บทที่ 3 งานครั้งใหม่
มณีเดินมานั่งลงข้างสามีและลูกสาวทั้งสองหลังจากอาบน้ำเสร็จและเตรียมตัวที่จะขึ้นนอน “ฉันเพิ่งรู้ว่าแกจะย้ายไปอยู่ที่อื่น” มณีเอ่ยขึ้นและหันไปมองหน้าลูกสาวคนโต
“ค่ะ” เพชรไพลินตอบสั้นๆ
“แล้วแกแน่ใจนะว่าเจ้านายแกไว้ใจได้ฉันไม่อยากเอาปี๊บมาคลุมหัวเดินเพราะอายชาวบ้านเขา” มณีพูดเหน็บลูกสาว
“โธ่ แม่ขาพี่เพชรเขาเก่งค่ะเอาตัวรอดได้ จริงไหมคะ” พลอยงามหันมายิ้มกับพี่สาว
“เพชรรู้ตัวเองดีไม่ต้องกลัวหรอกนะคะว่าเพชรจะนำความเดือดร้อนมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ ถ้าวันไหนเพชรพลาดท่ามาเพชรคงไม่มาเหยียบที่นี่หรอกค่ะ” หญิงสาวบอกและลุกเดินขึ้นไปชั้นบน มณีมองตามลูกสาวคนโตอย่างขัดใจ
“คุณเห็นหรือยังคะว่าลูกสาวคุณมันหัวดื้อและเถียงฉันขนาดไหน” มณีหันมาระบายอารมณ์ใส่กับสามี
“จริงอย่างที่ลูกมันพูดนั่นแหล่ะ เป็นผมก็คงจะไปตั้งนานแล้วไม่มาจมอยู่ที่นี่หรอก” อมรเทพลุกขึ้นและเดินขึ้นชั้นบนตามลูกสาวไป
“ก๊อก ก๊อก” “เพชรนอนหรือยังลูก” อมรเทพร้องเรียกบุตรสาว เพชรไพลินรีบเช็ดหยาดน้ำตาออกจากแก้มและตรงไปเปิดประตูให้กับบิดา
“พ่อมีอะไรคะ” หญิงสาวยิ้ม
“พ่อมาดูว่าลูกยังขาดเหลืออะไรอีกหรือเปล่า ของใช้ส่วนตัวมีครบหรือเปล่าถ้ายังไม่ครบลูกเอาเงินที่พ่อไปซื้อก่อนสิ”
“ไม่ค่ะพ่อ เงินเพชรยังเหลือพอใช้ค่ะพ่อเก็บไว้นะคะเพื่ออยากจะทานอะไรพ่อจะได้ซื้อทาน แล้วสิ้นเดือนเพชรจะส่งเงินมาให้นะคะ” หญิงสาวยิ้มให้บิดาอีกครั้ง
“ถ้าทำไม่ได้ก็กลับบ้านเรานะลูก แล้วบ้านของเจ้านายเพชรอยู่แถวไหนกันจ๊ะ” ผู้เป็นบิดาถาม
เพชรไพลินนิ่งเงียบเธอไม่รู้ว่าจะตอบบิดาดีหรือไม่เพราะถ้าบอกความจริงไปแล้วถ้าเกิดบิดาไปตามหาเธอมีหวังความลับที่เธอไปรับจ้างเป็นผู้หญิงชั่วคราวของก้องภพต้องถูกเปิดเผยแน่และคนที่จะต้องเสียใจที่สุดก็คือบิดาของเธอเองแต่เธอจะทำให้บิดาที่รักเธอมากเสียใจไม่ได้เด็ดขาด
“อยู่แถวๆลาดพร้าว นะคะพ่อ” หญิงสาวตัดสินใจโกหกบิดา
“ก็ไม่ไกลมากความจริงหนูก็ไม่น่าจะไปพักที่อื่นเลยอยู่บ้านเราก็ไปทำงานทัน” อมรเทพมองหน้าบุตรสาว
“แหมพ่อก็เขาอยากให้เราไปพักที่นั่นก็ตามใจเขาหน่อยเงินเดือนตั้งแพงขนาดนั้นเพชรทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มและพูดติดตลกให้บิดาหายกังวลใจ
“ตามใจเราแล้วกัน พ่อไม่กวนแล้วพักผ่อนเถอะลูก”
บิดาเดินออกไปแล้วหญิงสาวจึงก้มหน้าลงกับฝ่ามือของตนเอง
“พ่อจ๋า เพชรขอโทษที่ต้องโกหกพ่อแต่เพื่อความสบายใจของพ่อเพชรต้องทำ” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ
เพชรไพลินมาช้ากว่าศศิภาไม่กี่นาที เมื่อหญิงสาวเดินถือกระเป๋าใบเล็กๆเข้ามาในบ้านก็เจอเข้ากับคำถามที่เหมือนจะดูถูกเธอทางอ้อมเข้าให้
