บทที่2.ปะทะ!....
หะ! ยัยเด็กกะโปโลพูดอะไรออกมาน่ะ เขานี่นะ เขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักรัก เป็นคาสโนว่าที่หมายปองจากสาวๆ ทั่วโลก กลับถูกผู้หญิงธรรมดา ‘หยาม’ เธอหาว่าเขาจูบได้ห่วยแตกสิ้นดี จูบกับเด็กน้อยยังดีเสียกว่าจูบกับผู้ชายอย่างเขา เคลวินเดือดจัด เขาโกรธจนเส้นกระตุกไปทั้งตัว ถูกดูหมิ่นว่าไร้น้ำยายังไม่โกรธเท่า...กับว่าจูบของเขาไม่ได้เรื่อง ในเมื่อตกลงกันดีๆ ไม่ได้ ก็ต้องใช้ ‘กำลัง’ จะมาหาว่าเขาใจร้ายไม่ได้นะ เมื่อเขาต้องกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมาบ้าง ลบคำสบประมาทที่ออกจากปากจิ้มลิ้มน่าจูบนั่น
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ไกลพากันก้มหน้าลง ผู้หญิงคนนี้ใจกล้าเกินหญิง เธอกล้าที่จะกระตุกหนวดเสือ และไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาขยับเข้าไปใกล้ และกระชากทิชากรด้วยมือข้างเดียวจนเธอถลาเข้ามาปะทะแผงอกของเขาจังๆ เธอรีบยันมือกับแผงอกไว้ พยายามขืนตัวเอาเต็มที่ แต่แรงอันน้อยนิดหรือจะสู้แรงกำลังที่มีมากกว่าได้ เคลวินหรี่เปลือกตาลง เขาลดหน้าลงใกล้ๆ พูดเสียงเคร่ง “เธอจะต้องเสียใจที่พูดออกมาแบบนี้ ยังไม่มีใครสักคนว่าฉัน ‘จูบ’ ไม่ได้เรื่อง เพราะฉะนั้นฉันจะทำให้เธอถอนคำพูด!”
“อ้าย!#฿ ปล่อยนะปล่อยเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้บ้านแตกเลยคอยดู”
เธอตวาดเสียงดังๆ ขู่ ลมหายใจหอบฮั่ก เพราะออกแรงดิ้นสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถสลัดมือที่เกาะกุมให้หลุดออกไปได้ มือของเขาแข็งปานคีมเหล็ก เคลวินฉกเรียวปากปิดเสียงน่ารำคาญนั่นด้วยปากของตัวเองอีกครั้ง!! ชายหนุ่ม กระแทกเรียวปากหนักๆ และบดขยี้เหมือนกับการลงโทษ ทำให้เธอเจ็บตัว จะได้รู้ว่าไม่ควรหมิ่นประมาทเขาด้วยถ้อยคำแบบนั้นอีก เรียวปากแข็งกระด้างบดเบียดหนักๆ เขาแยกแย้มริมฝีปากที่เม้มแน่น ก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปในโพรงปากนุ่มนิ่ม กวาดต้อนเรียวลิ้นเล็กๆ ที่กระเสือกกระสนหนี เกี่ยวตวัดร้อยรัด และดูดซึมความหอมหวาน ความหวานละไมที่ได้รับจากคนตัวเล็ก ทำให้ชายหนุ่มหลงเพลิด เขาเอื้อมมือกอดเรือนกายอวบอิ่มให้แน่นขึ้น ขบเม้มกลีบปากเปียกชื้นและบดขยี้หนักๆ ส่งท้าย
เงียบกริบ!! แม้เสียงเพลงจังหวะหนักๆ จะดังกระหึ่ม แต่ทิชากรหูดับเธอไม่ได้ยินเสียงใดใดเลย... เพราะกำลังตื่นตกใจที่โดนผู้ชายคนเดิมปล้นจูบซ้ำอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาหลายๆ คู่ และเธอไม่สามารถดิ้นหนีได้เหมือนเดิม มือเล็กๆ พยายามทั้งผลักทั้งดัน แต่เหมือนกับว่าเธอกำลังผลักกำแพงหนาสักสิบฟุต มันถึงได้ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด เธอกำลังจะสิ้นแรงและหมดลม เรียวปากหนาหยักทาบทับบดขยี้จนเธอรู้สึกแปลกๆ มันวูบวาบและหวิวไหว ดวงตากลมโตเบิกโพลงก่อนจะหรี่ปรือและดับวูบ สติอันลางเลือนเธอเห็นแค่หน้าคมคายที่ชะโงกมองใกล้ๆ ก่อนจะดับสนิท
“เฮ้ย!!”
ยัยบ้านี่ มันน่านัก... แค่ถูกจูบยังเป็นลมแล้วมีหน้ามาปรามาสว่าเขาจูบไม่ได้เรื่อง เคลวินพ่นลมหายใจแรงๆ เขากอดร่างปวกเปียกแล้วจึงช้อนอุ้มขึ้นมาไว้ในวงแขน
“เอ่อ...คุณเคลวินจะพานกไปไหนคะ” เพื่อนๆ ของทิชากรถามเสียงแผ่วเบา พลางหลบตาวูบวาบเมื่อชายหนุ่มปรายตามองกลับมา
“นก...ยัยนี่ชื่อนกเหรอ”
“ค่ะ นก คุณจะพาเพื่อนของพวกเราไปไหนคะ”
แม้จะกลัว แต่ความเป็นห่วงเพื่อนมีมากกว่า เธอกลัวว่าชายหนุ่มจะทำอะไรร้ายๆ กับเพื่อนของพวกเธอ
“เปล่า... แค่จะพาไปหาที่เงียบๆ เพื่อนพวกคุณเป็นลม ในนี่น่าจะไม่เหมาะกับคนป่วย”
ชายหนุ่มตาวาว เขามองคนในอ้อมแขนนิ่งๆ
“ให้พวกเราพาไปจะดีกว่าไหมคะ”
“ไม่ดี ไม่ดีแน่ๆ...ฉันขอดูแลเจ้าหล่อนเองก็แล้วกัน มีปัญหาเหรอ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ ไม่มี”
“ก็ดี...”
ชายหนุ่มเดินจากไปช้าๆ มีสายตาของทุกคนในกลุ่มทัวร์มองตามไปด้วยความเป็นห่วง แต่ใครล่ะจะกล้าเสี่ยงกับ เคลวินล่ะ เมื่อเขาเป้นมาเฟียมีอำนาจล้นมือและที่นี่คือโรม...
“ทำยังไงดี ทำยังไงจะช่วยยัยนกได้”
“สวดมนต์สิยะหล่อน ที่ทำได้ก็มีแค่นี้ล่ะ แหมๆ ทำไมไม่เป็นฉันที่คุณเคลวินสนใจ ฉันจะกระโจนใส่ตั้งแต่เขาออกปากชวนแล้ว อือๆ น่าเสียดาย”