บทที่ 10
"เงินยังขาดอยู่อีกเท่าไร"
พยัคฆราชสงสัยทำไมเธอถึงไม่โวยวายเหมือนทุกครั้ง "อีกเท่าตัว" แต่เขาก็ต้องพยายามเก็บความสงสัยนั้นไว้กลัวเสียฟอร์ม
"เดี๋ยวฉันกลับมา คุณเซ็นต์อนุมัติการส่งออกรอฉันได้เลย" ว่าแล้วหญิงสาวก็วางแฟ้มเอกสารนั้นลงไว้ที่เดิม แล้วเธอก็ออกจากห้องไป
ก๊อก ก๊อก
"เชิญครับ"
"สวัสดีค่ะผู้จัดการ"
"อ้าว..คุณแสนสวยมีอะไรครับเชิญนั่งก่อนสิ" ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ไม่มีใครในบริษัทนี้ที่จะไม่รู้จักเธอ
"ฉันอยากจะมาขอยืมเงินคุณ" แสนสวยไม่นั่ง เพราะถ้ายืมเงินผู้จัดการใหญ่ไปไม่ได้ เธอก็จะไปยืมกับคนอื่นอีก
"ยืมเงินงั้นเหรอครับ" แทนไทสงสัย อะไรของผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามายืมเงินหน้าตาเฉยแบบนี้เลยเหรอ "ยืมเท่าไรครับ"
"แสนหนึ่งค่ะ"
"สะ..แสนหนึ่ง?" คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เขาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน..ที่พนักงานจะเดินเข้ามายืมเงินผู้จัดการ แถมยืมเป็นแสนอีก
"ถ้าไม่ให้ก็ไม่เป็นไรนะคะ" ว่าแล้วแสนสวยก็กลับหลังหัน เงินตั้งแสนใครจะกล้าให้เรายืมหลักทรัพย์ค้ำประกันอะไรก็ไม่มี
"เดี๋ยวก่อนสิครับคุณแสนสวย ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไม่ให้ยืม"
หญิงสาวค่อยๆ หันหน้ากลับมา ใบหน้าของเธอเริ่มมีความหวังขึ้น "คุณจะให้ฉันยืมเหรอคะ"
แทนไทหยิบเช็คเงินสดขึ้นมาแล้วเซ็นต์ลงไปในเช็คนั้น "ผมขอให้ยืมเป็นเช็คแทนแล้วกันนะครับ เพราะว่าผมไม่มีเงินสดพอให้คุณหรอก" แล้วเขาก็ยื่นมันมาตรงหน้า "รับรองไม่เด้งครับ"
"ขอบพระคุณคุณแทนไทมากเลยนะคะ" หญิงสาวพนมมือไหว้ เธอไม่คิดว่าจะมีใครกล้าให้ยืมเงินเป็นแสนแบบนี้
แทนไทแอบยิ้มแล้วมองตาม และเขายังแอบสงสัยว่า ทำไมท่านประธานถึงปล่อยให้เธอมายืมเงินแบบนี้ ในเมื่อเธอเป็นเด็กของท่าน..ใช่แล้วทุกคนคิดแบบนี้ไม่เว้นแม้แต่ผู้จัดการใหญ่
แกร้ก! แอดดดด~ มาถึงเธอก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป แบบไม่ส่งสัญญาณก่อน
"เงินที่คุณต้องการ"
เช็คเงินสดได้ถูกวางลงตรงหน้า ดวงตาคมมองจ้องลายเซ็นต์ที่อยู่บนเช็คใบนั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรู้ว่าใครที่เป็นเจ้าของเช็ค
เห็นเขาเงียบเธอก็เลยยื่นมือไปหยิบแฟ้มเอกสาร ที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาเปิดดู ว่าเขาเซ็นต์ให้หรือยัง "กรุณาเซ็นต์ให้ด้วยค่ะ ฉันจะได้ไปดำเนินการต่อ"
เขายังลีลาทำงานอื่นโดยไม่สนใจแฟ้มที่เธอยื่นมาให้
"คุณจะเอายังไงกันแน่ ต้องการเงินฉันก็ไปหามาให้แล้ว!"