“มีของแค่นี้เองหรือ” สวรสมองกระเป๋าเสื้อผ้าที่มือของหญิงสาวและหันไปมองของอีกคนอย่างเปรียบเทียบ
“ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆและนั่งลงข้างๆศศิภา
“แปลกดีอีกคนทำยังกับจะอพยพส่วนอีกคนก็แทบจะไม่มีอะไรเลย” สาววัยทองหัวเราะอย่างขำๆ ซึ่งก็ทำให้เพชรไพลินหน้าชาได้เหมือนกัน
“ฉันจะแนะนำให้รู้จักกับทุกคนที่อยู่ที่นี่” สวรสเอ่ยขึ้นและแนะนำแม่บ้านจนถึงสาวใช้ หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ที่อาวุโสกว่าและรับไหว้ผู้ที่เด็กกว่า
“เอาล่ะไปทำงานกันได้แล้ว” สวรสสั่งและทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
“กฎของที่นี่ก็มีไม่มากทำอะไรต้องตรงเวลาและห้ามพูดมากรู้อะไรที่นี่ก็อย่าเอาไปพูดที่อื่นถ้าฉันรู้ล่ะก็จะลงโทษพวกเธออย่างหนักจำไว้”
“ค่ะ” สองสาวรับคำ
“และที่สำคัญที่สุดหน้าที่ของพวกเธอคืออะไรคงรู้ดีแล้วสินะ” เพชรไพลินชักไม่แน่ใจตัวเองว่าเธอกลัวหรือตื่นเต้นกันแน่หรือว่าเธอบ้าไปแล้วที่ยอมแรกความสาวของตัวเองกับเงินเดือนๆละ 20,000 บาทแต่ถ้าไม่ทำงานที่นี่แล้วที่ไหนเขาจะให้เงินเดือนมากมายขนาดนี้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
“รู้ค่ะแล้วจะเริ่มงานเมื่อไรคะ” หญิงสาวถามอย่างใคร่รู้ สวรสมองหน้าเธอและยิ้มที่มุมปาก
“ถามได้ดี คืนนี้เลยแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณก้องภพจะไปหาใครก่อน เอ่อมีอีกอย่างที่ฉันเกือบลืม ห้ามสัมผัสใบหน้าของเขาเป็นอันขาดถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่” สาวสูงวัยกล่าวเสียงเย็นจนหญิงสาวต้องลอบกลืนน้ำลาย
“เดี๋ยวฉันจะให้ป้าวันเพ็ญพาพวกเธอไปที่ห้องพัก” สวรสเดินไปหาหญิงชราที่กำลังเดินเข้ามาและหยุดยืนคุยกับสวรสก่อนจะเดินมาทางสองสาว
“เชิญทางนี้ค่ะ” วันเพ็ญเดินนำหน้าทั้งสองสาวขึ้นไปชั้นบนและตรงไปทางห้องปีกซ้ายของตัวบ้าน หญิงสาวมองทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาด้วยความตื่นตะลึงข้าวของทุกอย่างล้วนแต่มีราคาทั้งนั้นสมแล้วที่เป็นทายาทของมหาเศรษฐี ทั้งสามมาหยุดยืนที่หน้าห้องๆหนึ่ง
“ห้องนี้ของคุณเพชรไพลินนะคะ ส่วนคุณศศิภาตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ” หญิงชราบอกและไขประตูเปิดให้หญิงสาวก่อนจะพาศศิภาเดินไปที่อีกห้องซึ่งมีห้องประตูสีทองกั้นระหว่างห้องของทั้งสองสาวเอาไว้
เพชรไพลินก้าวเข้ามาในห้องและมองสำรวจไปรอบๆทุกอย่างดูสวยงามมากแต่มันก็ไม่ทำให้หญิงสาวสดชื่นขึ้นมาได้ เธอวางกระเป๋าลงบนเตียงและเปิดมันออกมาเพื่อจัดเสื้อผ้าเก็บเข้าตู้ก่อนจะตรงเข้าไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้ดูสดชื่นขึ้น
