8
“กูรู้สิ ทำไมกูจะไม่รู้ แต่เผอิญว่ากูไม่กลัว” อดิศรเดินเข้ามาใกล้เบิ้ม กระแทกเท้าไปยังหัวเข่าของเบิ้มจนเบิ้มเปลี่ยนท่าเป็นคุกเข่าบนพื้นถนน “เอาตัวผู้หญิงไปไว้ในรถ แล้วเอาเชือกมามัดมือมัดเท้าไอ้สองตัวนี้”
อดิศรสั่งลูกน้องอีกสองคนที่ทำตามคำสั่งอย่างมืออาชีพ ไม่นานเกินรอ เบิ้มกับมะแซก็ถูกมัดมือมัดเท้า ปล่อยทิ้งไว้ข้างรถยนต์ เสร็จสรรพอดิศร ชัยยุทธกับพวกได้เดินไปยังรถยนต์ ก่อนจะขับเคลื่อนออกจากจุดนั้น หลังจากได้เป้าหมายสำคัญกลับไปด้วย
หากจะกล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ว่าได้ ไม่ใช่มีเพียงเบิ้มกับมะแซที่ต้องการตัวขวัญข้าว และไปดักซุ่มดูความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว อดิศรก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการตัวขวัญข้าวไปให้เจ้านายและเพื่อนของตน เขากับพวกจึงมาดักซุ่มดุความเคลื่อนไหวของขวัญข้าว แต่พอมาถึงก็เห็นว่า เบิ้มกับมะแซมาดักดูก่อนหน้า อดิศรไม่อยากไก่ตื่น จึงจอดรถในระยะที่เบิ้มกับมะแซไม่สงสัย โดยอาศัยกล้องส่องทางไกลคอยสังเกตการณ์ พอเบิ้มกับมะแซเคลื่อนไหว อดิศรก็สะกดรอยตามไป และเห็นทุกอย่างที่ทั้งสองทำ
อดิศรรีบขับรถตามเบิ้มกับมะแซ หลังจากเห็นว่า ขวัญข้าวถูกทั้งสองลักพาตัว เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งคู่ทำไปเพราะอะไร เขาสนแต่เพียงว่าต้องชิงตัวขวัญข้าวมาให้ได้ และก็ทำสำเร็จ
เมื่อวานนี้หลังจากรายงานความคืบหน้าให้กัลป์ได้รับรู้ อดิศรได้บอกแผนการของตนให้กัลป์ฟังว่า หากต้องการรู้ข้อมูลของคชาให้มากกว่านี้ ต้องรู้จากคนใกล้ตัว และคนใกล้ตัวคนนั้นที่เขาพุ่งเป้าคือ ขวัญข้าว ซึ่งกัลป์ก็เห็นด้วยกับแผนการของอดิศร แผนลักพาตัวเธอจึงเกิดขึ้น ซึ่งอดิศรกับพวกไม่รู้เลยว่า กัลป์จะทำกับขวัญข้าวมากกว่าล้วงความลับ
จังหวัดยะลา
ปัญญากับคชาและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง กำลังช่วยกันลำเลียงอาวุธสงครามขึ้นไปบนรถบรรทุก เพื่อขนย้ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยอาศัยแนวชายป่าระหว่างอำเภอเบตงกับรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซียเป็นเส้นทางขนส่ง พอไปถึงจุดนัดหมายจะมีคนมารอรับสินค้า ถือว่าสิ้นสุดการทำงานของปัญญากับพวก
“พวกมึงเร่งมือหน่อย กูไม่อยากไปถึงช้า” ปัญญาเร่งลูกน้องที่แต่ละคนเหงื่อซก
“โธ่พ่อ แค่นี้ก็เร่งกันจะตายอยู่แล้ว ว่าแต่ทำไมสินค้าลอตนี้มันเยอะจังเลยล่ะ ครั้งที่แล้วน้อยกว่านี้เกือบครึ่ง” คชาถามบิดา ขณะใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อบนใบหน้า
“เห็นนายบอกว่า ลูกค้าแถวตะวันออกกลางต้องการสินค้าเพิ่ม เลยสั่งผ่านนายหน้าคนนี้มาเยอะ”
“ครั้งนี้ยังเต็มรถ ครั้งหน้าไม่ล่อสองคันเหรอเนี่ย ของยิ่งเยอะยิ่งแตะตาตำรวจนะพ่อ ฉันว่าคราวหน้าทยอยส่งดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อนไงพ่อ” คชากลับคิดว่า การส่งสินค้าในปริมาณมาก อาจทำให้ตำรวจดมกลิ่นเจอ ส่งของทีละน้อยแต่บ่อยครั้งน่าจะดีกว่า
“กูก็คิดอย่างมึง แต่จะทำไงได้ล่ะ เรามันลูกน้องนายสั่งอะไรก็ต้องทำ อีกอย่างนายก็ปิดปากตำรวจแถวนี้ตั้งมาก คงไม่มีอะไรมั้ง” ไม่ใช่ว่าปัญญาไม่คิด เขาคิด เพียงแค่ค้านอะไรวิเศษไม่ได้ วิเศษเป็นคนเห็นแก่เงิน ยิ่งลูกค้าสั่งมากยิ่งชอบ แล้วการที่เห็นแก่เงินนี้เองที่ทำให้วิเศษขาดความรอบคอบ เขาเตือนหลายครั้งแต่ก็ไม่ฟังสักครั้ง “มึงรีบไปช่วยพวกมันดีกว่า เสร็จงานนี้ต้องไปส่งเนื้อต่ออีก”
