ตอนที่ 4 ความหวัง
ก้องภพปิดสวิตช์กล้องวงจรปิดห้องของเพชรไพลินลงและนั่งหลับตาโดยการเอนศีรษะลงกับพนักเก้าอี้
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณก้อง” สวรสเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่า แล้วคุณมีอะไร” ชายหนุ่มย้อนถามกลับไป สวรสส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้กับเขา
“ของผมหรือ”
“ค่ะ จากหมอเดวิสค่ะ” ชายหนุ่มรับมาและลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างห้องนอนที่มีม่านหนาปิดทับเอาไว้ ชายหนุ่มคุยด้วยภาษาอังกฤษและยิ้มออกมาอย่างดีใจจนสวรสเองก็ยังแปลกใจรอยยิ้มของเขาช่างน่าหลงใหลทั้งที่มีผ้าพันหน้าเอาไว้ทั้งหน้า
“ดีใจเรื่องอะไรคะบอกได้หรือเปล่า” สวรสถามอย่างกลัวๆกล้าๆ ชายหนุ่มหันมาและบอกเธออย่างคนอารมณ์ดี
“อีกหนึ่งเดือนหมอเดวิสเขานัดผมอีกครั้งและเป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำการผ่าตัดใบหน้าของผมให้กลับมาเหมือนเดิม แต่เขาก็บอกอีกเหมือนกันถ้าไม่สำเร็จก็จะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ
“แล้วคุณก้องก็ยังยิ้มได้อีกหรือคะ” อีกฝ่ายย้อนถามอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเอาเสียเลย
“ใช้เพราะว่าผมยังมีความหวัง คนเราถ้ามีความหวังทุกอย่างก็เป็นจริงได้คุณว่าจริงไหม” ชายหนุ่มหันกลับไปที่เดิมสายตาของเขามุ่งมั่นและกำลังใจที่เปี่ยมล้น ความแค้นช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของเขามาจนทุกวันนี้ชายหนุ่มแค้นและเกลียดผู้หญิงทุกคนจนต้องทำแบบนี้เพื่อความสะใจ
“วันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะฉันจะได้บอกป้าเพ็ญให้”
“ผมอยากกินต้มยำกุ้ง” ชายหนุ่มบอก
“ค่ะ ฉันจะออกไปที่บริษัทนะคะไปเอาเอกสารมาให้คุณเซ็นต์”
“เชิญ” ชายหนุ่มบอกแต่ก็ไม่ได้หันมามอง อีกฝ่ายจึงเดินออกมาเงียบๆ
ภายในห้องโถงใหญ่ของเรือสำราญที่นี่เป็นทั้งคลับ บาร์และห้องอาหารในตัว อภิชาติกำลังนั่งดื่มอยู่กับบรรดาสาวๆที่มาให้บริการบนเรือสำราญแห่งนี้ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าอบายมุขที่ครบครัน
“นี่พวกหล่อนออกไปจากสามีฉันเดี๋ยวนี้นะ” แพรไหมเดินตรงเข้ามากระชากเหล่าหญิงบริการให้ออกมาให้พ้นจากตัวของอภิชาติ ชายหนุ่มลุกขึ้นยื่นและกระชากแขนของแพรไหมจนเซมาไปหาเขา
“เธออย่ามายุ่ง เรื่องของเธอฉันยังไม่ยุ่งเลยจำเอาไว้” ชายหนุ่มบอกและผลักเธอล้มลงไปกับโซฟาก่อนจะเดินประคองสาวบริการสองนางไปทางห้องนอนของตนเอง แพรไหมมองตามอย่างเจ็บแค้น เธอนึกไปถึงผู้ชายอีกคนหนึ่งที่มีแต่ให้ทุกอย่างไม่เคยขัดใจแม้แต่สักครั้งเดียว...เธอได้แต่ตำหนิตัวเองที่เห็นเพชรอย่างก้องภพเป็นกรวดดิน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่เลือกผู้ชายอย่างอภิชาติเด็ดขาด หลังจากที่เธอมาอยู่กับเขาแล้วพ่อแม่ของเธอก็โกรธจัดไม่ยอมรับเขาเป็นลูกเขย อภิชาติเป็นลูกคนรวยที่ถูกตามใจมาจนเคยตัวและใช้เงินอย่างไม่รู้คุณค่าแถมยังชวนเธอเข้ามาสู้วงการพนันที่เมื่อใครเข้ามาแล้วก็ถอนตัวได้ยากรวมทั้งเธอด้วย ตอนนี้หญิงสาวแทบจะไม่เหลือเงินติดตัวเลย พ่อแม่ของเธอก็กำลังจะล้มละลายเพราะสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ บิดาของเธอทำธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าซึ่งเดือนหลังๆมานี่ขาดทุนเสียเป็นส่วนใหญ่จนต้องหาคนเข้ามาซื้อหุ้นเพื่อพยุงบริษัทเอาไว้