"หาด้วยวิธีไหนล่ะ?"
"จะหาด้วยวิธีไหนมันก็เรื่องของฉัน หน้าที่ของคุณคือเซ็นต์เอกสารนี้"
บ่ายโมงวันเดียวกันนั้น..
"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำไมของถึงเพิ่งส่งออกไป" สิ่งแรกที่เลขารายงานก็คือเรื่องส่งของ สิงหราชก็เลยเรียกลูกชายให้เข้าพบ
"ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยครับพ่อ"
"ทำไมต้องปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ถ้ารู้ว่าส่งของไม่ทันทำไมไม่รีบจัดส่ง แต่นี่ผ่านไปตั้งสองวัน รู้ไหมว่าแต่ละนาทีมีค่ามากแค่ไหน" แค่ดูเอกสารสิงหราชก็รู้แล้ว
"ผมขอโทษครับจะพยายามระวังให้มากกว่านี้"
"ถ้าเป็นแบบนี้แล้วพ่อจะกล้าวางมือให้เราดูแลได้ยังไง"
"ผมขอโทษอีกครั้งครับ"
เย็นวันเดียวกันที่บ้าน..
"งานหนักเลยเหรอคะ" อัปสรสุดาถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นสามีไม่สู้ดีนัก
"ไม่หนักหรอกครับ แต่งานใหญ่เลยแหละ"
"ทำไมคะ"
"ก็เรื่องส่งของออกไม่ทัน"
เพล้ง! ช้อนในมือของแสนสวยถึงกับหล่นกระทบจาน เมื่อได้ยินปัญหาที่ท่านกำลังหนักใจอยู่
"เป็นอะไรลูก" อัปสรสุดาหันมาให้ความสนใจกับคนที่นั่งทานข้าวร่วมโต๊ะบ้าง
"ขอโทษค่ะ" หญิงสาวหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินแบบเงียบๆ
"แล้วทางนั้นว่ายังไงบ้างล่ะคะ เรื่องที่เราส่งของไม่ทัน"
"จะว่ายังไงล่ะ เขาก็ผลิตไม่ทันน่ะสิ"
"แย่จังเลยนะคะ แล้วคุณต่อว่าลูกหนักเลยเหรอทำไมลูกถึงไม่กลับบ้าน"
"หาเรื่องไม่กลับล่ะสิ มันกับผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ"
"เออ..คือ.."
"ไม่เห็นเขาติดต่อกันนานแล้วค่ะ" แสนสวยเป็นคนตอบขึ้น เพราะเห็นแม่ของเขาทำใจลำบากที่จะตอบ
"ดีแล้วล่ะ มันจะอะไรนักหนากับผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจ" ที่สิงหราชไม่ชอบซาร่า เพราะผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากแถมยังเคยเป็นเด็กเสี่ยมาก่อนที่จะมาอยู่กับลูกชาย และเสี่ยคนนั้นสิงหราชรู้จักดี เพราะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ
"คุณใจเย็นก่อนนะคะเดี๋ยวลูกคงกลับ"
"ผมจะรอดูว่ามันจะมาตอนไหน"
แสนสวยถือโทรศัพท์เดินออกมาจากบ้าน เพราะเห็นสายตาแม่ของเขา ก็รู้แล้วว่าท่านขอความช่วยเหลือ
คลื่นน คลื่นนนน
ติ๊ก.. เสียงปลายทางกดรับสาย
>>{"คุณจะกลับบ้านตอนไหน"}
"อ่ะ..อ่ะ..อื้ออ..เร็วกว่านี้หน่อยสิคะ เสียวจังเลยค่ะที่รัก~"