“ยินดีต้อนรับคุณเพชรไพลิน” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงดังออกมาจากทางไหนเธอเองก็ยังไม่ทราบ
“ใครน่ะออกมานะ” หญิงสาวร้องถามมือของเธอเย็นเฉียบ เสียงชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ฉันเองก้องภพ คนที่อยู่ข้างๆห้องของเธอไงเธอเห็นประตูทางด้านซ้ายมือเธอหรือเปล่า นั่นแหล่ะมันสามารถเปิดเข้ามาที่ห้องของฉันได้และฉันก็เปิดเข้าไปหาเธอได้เช่นกัน สวรสไม่ได้บอกหรือว่าห้องทุกห้องจะมีกล้องวงจรปิดติดเอาไว้”
“เปล่าค่ะ แต่มันผิดนะคะที่แอบดูคนอื่นเขาแบบนี้” หญิงสาวตำหนิเขา
“เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ในเมื่อที่นี่คือบ้านของฉันและเธอก็เข้ามาที่นี่เองฉันไม่ได้ไปจับตัวเธอมา อย่าลืมสิ” คำพูดของเขาทำให้เพชรไพลินนิ่งเงียบก้มหน้ากัดริมฝีปากตัวเองแน่น
“รูปร่างของเธอก็ดูใช้ได้นะ หน้าตาก็โอเค เธอคิดยังไงถึงมารับจ้างเป็นผู้หญิงของฉันหรือว่าเพราะเงิน”ชายหนุ่มถามอย่างหมิ่นๆ
“ค่ะ ดิฉันจำเป็นต้องใช้เงินมาก” หญิงสาวบอกและมองไปรอบๆห้องของตนเองเพื่อหาจุดที่กล้องติดเอาไว้แต่ก็หาไม่เจอและชายหนุ่มก็รู้ทันว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่
“อย่ามองหาให้เสียเวลาเลยเธอไม่เจอมันหรอก” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอและหญิงสาวก็ค้อนให้
“เอาล่ะเธอทำตัวตามสบายฉันจะไม่แอบมองใครส่งเดชแน่ถ้าไม่จำเป็น” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายและเงียบไป หญิงสาวคิดว่าเขาคงไปคุยแนะนำตัวกับศศิภาแล้วจึงทรุดตัวลงนั่งและหลับตานิ่งเธอไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝ่ายยังแอบมองพฤติกรรมของเธออยู่ ก้องภพมองหญิงสาวใบหน้าเนียนที่กำลังนั่งหลับตาอย่างพิจารณาและก็ปรากฏภาพของหญิงสาวอีกคนขึ้น
“บ้าที่สุด ผู้หญิงมันก็เห็นแก่เงินกันทั้งนั้นไม่มีใครรักจริงสักคน ฉันจะสั่งสอนผู้หญิงหน้าเงินอย่างพวกเธอให้รู้สึก” ชายหนุ่มขบฟันเข้าหากันจนเป็นสันนูนขึ้นและกดโทรศัพท์ภายในต่อหาเลขาส่วนตัวของเขา
“คุณสวรสขึ้นมาหาผมหน่อย”
“ค่ะ” เสียงปลายทางตอบกลับมาและอีกไม่ถึง 5 นาทีร่างของสวรสก็ปรากฏขึ้นที่ห้องของชายหนุ่ม
“คุณก้องภพต้องการอะไรคะ”
“ผมอยากรู้เรื่องของอภิชาติกับแพรไหมตอนนี้พวกมันเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ
“คนของเรารายงานมาว่าตอนนี้ทั้งสองติดการพนันอย่างหนักและพ่อแม่ของคุณแพรไหมก็กำลังจะล้มละลายเพราะถูกโกงค่ะ” เลขาสาวใหญ่รายงาน
“ดี เวรกรรมตามทันจริงๆ คุณติดต่อซื้อหุ้นจากเขามาให้หมด” สวรสมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมคะในเมื่อ...”