“ก้องภพทำไมฉันถึงตาบอดมองเห็นว่าไอ้ชาติชั่วอย่างอภิชาติดีกว่าคุณไปได้ แล้วฉันจะทำยังไงเพื่อให้ได้คุณกลับคืนมา” หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเพื่อล้างความเจ็บช้ำในอก
วสันต์และหยาดทิพย์กำลังนั่งปรึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัท แพรไหมเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับสั่งเด็กรับใช้ให้ไปขนข้าวของในรถไปไว้ที่ห้องของเธอ
“เกิดอะไรอีกล่ะยัยแพร” ผู้เป็นมารดาร้องถามเมื่อลูกสาวกระแทกก้นลงนั่งข้างๆตนเอง
“หนูจะกลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”
“แล้วสามีแกล่ะเขาไม่ว่าเอาหรือไง” บิดาถาม
“ช่างเขาปะไรหนูไม่สนใจเขาอยู่แล้วหนูเลิกกับเขาแล้วค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างหน้าตาเฉย
“แล้วตอนที่แกได้เสียกับมันทำไมไม่คิดแบบนี้” วสันต์มองหญิงสาวอย่างเย้ยหยัน
“โธ่..พ่อจะมาซ้ำเติมกันทำไมหนูพลาดไปแล้ว พ่อหาทางรักษาบริษัทเอาไว้ให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมายุ่งกับเรื่องของหนู” หญิงสาวลุกขึ้นอย่างกระฟัดกระเฟียดและเดินขึ้นห้องไป
“ดู...ดูมันทำปากดีนักสมแล้วที่มันได้กับไอ้อภิชาติ” วสันต์มองลูกสาวด้วยแรงโทสะ
“ปล่อยแกไปเถอะคุณเรามาช่วยกันคิดหาหนทางดีกว่าว่าจะเอาใครมาร่วมหุ้นกับเราด้วย” หยาดทิพย์ร้องห้ามสามีเอาไว้
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะหัวผมจะระเบิดอยู่แล้ว”
“เราลองไปขอความช่วยเหลือจากก้องภพดูไหม” หยาดทิพย์เสนอความคิดเห็น
“คุณจะบ้าหรือเปล่าลูกสาวเราทำกับเขาขนาดนั้นใครเขาจะช่วยเราพูดไม่คิด” วสันต์ตำหนิภรรยาก่อนจะพูดต่อ
“ผมได้ยินมาว่าตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นก้องภพก็ไม่ยอมพบหน้าใครเลย”
“แล้วบริษัทของเขาล่ะคะใครบริหารแทนคะ” หยาดทิพย์สงสัย
“ก็ก้องภพนั่นแหล่ะเห็นบอกว่าเขาสั่งการผ่านกล้องวงจรปิด” วสันต์ตอบ
“แล้วทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนั้นด้วยคะ”
“ผมได้ยินพวกเพื่อนๆบอกว่าก้องภพเสียโฉมใบหน้าถูกกระจกบาดจนเลอะจึงไม่กล้าออกมาพบใครๆ” วสันต์เล่าให้ภรรยาฟัง
“จริงหรือคะคุณพี่” หยาดทิพย์ร้องอย่างตกใจ เช่นเดียวกับอีกหนึ่งคนที่ยืนฟังอยู่ตรงราวบันได
แพรไหมได้ข่าวมาเหมือนกันว่าสามีเก่าประสบอุบัติเหตุทั้งครอบครัวแต่ชายหนุ่มรอดมาได้และไม่ได้ข่าวเขาอีกเลยจนมาวันนี้
“หน้าเละอย่างงั้นหรือ เบลอ...คิดแล้วขนลุก” หญิงสาวเอามือลูบที่ต้นแขนตัวเองไปมา...ถึงเธอจะรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทิ้งเขามาแต่ถ้าจะให้กลับไปอยู่กับคนหน้าผีเธอก็ไม่เอาด้วยหรอก...หญิงสาวคิดในใจและเดินผ่านบุพการีทั้งสองไป หยาดทิพย์จึงเอ่ยถามเมื่อเห็นบุตรสาวแต่งตัวสวยกำลังจะเดินออกไปจากบ้าน
“จะไปไหนหรือแพร”
“จะไปเที่ยวกับเพื่อนนะคะเผื่อจะหายเบื่อ” หญิงสาวบอกและเดินออกไป
“เป็นไงล่ะลูกสาวสุดที่รักของคุณ หาผัวดีๆให้ก็ไม่เอา แล้วบริษัทมีปัญหาก็ไม่คิดจะอยู่ช่วยกันหาหนทางผมอยากจะรู้นักว่าถ้าบริษัทล้มละลายจะเอาเงินที่ไหนไปกินไปเที่ยว” วสันต์ต่อว่าภรรยาอย่างโมโหก่อนจะลุกเดินขึ้นชั้นบน
