บทที่ 9
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามาเพื่อชมการแสดงของสุนัขแสนรู้ตัวนี้ และขณะที่เขาชูมือขึ้นในท่ามกลางเสียงแตรที่สนั่นหวั่นไหว เสียงปรบมือที่อื้ออึงอยู่นั้น แจ๊คเกือบจะมองเห็นภาพตัวเองที่ยังคงยืนอยู่บนเวทีเช่นนี้ตลอดไป
แต่ว่านี้เป็นสิ่งไร้สาระที่สุดในชีวิต ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนร่อนเร่พเนจร แต่กิเดียน มิดไนท์ ก็จะไม่มีวันยอมให้ “รัฟ แจ๊คสัน” ร่วมอยู่ในคณะอีกต่อไป ซึ่งเหตุผลสําหรับเรื่องนี้มีอยู่เพียงประการเดียวคือ มิดไนท์เกรงว่า เสน่ห์ของเขาจะผูกพันจิตใจและทําให้แอมเบอร์หลงใหล และประการที่สําคัญไปกว่านั้นที่เขาไม่อาจลืมได้ก็คือ เวลานี้เท่ากับเขาได้แย่งชิงความเป็นดาวเด่นของมิดไนท์มาครอบครองโดยสิ้นเชิง
และขณะที่เขาจับตามองการแสดงของมิดไนท์อยู่นั้น เขาก็ต้องยอมรับว่าเจ้าของคณะมีความเป็นนักแม่นปืนอย่างพอตัวทีเดียว
“การแสดงในอันดับต่อไป...” เสียงโฆษกประกาศก้องขึ้น “มิสเตอร์กิเดียน มิดไนท์ นักแม่นปืนผู้สามารถยิงได้แม่นยําที่สุดในโลก จะแสดงการยิงปืนของเขาให้ท่านชมบนหลังม้าสีขาวราวน้ำนม ที่มีชื่อว่ามิสบล๊านซ์ครับผม”
เสียงปรบมือของผู้ชมดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วขณะ เจ้าของคณะในชุดสีแดงเจิดจ้าเหวี่ยงร่างขึ้นยืนบนหลังม้าสีขาว ปีกหมวกสีขาวที่เขาสวมใส่อยู่ส่ายไหวตามจังหวะการควบของม้า ทั้งรอยยิ้มและสีหน้าที่บอกความมั่นใจทําให้ผู้ชมมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ขณะนี้ทุกคนกําลังได้ชมการแสดงของบุรุษผู้มีชื่อเสียงในตํานาน คือวิลเลียม เอฟ. โคดี้ อย่างแท้จริง แม้แต่แจ๊คเองก็อยากจะเชื่อตามนั้นไปด้วย
“ในอันดับแรกนี้ มิสเตอร์มิดไนท์จะแสดงให้ท่านทั้งหลายได้เห็นความสามารถด้วยการยิงปืนสั้นโดยใช้จานกระเบื้องเป็นเป้า ในตอนแรกนี้เขาจะยิงด้วยการถือปืนในสไตล์อเมริกันยิงออกมาจากใต้ศอกนะครับ”
จานลอยขึ้นไปกลางอากาศ กิเดียนยิงร่วงลงโดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด หลังจากนั้น เขาก็ปฏิบัติตามที่โฆษกประกาศเปลี่ยนมาจับปืนยิงแบบอังกฤษ โดยยิงออกมาจากใต้รักแร้ ในท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงทรัมเป็ต เขาทิ้งตัวลงนั่งบนหลังมิสบล๊านซ์ พร้อมกับนักขี่ม้าอีกคนหนึ่งคสบม้าเข้ามาโดยมีตะกร้าใส่ลูกบอลล์ถือมาด้วย
“และตอนนี้มิสเตอร์มิดไนท์จะยิงลูกบอลล์ที่เหวี่ยงขึ้นกลางอากาศด้วยปืนไรเฟิล โดยที่เขาจะควบม้าไปด้วย ซึ่งท่านจะได้ชม ณ บัดนี้...ท่าแรก ยิงลูกบอลล์สามลูกที่โยนขึ้นกลางอากาศพร้อมกัน”
กิเดียนยิงลูกบอลล์ทั้งสามลูกอย่างแม่นยํา แหวนเพชรเป็นประกายจรัสแสงทุกครั้งที่เหนี่ยวไก
“ยิงลูกบอลล์ที่โยนมาจากข้างหลัง”
ครั้งหนึ่งทนกแม่นบนทาลายเป้าหมายลงได้อย่างฉับไว ราวกับมีดวงตาอยู่ข้างหลัง โดยไม่จําเป็นต้องให้ความสนใจกับเป้าหมายที่เล็งหรือการควบม้าด้วยความชํานาญแม้แต่น้อย
“ยิงลูกบอลล์ที่โยนไปพร้อมกันทั้งสองข้าง”
“ยิงลูกบอลลหาลูกที่โยนขึ้นพร้อมกัน...”