งานของปัญญาไม่ได้มีเพียงแค่ส่งอาวุธสงคราม เขายังมีภารกิจอีกหนึ่งอย่างคือ ส่งผู้หญิงไปขายบริการยังต่างแดน หญิงสาวที่ถูกนำตัวไปในครั้งนี้ มีทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ คนที่ไม่เต็มใจไม่ใช่ว่าจะไปถูกจับตัวมา แต่เป็นลูกหลานของลูกหนี้ที่ติดหนี้สินวิเศษ และไม่สามารถหาเงินมาใช้ตามตกลงกันไว้ วิเศษจึงข่มขู่ต่างๆ นานา ส่งผลให้ลูกหนี้หลายคนจำต้องบังคับลูกหลานให้มาขายบริการทางเพศ แลกกับการลบล้างหนี้สิน
คชาไม่พูดอะไร เขาเดินไปทำตามคำสั่งบิดา เพราะเขาเองก็อยากกลับบ้านเร็วๆ ทำงานครั้งนี้เขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย มันกังวลและพะว้าพะวงอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้บอกให้บิดารู้ถึงความรู้สึกนี้ คิดว่ามันจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีดังเช่นผ่านมา
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาการขนสินค้าเป็นอันเสร็จสิ้น คชาทำหน้าที่ขับรถบรรทุก มีปัญญานั่งอยู่ด้านหน้าคนขับ ส่วนลูกน้องที่เหลือนั่งอยู่ในรถจิ๊บอีกสองคันที่ขับตามมา คชาขับรถไปตามเส้นทางคุ้นเคย มุ่งหน้าตรงไปยังจุดนัดหมายใช้เวลาขับรถไปร่วมสองชั่วโมงกว่าจะถึง
“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตามึงไม่ค่อยดีเลย” ปัญญาถามบุตรชาย ตลอดทางเขาสังเกตเห็นใบหน้าคชาที่ค่อนข้างเครียด คล้ายกับว่ามีเรื่องกังวลอยู่ในใจ ซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะเห็นความเครียดบนใบหน้าลูกชาย
“ไม่รู้สิพ่อ มันบอกไม่ถูก”
“มันยังไงล่ะ ที่ว่าบอกไม่ถูก” ปัญญาชักสงสัยมากขึ้น
“ใจคอไม่ดียังไงไม่รู้พ่อ ใจไม่อยากทำงานวันนี้เลย”
“มึงคิดมากไปเอง ทำงานแบบนี้มาตั้งกี่ครั้งแล้วก็ไม่เห็นมีปัญหา อย่าคิดอะไรให้มันมากเลย เดี๋ยวเราก็ได้กลับบ้านแล้ว”
ปัญญารู้ดีว่างานที่ทำมีความเสี่ยงสูง สักวันหนึ่งอาจจะพลาดพลั้ง แต่เขามีความเชื่อมั่นว่า ด้วยสติปัญญาและความสามารถของตนเอง เรื่องที่วิตกกังวลจะต้องผ่านพ้นไปด้วยดี งานวันนี้ก็เช่นกัน
คชาไม่พูดอะไรต่อ เขาขับรถไปตามเส้นทางดินลูกรัง ถนนหนทางค่อนข้างลำบาก แต่ด้วยความเคยชินมันจึงไม่ใช่เรื่องยากในการเดินทาง
อีกด้านหนึ่ง
ตำรวจนอกเครื่องแบบราวยี่สิบคน และตำรวจตระเวนชายแดนอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดมาพร้อมกับอาวุธครบมือ พวกเขาดักซุ่มอยู่แนวชายป่าริมถนนลูกรัง สายตามองไปยังรถบรรทุกและรถอีกสองคันที่กำลังแล่นเข้ามาใกล้พวกเขา
“ทุกหน่วยพร้อมนะ ระวังตัวด้วย รอสัญญาณจากผมก่อนแล้วค่อยบุก”
พันตำรวจตรีหรือสารวัตรนพดลบอกลูกน้องที่กระจายกำลังผ่านวิทยุสื่อสารหรือเรียกกันติดปากว่า วอ นพดลได้รับมอบหมายให้คอยจับตาดูวิเศษ ผู้กว้างขวางและมีอิทธิพลคนหนึ่งในจังหวัดชุมพร หรืออาจจะพูดว่าทั่วทั้งภาคใต้ตอนเหนือก็ว่าได้ วิเศษมีเบื้องหลังเป็นนักค้าอาวุธสงครามและอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ด้วยอิทธิพลและอำนาจเงิน รวมถึงมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง ส่งผลให้ไม่มีใครกล้าแตะต้องหรือคิดจะกวาดล้าง วิเศษเหิมเกริม ได้ใจกระทำชั่วมาอย่างยาวนานนับสิบปี