บทที่ 5 ความเจ็บที่ฝังใจ
ก้องภพมองลงมาจากหน้าต่างห้องของเขาคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นหญิงสาวร่างบาง
เดินถือถาดใส่ของมีทั้งขันข้าว ดอกไม้ และถุงกับข้าว
“ตื่นแล้วหรือคะ” แม่บ้านวัยชราเดินเข้ามาในห้องของชายหนุ่มและเห็นเขากำลังยืนมองบางอย่างอยู่ที่หน้าต่าง
“มองอะไรคะ” เธอถามแล้วเดินเข้ามายืนข้างๆและเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยืนมองอะไรอยู่ก็ยิ้มพรายออกมา
“คุณหนูเพชรนั่นเอง เธอน่ารักนะคะรู้จักมีน้ำใจและใจบุญศุลทานอีกด้วย”
“อย่าดีแต่เปลือกก็แล้วกันครับป้า” ชายหนุ่มปิดม่านลงและเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน วันเพ็ญถอนหายใจ
“คุณก้องมองผู้หญิงต่ำค่าไปหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับป้าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตผมก็เพราะต้องการเงินเท่านั้นแต่พอเห็นหน้าผีของผมก็เป็นต้องเผ่นหนีกันเป็นแถวๆ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างขมขื่น
“แต่ป้าดูคนไม่ผิดหรอกนะคะคุณเพชรไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นแน่ค่ะ” หญิงสูงวัยพูดทิ้งท้ายเอาไว้และเดินออกไป
“คอยดูกันต่อไปแล้วกัน” ชายหนุ่มพูดตามหลังและทำให้แม่บ้านเก่าแก่ต้องหันมาค้อนใส่เขา
เพชรไพลินนำน้ำที่กรวดอุทิศส่วนบุญกุศลแล้วมาเทที่โคนต้นไม้ใหญ่และเมื่อลุกขึ้นก็พบว่าศศิภายืนมองเธออยู่แล้ว
“นั่นเธอทำอะไรน่ะ” อีกฝ่ายถามด้วยความสงสัย
“ก็เทน้ำลงพื้นไง เธอไม่รู้จักหรือ” หญิงสาวย้อนและยิ้มขำน้อยๆ
“รู้จัก แล้วเธอจะทำไปทำไม” ศศิภาเท้าเอวมองหญิงสาวหน้าบึ้งตึง
“เรื่องฉัน ฉันทำเป็นประจำอยู่แล้ว”
“ใจบุญศุลทานน่าดูเลยนะเธอเนี่ย” ศศิภายิ้มหยันๆ
“เธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่า” หญิงสาวถาม
“เปล่าเพียงแต่ฉันจะมาบอกว่าเมื่อคืนนี้คุณก้องเข้าไปหาฉันด้วยแล้วก็เอ่อ.....ฉันไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่า..” ศศิภายิ้มเอียงอายแก้มแดงเป็นสีระเรื่อ
“ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะพูดก็อย่าพูดเพราะมันไม่ดีสำหรับผู้หญิงอย่างเรา” หญิงสาวจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขม็ง
“เธอไม่อยากรู้หรือ” เพชรไพลินส่ายหน้าเพราะเข้าใจแล้วว่าหญิงสาวจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง
“จริงเหรอ” อีกฝ่ายเดินเข้าหาอย่างล้อเลียน
“ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อนนะ จะเข้าไปช่วยงานในครัว”
“แล้วเธอจะเข้าไปทำทำไมเรามาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียของคุณก้องภพนะไม่ใช่ขี้ข้า” ศศิภาบอกอย่างไม่เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย
“เขาบอกหรือว่าจ้างมาเป็นเมียไม่ใช่นางบำเรอ” หญิงสาวบอกและเดินหนีแต่อีกฝ่ายก็วิ่งมาดักหน้าเพชรไพลินเอาไว้
“ข้อนั้นฉันไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะเป็นเมียหรือนางบำเรอขอให้จ่ายราคาดีก็พอแล้ว”
เพชรไพลินเม้มปากเข้าหากันคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนเข้าไปตอกย้ำใจของหญิงสาวให้เจ็บลึกลงไปอีก เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับผู้หญิงขายตัวที่ต้องแลกเนื้อหนังของตนเองกับเงิน
“ฉันถือคติอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายรีบปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ ไปล่ะ” หญิงสาวบอกและเดินถือขันใบเล็กกลับเข้าไปในบ้าน
“เชอะ...ทำเป็นทำดีเอาหน้าสิไม่ว่า หรือว่าอิจฉาเราที่คุณก้องไปนอนกับเรา” ศศิภาคิดและเดินยิ้มออกมาจากสวนหลังบ้าน
เพชรไพลินเดินเข้ามาด้านในเห็นป้าเพ็ญแม่บ้านกำลังถือผ้าและน้ำยาเช็ดกระจกขึ้นไปด้านบน หญิงสาวจึงร้องถามขึ้น
“ป้าเพ็ญจะไปไหนคะ”
วันเพ็ญหันมามองหญิงสาวและยิ้มให้
“ป้าจะขึ้นไปทำความสะอาดห้องด้านบนน่ะค่ะเห็นกระจกมันมัวๆ”
“เพชรไปช่วยนะคะ” หญิงสาววิ่งเข้ามาและดึงผ้าเช็ดและน้ำยามาถือเอาไว้เสียเอง
“ตามมาสิคะ” หญิงสูงวัยเดินนำหน้าขึ้นไปและมาหยุดยืนที่ห้องๆหนึ่งซึ่งอยู่ถัดมาจากห้องของศศิภา เมื่อวันเพ็ญเปิดประตูเข้าไปหญิงสาวก็ยืนมองอย่างตะลึงของใช้ทุกอย่างดูดีและสวยงามมากสีของห้องเป็นสีฟ้าอ่อนซึ่งเป็นสีที่หญิงสาวชอบมาก
“ตะลึงเลยหรือคะ”
“ค่ะ สวยมากเลยค่ะ ห้องใครหรือคะ” หญิงสาวถามและเดินมองไปรอบห้อง
“ห้องของคุณผู้หญิงคนเก่าน่ะค่ะ แต่เธอไม่อยู่แล้ว” วันเพ็ญบอกช้าๆ
“แล้วเธอไปไหนคะ” หญิงสาวถามต่อ วันเพ็ญกำลังจะอ้าปากบอกแต่เสียงดุดันของก้องภพก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่ายุ่ง”
เพชรไพลินหุบยิ้มและก้มหน้านิ่งก่อนจะกล่าวขอโทษเขา
“ขอโทษค่ะ”
“ป้าเพ็ญออกไปก่อนผมมีเรื่องจะคุยกับเพชรไพลิน” ชายหนุ่มบอก หญิงสูงวัยรีบออกไปทันที
“คุณมีอะไรกับฉันหรือคะ” หญิงสาวถามและนั่งลงบนเก้าอี้ปลายเตียง
“ฉันขอเตือน ฉันไม่ชอบคนที่ยุ่งเรื่องของชาวบ้าน เธอมีหน้าที่อย่างเดียวคือให้ความสุขกับฉันให้คุ้มค่าเงินที่ฉันจ้างเธอมาเข้าใจไหม”
เพชรไพลินนิ่งเงียบกัดริมฝีปากตนเองจนเจ็บ...เขาจะตอกย้ำให้เธออายไปถึงไหนกัน...หญิงสาวคิด
“ฉันถามว่าเข้าใจหรือเปล่า” ชายหนุ่มตวาด หญิงสาวสะดุ้งก่อนจะตอบช้าๆ
“ขะ..เข้าใจแล้วค่ะ”
“ดี คืนนี้เธอเตรียมตัวให้พร้อม” เพชรไพลินเงยหน้าขึ้นมองไปทั่วห้อง หัวใจเต้นแรงเร็วจนแทบระงับไม่ได้
“เอ่อ...คือว่า..”