“พลาดลูกที่หนึ่ง แต่ยังถูกลูกที่สองและที่สาม...”
รัฟเฟอรี่ยืนกอดอก เอนหลังพิงกรอบประตูรั้วจับตามองนักแม่นปืนด้วยความรู้สึกชื่นชมในฝีมือ ไม่ต้องสงสัยว่ากิเดียนยังมิได้ติดต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่มีการเซ็นสัญญากัน บางทีเขาอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นบัฟฟาโล่ บิลล์ ไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะต้องยิงถูกเป้าไปเสียหมดตามต้องการ
อารมณ์ที่พลุ่งพล่านทําให้ภาพตรงหน้าพร่าเลือนลง เมื่อเขาหันกลับมาก็พบว่าแอมเบอร์ได้เคลื่อนตัวเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ เธอสวมชุดผ้าฝ้ายสีชมพูเป็นชุดตามตํานานของการแสดงกลางแจ้ง นอกจากสายตาที่มองไปทางนายจ้างอย่างประเมินในความสามารถอยู่แล้ว ท่าทางของเธอดูสงบเสงี่ยมเจียมตนและบริสุทธิ์ผุดผ่อง ราวสาวชาวไร่
“เขาแสดงได้ยอดเยี่ยมมากเลยนะ คุณว่าไหม” เธอ เอ่ยขึ้นลอย ๆ
“ใช่ ผมก็กลัว ๆ อยู่เหมือนกันว่าถ้าเมื่อไหร่เขาเกิดโมโหขึ้นมาแล้วจะเอาผมเป็นเป้าแทน” แจ๊คตอบพร้อมเสียงหัวเราะในลําคอ ทั้งนี้เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้นึกกลัวผู้ชายที่ชื่อมิดไนท์คนนี้เลย เพียงแต่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะเมื่อนักแม่นปืนผู้นั้นได้แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของในตัวแอมเบอร์อย่างชัดเจนแล้วเท่านั้น ขณะเดียวกัน โดยส่วนตัวเขาเองแล้วก็ไม่ต้องการให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงมิได้พูดอะไรต่อไปอีก เพียงแต่จับตามองม้าสีขาวตัวนั้นที่กําลังควบวนเป็นรอบสุดท้าย
“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเขาล้วนเป็นสิ่งจอมปลอมทั้งนั้น แม้แต่ชื่อเขาก็ตั้งขึ้นด้วยความเข้าใจผิด” แอมเบอร์เอ่ยต่อ
รัฟเฟอรี่ซึ่งเมินหน้าไปเสียทางหนึ่งรีบหันกลับมามองเพราะอดแปลกใจกับคําพูดของเธอไม่ได้
“งั้นหรือ”
และแอมเบอร์ก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ใช่ เพราะชื่อจริงของเขาคือมินนิท แต่บังเอิญมีชาวฝรั่งเศสบางคนเห็นเขาเซ็นเช็คแบบนั้นก็เลยคิดว่าเขาเซ็นคําว่า ‘มีนึย’ ที่ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าเที่ยงคืน เขาก็เลยเกิดความคิดว่าควรจะใช้ชื่อนี้เป็นชื่อในการแสดง”
“อ๋อ...จริงๆ แล้วเขาชื่อกิเดียน มินนิท หรอกหรือนี่” แจ๊คพูดปนหัวเราะ “ผมว่าเขาไม่น่าจะใหญ่ได้เกินนาทีหรอกนะ แล้วก็คงไม่มีอะไรยาว ๆ อยู่ในถุงสีขาวใบนั้นด้วย” เขาหัวเราะออกมาอย่างขบขันกับความหมายที่แฝงนัยอยู่ในคําพูดนั้น
เช่นเดียวกับที่เขาคาดไว้ แอมเบอร์ตวัดสายตามองหน้าเขาอย่างตกใจ บอกตัวเองอยู่ว่า มันจะต้องมีอะไรบางอย่างในตัวเธอที่ทําให้แจ๊คกล่าวคําพูดแบบนี้ออกมา เหมือนตอนที่เขาขอรูปโป๊ของเธอนั่นเอง อาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าเธออาจจะใช้คําพูดแบบเดียวกันตอบโต้กลับมาก็เป็นได้
และเขาก็มิได้ผิดหวังเลย...