สวรสเข้ามารายงานความคืบหน้าของบริษัทในเครือหิรัญเวททุกบริษัท เธอยอมรับว่าชายหนุ่มคนนี้มองการไกลและเป็นนักลงทุนที่น่ากลัวเพราะไม่ว่าเขาจะจับธุรกิจประเภทไหนก็รุ่งไปเสียทุกอย่าง
“แล้วเรื่องที่ผมให้ไปทำเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนนี้กำลังติดต่อคุณวสันต์อยู่ค่ะคิดว่าพรุ่งนี้คงได้คำตอบ เขาคงแปลกใจนะคะที่คุณก้องภพซื้อหุ้นของเขา” เลขาผู้เชี่ยวชาญยิ้ม
“ใช่ นั่นแหล่ะที่ผมต้องการ ผมจะทำให้แพรไหมมาคุกเข่าต่อหน้าผมให้ได้” ชายหนุ่มบอกอย่างมาดมั่น สวรสอดคิดไม่ได้ว่าเจ้านายหนุ่มคนนี้ยังรักภรรยาเก่าอยู่
“ขอโทษนะคะคุณก้องยังรักคุณแพรอยู่ใช่ไหมคะ”
“ไม่” ชายหนุ่มตวาดเสียงดังจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
“ที่ฉันทำแบบนี้เพราะต้องการให้แพรไหมรู้สึกเจ็บอย่างที่ฉันเจ็บ คุณออกไปได้แล้วผมอยากพักผ่อน” ชายหนุ่มบอกและตรงไปอีกห้องหนึ่งซึ่งประตูอยู่ติดกับห้องทำงานของเขานั้นเอง
ก้องภพนั่งลงตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์และกดเปิดกล้องวงจรปิดเพื่อดูความเคลื่อนไหวของหญิงสาวทั้งสองและกดโทรพูดคุยกับศศิภาซึ่งหญิงสาวกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำ
“สวัสดีสาวน้อย” ชายหนุ่มร้องทักขึ้น อีกฝ่ายมีท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างยั่วยวน
“คุณก้องใช่ไหมคะ” หญิงสาวร้องถามออกไปเพราะหญิงสาวได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามาจากสาวใช้ของเขานั่นเอง
“ผมรบกวนหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวบอกและเดินมานั่งที่เตียง
“แต่คุณกำลังจะอาบน้ำ” ชายหนุ่มแย้ง หญิงสาวหัวเราะ
“ก็ยังไม่ต้องอาบสิคะ”
“แต่ผมว่าคุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเพราะผมไม่อยากนอนกอดสาวที่ตัวเหนียวนะครับ” คำบอกของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรีบลุกพรวด
“ก็ได้ค่ะ ภาไปอาบเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” หญิงสาวบอกและรีบวิ่งหายเข้าไปที่ห้องน้ำ
ก้องภพเบนสายตามาที่หญิงสาวอีกคนที่กำลังหอบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยจึงได้เอ่ยถามออกไป
“นั่นคุณกำลังจะทำอะไร” เพชรไพลินชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน
“อาบน้ำสิคะถามได้” หญิงสาวย้อน
“แล้วทำไมต้องขนเสื้อผ้าเข้าไปด้วย”
“ฉันไม่ชินกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคนแปลกหน้า” หญิงสาวบอก
“คุณคิดว่าผมเป็นคนแปลกหน้าหรือ ผมให้คุณคิดได้อีกแค่ 1 คืนเพราะพรุ่งนี้ผมกับคุณคงจะคุ้นเคยกันมากกว่านี้” ชายหนุ่มบอกและหัวเราะในลำคออย่างพอใจที่เห็นหญิงสาวอายหน้าแดงและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
“ต่างกันราวกับหน้ามือและหลังมือจริงๆ” ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองและรีบหุบมันลงทันทีเมื่อใบหน้าหญิงสาวอีกคนผุดขึ้นมา ชายหนุ่มกำมือแน่นและทุบลงกับโต๊ะอย่างแรงนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น
“อย่าไปใจอ่อนกับใครเด็ดขาดนะก้องภพ ผู้หญิงก็เลวเหมือนกันหมด” ชายหนุ่มตอกย้ำความเจ็บให้กับตนเอง
เพชรไพลินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ หญิงสาวหยิบหนังสือขึ้นมานั่งอ่านเป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่เธอเอาติดมาจากบ้าน แต่เธอก็อ่านไม่รู้เรื่องเพราะใจมัวคิดพะวงอยู่กับคำพูดของชายหนุ่มเมื่อครู่
‘ แสดงว่าคืนนี้เขาต้องไปนอนที่ห้องของศศิภา แล้วคืนพรุ่งนี้ล่ะเธอจะทำยังไงดีเพื่อยืดเวลาความสาวของเธอออกไปอีก’ หญิงสาวคิดและก็ยิ้มให้กับตนเอง
“นอนเอาแรงดีกว่าพรุ่งนี้ยังต้องเรียนรู้กับที่นี่อีกเยอะ” หญิงสาวเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงและล้มตัวลงนอน
ศศิภาพรมน้ำหอมไปทั่วตัวเมื่อรู้ว่าก้องภพจะมานอนด้วย...เธอรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยถึงจะเป็นครั้งแรกทุกครั้งที่หญิงสาวไปเที่ยวกับเพื่อนชายเธอก็ครองสติได้เสมอและขอตัวกลับมาบ้านก่อน ถึงเธอจะทำตัวเปรี้ยวแต่ก็ยังรักษาความสาวเอาไว้ซึ่งเธอคิดว่ามันก็คุ้มถ้าชายหนุ่มเศรษฐีอย่างก้องภพจะหลงรักเธอและแต่งงานกับเธอจริงๆคราวนี้ล่ะได้เป็นหนูตกถังข้าวสารแน่นอน หญิงสาวยิ้มให้กับตัวเองในกระจกเงาเธอเลือกชุดนอนที่บางและสั้นเพื่อดึงดูดใจของชายหนุ่ม ไฟในห้องของหญิงสาวดับพรึบลงและประตูเชื่อมต่อระหว่างห้องของเธอกับห้องของชายหนุ่มก็เปิดออก เสียงนุ่มทุ่มดังขึ้นเมื่อประตูปิดลง
“เธอพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้วค่ะ คุณอยู่ตรงไหนคะภามองไม่เห็นอะไรเลย” หญิงสาวบอก
“ผมเห็นคุณคนเดียวก็พอ” ชายหนุ่มบอกและตรงเข้ามาหาหญิงสาวก่อนจะดึงตัวเธอเข้าไปหาอกกว้างหอมกรุ่นด้วยกลิ่นโคโลนอ่อนๆของชายหนุ่ม หญิงสาวกอดตอบแต่เขากลับดึงตัวเธอไปที่เตียงและกดให้ศศิภานอนลง ชายหนุ่มใช้เชือกมัดมือของหญิงสาวทั้งสองข้างเอาไว้กับหัวเตียง
“คุณจะทำอะไรคะ” หญิงสาวร้องถามอย่างตกใจ ชายหนุ่มจึงกระซิบถามที่ข้างหู
“ไม่มีอะไรหรอกเพียงแต่ฉันชอบแบบนี้เธอคงไม่ว่านะศศิภา”
“ค่ะ เชิญคุณก้องตามสบายนะคะ” หญิงสาวบอก ก้องภพกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างของหญิงสาวอย่างคนบ้าคลั่งทั้งขบและกัดไปทั่วเรือนร่างงามอรชรแต่ก็แปลกที่ศศิภาไม่ร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว หญิงสาวรู้สึกเสียวไปทั่วร่างเธอบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเธอชอบแบบนี้หรือเปล่าแล้วเพลิงราคะก็โหมไปทั่วทั้งห้อง
เพชรไพลินลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาทำอาหารใส่บาตรตามที่หญิงสาวปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน หญิงสาวหยิบจับขัาวของอย่างคล่องแคล่ว
“คุณทำอะไรคะเนี่ย” วันเพ็ญเดินเข้ามาในห้องครัวอย่างตกใจเมื่อเห็นกับข้าววางอยู่พร้อมแล้ว
“ป้าคงไม่ว่านะคะถ้าหนูจะขอทำอาหารใส่บาตรบ้าง” หญิงสาวบอก
“ไม่หรอกค่ะเชิญตามสบายเพิ่งมีคุณนี่แหล่ะที่ทำแบบนี้แล้วนั่นหม้ออะไรคะหอมจังเลย” แม่บ้านเดินเข้าไปเปิดดู
“ข้าวต้มปลาค่ะ เพชรทำเผื่อทุกคนเลยนะคะ” หญิงสาวยิ้ม วันเพ็ญมองสำรวจไปทั่วร่างน้อย
“เมื่อคืนหลับสบายดีหรือเปล่าคะ”
“ค่ะสบายดีมากเลยค่ะ ป้ามองเพชรแปลกๆมีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถาม
“เปล่าค่ะ คุณรีบออกไปเถอะค่ะเดี๋ยวก็ได้เวลาพระมาแล้ว” ผู้อาวุโสเตือน หญิงสาวจึงเอาผ้ากันเปื้อนออกและถือถาดที่เตรียมเอาไว้ไปรอที่หน้าบ้าน