“มีอะไร” ชายหนุ่มถาม
“คือว่าฉันมีวันเบาๆนะคะ คงไม่ได้...” หญิงสาวตอบช้าๆ เสียงชายหนุ่มเงียบไปนานและดังขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร แต่ถ้าเธอโกหกฉันล่ะก็เธอเจอดีแน่” หญิงสาวลอบถอนใจออกมาเบาๆ
...ก็เธอไม่ได้โกหกนี่นาประจำเดือนของเธอเพิ่งมาเมื่อคืนนี้เองดีที่หญิงสาวมีผ้าอนามัยติดมาด้วย...
“คุณก้องคะ ฉันถามอะไรคุณหน่อยได้ไหมคะ”
“ว่ามา” ชายหนุ่มตอบกลับมา
“ถ้าฉันจะขอไปเยี่ยมพ่อเดือนละ 2 ครั้งได้หรือเปล่า”
“ทำไม” เขาถามเหตุผลเอากับหญิงสาว
“คุณสืบประวัติฉันมาแล้วก็ต้องรู้สิคะว่าพ่อฉันเป็นโรคอะไร” หญิงสาวย้อนถาม ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ
“เธอนี่ช่างย้อนดีนักนะ เอาล่ะฉันอนุญาต” ชายหนุ่มบอกและเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มของหญิงสาว
“เวลาเธอยิ้ม เธอสวยนะ” ชายหนุ่มกล่าวชม หญิงสาวรีบหุบยิ้มทันที
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ” หญิงสาวกล่าวและลุกขึ้นยืน
“นั่นเธอจะไปไหน” ชายหนุ่มถาม
“ก็ออกไปทำงานห้องอื่นสิคะ”
“อย่าเพิ่งไปได้หรือเปล่าฉันมีเรื่องจะคุยกับเธออีกมาก” ชายหนุ่มบอก หญิงสาวจึงนั่งลงตามเดิม
“เธอมีแฟนหรือเปล่า” เขาถามขึ้น
“ถามทำไมคะ คุณไม่ทราบจริงๆหรือ” หญิงสาวถามกลับและทำให้อีกฝ่ายยิ้ม
“ฉันไม่ได้สืบเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวฉันไม่ยุ่ง” ชายหนุ่มอธิบาย
“ยังค่ะ ถ้ามีก็คงไม่มาทำงานที่นี่หรอกค่ะ” หญิงสาวบอกออกมาจากใจ
“ทำไม”น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูแข็งขึ้นทันที
“ก็ใครเขาอยากให้คนรักมาขายตัวแบบนี้ล่ะคะจริงไหม” หญิงสาวก้มหน้ามองมือตนเอง
“ก็ไม่แน่ถ้ามีเงินตั้งมากมายมากองตรงหน้า” น้ำเสียงของเขาเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด เพชรไพลินกำมือแน่น
“มันเป็นเรื่องจำเป็น ถ้ามีทางอื่นที่ได้เงินมากกว่าที่นี่และดีกว่าการขายตัวแบบนี้ฉันก็จะทำแต่นี่มัน...”หญิงสาวนิ่งเงียบและหลับตานิ่ง จนอีกฝ่ายมองอย่างสงสัยแต่กล้องติดอยู่สูงจึงไม่เห็นใบหน้าที่เจ็บปวดของอีกฝ่าย
“เธอเป็นอะไรไป”
“เปล่าค่ะ ฉันจะไปพักผ่อนนะคะ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วหรือถ้ามีก็ไปถามศศิภาเอาก็แล้วกันดิฉันตอบคุณได้เท่านี้” หญิงสาวบอกเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วและเดินแกมวิ่งเข้าห้องของตนเอง
...อย่าร้องไห้นะเพชร...หญิงสาวบอกกับตนเอง
“เธอกล้าดียังไงถึงวิ่งหนีออกมาแบบนั้น” เสียงชายหนุ่มดุดันน่ากลัวยิ่งนัก
“นี่คุณก้องภพมีที่ไหนที่คุณไม่ติดกล้องเอาไว้บ้างไหม ฉันต้องการความเป็นส่วนตัว” หญิงสาวบอกและระงับอารมณ์โกรธของตนเอง
“เธอไม่มีสิทธิ์มาถามแบบนี้ ถ้าไม่พอใจก็ออกไป เชิญ” ชายหนุ่มบอก เพชรไพลินยืนนิ่งกำมือแน่น เธอจะไปจากที่นี่ไม่ได้เพราะชีวิตพ่อของเธออยู่ในกำมือของเธอ
“ฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ไปทั่วห้อง
“มันง่ายหรือเกินนะคำก็ขอโทษสองคำก็ขอโทษ”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงคะ” หญิงสาวถามเสียงเครือ
“ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด ฉันต้องการเห็นเธอชัดๆ” ชายหนุ่มยิ้มเย็น
“ไม่มีทาง” หญิงสาวสวนกลับทันที ความอดทนของเธอขาดลง
“ผู้ชายแบบคุณไม่ใช่น่าเกลียดแค่หน้าตาเท่านั้นจิตใจยังสกปรกอีกด้วย”
“เพชรไพลิน” ชายหนุ่มทุบโต๊ะและตวาดเสียงดังลั่นจนหญิงสาวต้องเอามืออุดหูและรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
“ใช่ หน้าตาฉันน่าเกลียดแต่มันก็ยังดีกว่าพวกผู้หญิงหลายใจอย่างพวกเธอมารยาร้อยเล่มเกวียน ผู้ชายคนไหนรวยก็รีบวิ่งเข้าหาเหมือนกับพวกปลิงดูดเลือด” ชายหนุ่มสาดคำหยาบคายออกมาอย่างโกรธสุด
“หยุดนะคุณก้องภพ คนอื่นฉันไม่ทราบแต่สำหรับฉันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน ผู้ชายอย่างคุณก็สมควรแล้วที่ภรรยาหนีไป” หญิงสาวพูดออกไปแล้วก็นึกกลัวที่คำพูดของเธอเหมือนกับไปจุดไฟโทสะให้อีกฝ่าย
“เพชรไพลิน !” ชายหนุ่มตวาดเสียงดังจนก้องไปทั้งห้อง
“ฉัน..ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆฉันลืมตัวไปน่ะค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงสั่น
“เธอเตรียมตัวได้เลย ได้ออกไปจากบ้านฉันแน่” ชายหนุ่มบอกและลุกขึ้นเดินเข้าไปที่ห้องนอนของตนเองก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ตามเลขาส่วนตัวของเขามาที่บ้าน
ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงสวรสก็มาถึงบ้านหลังใหญ่และรีบวิ่งขึ้นไปพบกับเจ้านายหนุ่มของตนเองทันที
“มีอะไรหรือคะคุณก้องถึงเรียกดิฉันมาด่วนแบบนี้” หญิงวัยกลางคนถามอย่างร้อนใจ
“ผมต้องการให้คุณเอาผู้หญิงที่ชื่อเพชรไพลินออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” ชายหนุ่มบอกอย่างคนที่ยังมีอารมณ์โกรธค้างอยู่
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณไปถามเธอเอาเองแล้วกันและจับเธอเหวี่ยงออกไปจากบ้านผมให้เร็วที่สุดด้วย” ชายหนุ่มตวาดเล่นเอาสวรสสะดุ้งเล็กน้อย
...เพชรไพลินต้องทำอะไรให้เขาโกรธอย่างมากแน่ไม่งั้นคงไม่มีอาการแบบนี้แน่...สวรสคิดในใจก่อนจะเดินออกมาเงียบๆและตรงไปที่ห้องของหญิงสาวที่พูดถึง
เพชรไพลินนั่งนิ่งอยู่บนเตียงขณะที่สวรสเดินเข้ามา “คุณมีอะไรจะบอกกับฉันหรือเปล่า” สวรสเอ่ยถามขึ้นและนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับหญิงสาว
ก้องภพขบกรามเข้าหากันแน่น คำพูดของเพชรไพลินมันไปจี้จุดตรงใจของเขาเข้าพอดี ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่กระจกภาพที่ปรากฏคือใบหน้าของชายที่หน้าตาเละมีรอยแผลเป็นนูนขึ้นมาเต็มใบหน้ายิ่งมองแล้วยิ่งน่าเกลียดน่ากลัว
“แกจะรอดมาทำไมกันนะก้องภพ แบบนี้มันก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว โธ่โว้ย!!!”