“คุณอย่ารู้เลยผมมีเหตุผลของผมไปจัดการตามที่ผมสั่งเถอะ” ชายหนุ่มรีบพูดตัดบท สวรสจึงจำต้องเดินออกมาพร้อมด้วยความสงสัย
เพชรไพลินจัดข้าวของส่วนตัวเข้าที่เรียบร้อยแล้วก็ลงมาด้านล่างเพื่อจะมาช่วยงานคนอื่นบ้าง หญิงสาวเดินสุ่มไปทั่วเพราะมองหาใครก็ไม่เจอจนมาถึงห้องครัว หญิงสาวชะลอฝีเท้าลงและหยุดยืนข้างประตูเมื่อได้ยินสาวใช้วัยรุ่นพูดคุยกันเกี่ยวกับตัวเธอ
“พี่วัน พี่ว่าคุณผู้หญิงทั้งสองคนจะอยู่ที่นี่ได้นานไหม” อรชุมาวางมือจากอ่างล้างจานแล้วหันมาเท้าเอวถามผู้ที่อาวุโสกว่า
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเกิดทั้งสองคนได้เห็นหน้าตาของคุณก้องภพล่ะก็อยู่ไม่ถึงวันแน่ๆ” วันวิสาตอบ
“พี่พูดยังกับเคยเห็นหน้าคุณก้องภพยังงั้นแหล่ะ” เด็กสาวถามอย่างสนใจ
“เคยสิอย่าลืมสิว่าพี่มาอยู่ที่นี่ก่อนตั้งแต่คุณก้องภพยังรูปหล่ออยู่หล่อยังกับเทพบุตรเลยแต่พอเสียโฉมพี่ก็ไม่เคยเห็นหน้าคุณเขาอีก แต่เขาบอกกันว่าน่าตาน่ากลัวราวกับผีเลยนะแก พูดแล้วฉันก็ขนลุกขึ้นมาเลยต่อให้จ้างเป็นแสนฉันยังไม่เอาเลยบอกตรงๆว่ากลัว แล้วตอนกลางคืนบางคืนฉันยังได้ยินเสียงคุณเขาคว้างปาข้าวของและเสียงร้องของคุณๆผู้หญิงอีกด้วย” เมื่อวันวิสาพูดจบขนแขนของหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาและหนาวไปทั้งตัว เพชรไพลินยืนนิ่งและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ...ต่อให้เป็นปีศาจหรือเสือสิงห์ที่ไหนถ้าได้เงินพอที่จะมารักษาพ่อของเธอๆก็ไม่หวั่นทั้งนั้น...
