ายด้วยเช่นกัน

“ถึงเขาตาบอด แต่คนของเขาก็ต้องรู้สิคะว่าพระจันทร์ไม่ใช่พี่ณี”

“ไม่รู้หรอกนังหน้าโง่ คุณพีรพัฒน์เขาไม่เคยพาฉันไปที่ไร่ ตัดสินใจอยู่ด้วยกันเขาก็โอนเงินมาให้เยอะแยะ แกไปดูแลเขาให้ดีก็พอ เขามองไม่เห็น เหอะ! ชาตินี้ยังไม่รู้จะมองเห็นไหม ขับรถหน้าโง่ยังไงไม่รู้ไปพลิกคว่ำตาบอด ไม่ตายๆ ไปซะให้สิ้นเรื่อง ต้องมาเป็นภาระคนอื่น” มณีพูดอย่างหงุดหงิดใจ พระจันทร์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องให้เธอไปดูแลผู้ชายคนนี้ด้วย

“แกอย่าถามให้มากความเลย ทำตามที่ฉันกับพ่อบอกก็พอแล้ว”

พระจันทร์คุกเข่านั่งลงแทบเท้าฟังพี่สาวใจร้ายพูดด้วยความสงสัย ในเมื่อไม่อยากมีสามีตาบอดก็ไม่น่าจะไปผูกพันอะไรกันอีกก็บอกเลิกกันไปเลย มันอาจจะดูใจร้ายแต่ก็ดีกว่าไปหลอกเขาแบบนั้น

เธออายุเท่านี้แล้วนอกจากจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อ สองพ่อลูกก็ไม่ยอมให้เรียน พอจบประถมก็กักเอาไว้ใช้งานเยี่ยงทาสในบ้าน เธอเองก็ไม่มีที่ไป แถมมารดาก็มาล้มป่วยลงอีกเพราะทำงานหนัก เป็นผู้ป่วยติดเตียง เธอเลยยิ่งไปไหนไม่ได้ใหญ่ สองพ่อลูกใช้งานเช่นไรก็ต้องทำ ไม่ทำก็ไม่มีข้าวกิน เธอดูแลมารดาจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต เมื่อท่านจากไปอย่างสงบบนเตียงแคบๆ ด้วยร่างกายผ่ายผอม เธอก็รู้สึกได้ถึงความหว้าเหว่และแรงกายแรงใจที่หมดลงเพราะไร้ที่พึ่งทางใจอีก

“สามีของพี่ณีใจร้ายไหมคะ”

“โอ๊ย! หน้าโง่จะตายไป แถมยังใจดีอีกนะ หลอกอะไรก็ให้หมด ฉันส่งแกไปมันก็ไม่รู้หรอก” ไม่มีความรักความพิศวาสอยู่ในน้ำเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย พระจันทร์รู้สึกสงสารผู้ชายที่ชื่อพีรพัฒน์จับใจ คงไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเข้ากับงูพิษที่ดูสวยงามแค่ภายนอกแต่น่ากลัวเหลือหลาย

“นั่นคุณมณีใช่ไหมคะ” เสียงของแม่บ้านสูงวัยชื่อป้าพุดจีบพูดขึ้นอย่างดีใจ ทำให้พระจันทร์หลุดจากภวังค์ความคิดอันแสนวุ่นวาย สีหน้าของนางดูโล่งใจไปพร้อมๆ กันที่เห็นเธอ

“ค่ะ” พระจันทร์ชะงักก่อนจะรับคำ เธอมาในนามของมณีพี่สาวต่างสายเลือดผู้แสนใจร้าย อยากขอโทษหญิงสูงวัยตรงหน้าจับใจที่พูดจาโกหกเช่นนี้

“ดีใจจังเลยค่ะที่คุณมา คุณพีร์อาละวาดใหญ่แล้วค่ะ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เพ้อถึงแต่คุณ” แม่บ้านสูงวัยพูดอย่างร้อนใจ นางไม่เคยเห็นภรรยา ของเจ้านายหนุ่มหรอกนะ เพราะอีกฝ่ายไปเจอกันตอนเข้ากรุงเทพฯ แล้วก็ตกลงปลงใจอยู่กินกัน ความรักอันหวานชื่นนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกว่ารักแรกพบ

พีรพัฒน์บอกทุกคนว่ามีภรรยาแล้วจะรับมาอยู่ด้วยกันที่ไร่ แต่ดันเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เลยต้องเข้ารับการรักษาตัว นางติดต่อภรรยาของเจ้านายหนุ่มได้ และอีกฝ่ายรับปากว่าจะมาดูแลสามีก็ดีใจเพราะไม่มีใครเข้าหน้าติด พีรพัฒน์อาละวาดทุกวัน แถมยังเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่ยอมกินข้าวกินปลา

“รีบพาหนูไปหาคุณพีร์เถอะค่ะ” พระจันทร์ก็ร้อนใจไม่น้อย เธอไม่รู้ว่าต้องมาเป็นภรรยากำมะลอของผู้ชายคนนี้อีกนานไหม แต่ในเมื่อเขาน่าสงสารตาบอดแถมยังถูกเมียรักทอดทิ้ง เธอเองก็อดสงสารไม่ได้

ใจหนึ่งของพระจันทร์มันบอกให้เธอหนีไปจากสองพ่อลูกใจร้ายเพราะมารดาสิ้นแล้ว แต่เพราะสองพ่อลูกคงกลัวเธอคิดหนีเลยพามาส่งให้จนถึงไร่ของพีรพัฒน์ แบบไม่ได้แวะพักที่ไหนเลย

“คุณพีร์อาละวาดอยู่นั่นค่ะคุณมณี”