“ผู้หญิงเขาไม่พูดทุกอย่างที่รู้หรอก” เมื่อพูดจบ เธอก็เดินแกว่งสะโพกด้วยท่าทางของมาดามลาแบลล์ออกจากที่นั้น ตรงไปยังกลุ่มเต๊นท์ที่ตั้งอยู่ด้านข้างของลานการแสดง
ใจหนึ่งแจ๊คอยากจะออกเดินตามไป แต่ก็คิดว่าทางที่ดีไม่ควรจะแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมให้มากเกินไปนัก โดยเฉพาะเมื่อมันใกล้จะสิ้นสุดการแสดงอยู่แล้ว และถ้ามิดไนท์เกิดมาพบเข้าตอนที่กําลังจูบกันอยู่ คนที่จะต้องรับเคราะห์เพราะความริษยาก็คือแอมเบอร์นั่นเอง
เมื่อถึงคืนพรุ่งนี้ เธอก็จะมีความทรงจำอันแสนดีว่าครั้งหนึ่งเคยมีเขาเป็นเพื่อนร่วมแสดงด้วย เขาเองก็จะใช้ความพยายามที่จะไม่คิดถึงเธออีก ทุกสิ่งจะผ่านไป เพียงแต่เขาไม่รู้เท่านั้นว่าจะอีกนานเท่าไรกว่าที่เขาจะลืมเธอได้
ก็แล้วทําไมเขาจะทําลายโชคลาภของตนเองลงในนาทีสุดท้ายเช่นนี้ เวลานี้เขากับโม้ดช่วยกันหาเงินได้มากพอที่จะใช้ชีวิตอย่างสบายจากสิบเปอร์เซ็นต์ที่หักจากค่าบัตรเข้าชมการแสดงในแต่ละคนอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ต้องการเรียกความสนใจจากผู้ใดอีกต่อไป เพราะถึงอย่างไร พรุ่งนี้เขาก็จะไปจากที่นี่แล้ว
นั่นเป็นสิ่งที่เขาพยายามบอกตัวเองอยู่...
แต่โดยความเป็นจริงแล้ว เสน่ห์ของมาดามลาแบลล์ดูจะมีอิทธิพลเหนือจิตใจของเขาอย่างโหดร้ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยามที่เขามีเพียงนังโม้ดดี้เป็นเพื่อนนอนอยู่กลางแจ้งใกล้คอกปศุสัตว์ที่มิดไนท์สร้างขึ้นไว้ และในยามนั้น สายตาของเขาจะเหม่อมองไปยังที่พักส่วนตัวของแอมเบอร์ไม่เว้นวาย
เขามองไปที่รถไฟตู้หนึ่ง รู้ดีว่ามันเป็นส่วนตัวของแอมเบอร์ เพราะกิเดียนบอกเขาเองว่าเธอมีตู้ส่วนตัวที่ใช้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและหลับนอน
มีอยู่คืนหนึ่ง ภายหลังจากการแสดงได้สิ้นสุดลง เธอได้จุดตะเกียงขึ้นตรงหน้าต่าง หลังจากนั้นก็สยายผมลง...ขณะแปรงผมอยู่นั้นสายตาก็เหม่อมองออกไปยังความเวิ้งว้างภายนอก
และขณะนี้ เธอก็กําลังเปลื้องเสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูชุดนึงออกจากร่าง การที่เธอทำเช่นนี้เพื่อท้าทายความเป็นชายของเขาเช่นนั้นหรือ...
แต่หรือว่า...คืนนี้มิดไนท์ได้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วย...นอนรอเธออยู่ในเตียง เตรียมพร้อมที่จะเชยชมยามที่เธอดับเทียนลง...
แจ๊คไม่อยากคิดอะไรมากไปกว่านั้น ได้แต่จับตามองเธออยู่เฉย ๆ บุหรี่ค้างคาอยู่หว่างนิ้ว เมื่อเธอค่อย ๆ ปล่อยให้เสื้อหลุดเลื่อนลงทีละน้อยจนมองเห็นสัดส่วนของเรือนกายได้อย่างแจ้งชัดถนัดตา และเมื่อเธอเหยียดแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับแอ่นตัวไปข้างหลังด้วยท่าทางของนักระบํา รัฟเฟอรี่ก็รู้สึกว่าเป้ากางเกงตึงตัวขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้