“คุยอะไรกันจ๊ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า” เพชรไพลินเดินผ่านประตูเข้ามา เด็กสาวทั้งสองสะดุ้งสุดตัวก่อนจะยิ้มเจื่อนๆให้
“คุณนะเองตกใจหมดเลยค่ะ แล้วมานานหรือยังคะ”อรชุมาถามเพราะเกรงว่าหญิงสาวจะได้ยินเรื่องที่คุยกันเมื่อครู่
“เพิ่งมาจ้ะมีอะไรหรือจ๊ะ” หญิงสาวแกล้งถามออกไป
“ปะ..เปล่าค่ะ คุณออกไปรอข้างนอกดีกว่านะคะใกล้ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วเดี๋ยวพวกเราจัดการเองค่ะ” วันวิสายิ้ม หญิงสาวจึงต้องเดินออกมา
“เกือบไปแล้วเห็นหรือเปล่า” วันวิสาหันมาดุอรชุมาที่ถามเรื่องนายหนุ่มขึ้นมา เด็กสาวทำหน้าลุแก่โทษและหันไปสนใจงานของตนเองต่อ
เพชรไพลินเดินกลับขึ้นมาบนห้องและนั่งลงที่ข้างหน้าต่างซึ่งอยู่ติดกับสวนดอกไม้ด้านหลังบ้าน หญิงสาวกำลังคิดถึงคืนนี้ เธอจะทำยังไงถ้าเขาเข้ามานอนกับเธอ แล้วการปรนนิบัติผู้ชายให้พอใจในตัวเองเขาทำกันแบบไหนหญิงสาวก็ยังไม่รู้เรื่องเลย ถ้าเขาไม่พอใจแล้วไล่เธอออกเงินที่จะใช้รักษาพ่อก็คงไม่มี
“กำลังคิดอะไรอยู่” หญิงสาวสะดุ้งกับเสียงที่มองไม่เห็นตัวตน
“เธอควรจะทำตัวให้ชินกับมันนะเพชรไพลิน ชื่อเธอแปลกดีใครตั้งให้หรือ” ชายหนุ่มถาม
“พ่อค่ะ ท่านบอกว่าตอนที่ฉันจะเกิดมาท่านฝันว่าคุณย่าเอาเพชรเม็ดโตเท่าไข่ห่านมาให้ท่านๆก็เลยตั้งชื่อตามนั้นค่ะ”
“อืม..แล้วน้องสาวเธอล่ะชื่อพลอยงามใช่หรือเปล่า”
“คุณรู้เรื่องของฉันด้วยหรือคะ” หญิงสาวถามด้วนความสงสัย
“เธออย่าลืมสิว่าก่อนที่ฉันจะเรียกตัวเธอมาฉันก็ต้องสืบประวัติของพวกเธอมาแล้ว แต่ฉันก็ยอมรับนะว่าหญิงสาวที่กตัญญูแบบเธอหายากมากในสังคมปัจจุบัน” ชายหนุ่มเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะที่ชม แต่ฉันคงปลื้มไม่ได้หรอกนะคะกับวิธีการหาเงินแบบนี้ ฉันก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าคุณใจปล้ำน่าดูกับการซื้อตัวผู้หญิงมานอนด้วยแบบนี้” หญิงสาวยิ้มเยาะที่มุมปากและนึกสมเพชตัวเอง แต่อีกฝ่ายกำลังขบกรามแน่นและโมโหกับคำพูดของหญิงสาว
“เพราะผู้หญิงอย่างพวกเธอมันซื้อได้ด้วยเงินไง” ชายหนุ่มกระแทกเสียงใส่
“ถ้าเธอไม่ต้องการทำก็เก็บเสื้อผ้าออกไปได้เลย เชิญ” เพชรไพลินก้มหน้านิ่งและคิดว่าตัวเองกำลังพลาดไปแล้วจึงเงียบ
“ดิฉันขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณโกรธ” หญิงสาวกล่าวขอโทษแต่อีกฝ่ายเงียบไม่ตอบ
“บ้าจริงๆเลยเราพูดอะไรออกไปไม่รู้จักคิดจริงๆ” เพชรไพลินบ่นกับตัวเองเบาๆและ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เชิญจ้ะ” วันวิสาเดินเข้ามา
“มีอะไรจ๊ะ” หญิงสาวหันไปมองสาวใช้
“ได้เวลาทานอาหารกลางวันแล้วค่ะ”
“ขอโทษทีจ้ะฉันลืมไป” หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาและยิ้มให้กับเด็กสาว
“ไป เราลงไปกันเถอะ” หญิงสาวพยักหน้าและเดินนำหน้าไป