Chapter 2 : วันซวย
วันซวยอะไรของฉันวะเนี่ย เมื่อเช้าฉันก้าวเท้าออกจากบ้านข้างไหน ทำอะไรมันถึงได้ซวยไปซะหมด
วันนี้ฉันมีนัดสัมภาษณ์งานบริษัทแห่งหนึ่ง จริงๆแล้วคุณพ่อจะฝากฉันเข้าทำงานที่นี่เลยด้วยซ้ำ เพราะคุณพ่อเป็นเพื่อนกับประธานบริษัทเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย แต่ฉันขอคุณพ่อไว้ก่อนว่าจะสมัครงานด้วยตัวเอง อยากทำให้มันเป็นขั้นเป็นตอน ไม่อยากใช้เส้นสายให้คนอื่นเขาเอามานินทา เกิดฉันเข้าไปแล้วทำงานได้ไม่ดีคนที่จะเสียหายมากที่สุดก็คือเพื่อนของคุณพ่อ
"จะสายแล้ว จะสายแล้ว" ฉันนั่งตัวยุกยิกอยู่แบบไม่เป็นสุขบนรถยนต์ที่ฉันขับอยู่ ตอนนี้บนท้องถนนที่ฉันกำลังมุ่งหน้ารถติดเอามากๆ พี่ๆHRโทรมานัดให้ไปสัมช่วงบ่ายโมง แล้วนี่ทำไมรถมันถึงได้ติดขนาดนี้หล่ะ แล้วสัมภาษณ์งานครั้งแรกของฉันด้วย ขืนไปสายมีหวังชวดงานนี้แน่ๆ
"โอ้ยยยยย ติดอะไรคะ บ่ายแบบนี้ ไม่ทำงานทำการกันหรือไง" ฉันโวยวายอย่างกับคนบ้าอยู่ในรถคนเดียว ดีนะที่รถฉันติดฟิล์มสีดำ ไม่งั้นคงข้างนอกคงได้มองว่าฉันเป็นตัวประหลาดแน่ๆ
"ไฟเขียวแล้ว คันหน้าเหยียบคันเร่งสิคะ วิ่งสิวิ่ง" เมื่อคันหน้าแล่นออกไป ฉันก็เหยียบคันเร่งในทันที
ในที่สุดฉันก็มาถึงหน้าบริษัท ฉันกำลังที่จะเลี้ยวเข้าไปยังที่จอดรถทางด้านใน ก็ต้องแลกบัตรกับพี่รปภ.ก่อนเข้าอาคาร
"สวัสดีครับ มาทำอะไรครับ" ฉันกดกระจกเลื่อนลง พี่รปภ.ก็ถามฉันทันที
"หนูมาสัมภาษณ์งานที่นี่ค่ะ" พูดจบพี่รปภ.ก็พยักหน้า "ขอบัตรประชาชนด้วยครับ"
ฉันต้องเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์ทางด้านหลังเพื่อเอาบัตรประชาชนไปแลก คนยิ่งรีบๆกลายเป็นช้ากว่าเดิม แต่กฎก็ต้องเป็นกฎของ
"นี่ค่ะพี่" ฉันยื่นบัตรประชาชนให้พี่รปภ. เขาก็รับไปทันทีแล้วหยิบที่แลกบัตรมาให้ฉัน
"จอดได้เฉพาะชั้นxxxนะครับ" ฉันฟังไม่ทันจบ ก็รีบกดกระจกขึ้นทันที เพราะนี่ใกล้เวลาที่เขานัดสัมภาษณ์แล้ว
ฉันที่กำลังวนหาที่จอด ให้ตายเถอะ พนักงานที่นี่มีกี่คนกันวะเนี่ย จอดเต็มทุกชั้น แล้วเมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้ฟังพี่รปภ.เขาด้วยว่าให้จอดที่ชั้นไหน ได้ยินแค่ว่าจอดได้...ฉันก็เหยียบคันเร่งออกตัวไปเลย
"เอาเข้าไป บรรลัยตั้งแต่ออกจากบ้านจนมาถึงบริษัท" บ่นไปก็หาที่จอดไป
(เสียงโทรศัพท์อลิน)
เวรละ พี่HRโทรมา "ฮัลโหลสวัสดีค่ะ"
(น้องอลินใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าตอนนี้น้องถึงหรือยังคะ)
"หาที่จอดรถอยู่ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ขอวางสายก่อนนะคะพี่" ฉันกดวางสายพี่HRไป ฉันไม่ได้เสียมารยาทนะเพราะว่าฉันก็บอกแล้วว่าขอวางสายก่อน
"โว้ยยยย จอดมันตรงนี้ละกัน พี่เขาตามแล้ว วันซวยของอลินจริงๆเล้ย" ฉันจอดขวางทางรถสปอร์ตคันหรูคันหนึ่ง ไม่รู้ละ คนมันรีบให้ทำไง หวังว่าเขาคงจะยังไม่รีบมาออกตอนที่ฉันสัมภาษณ์งานอยู่นะ
เมื่อลงจากรถปิดประตูล๊อครถเรียบร้อยฉันก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปในตัวอาคาร แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟท์เอื้อมมือกดไปลิฟท์ยังชั้นที่พี่HRนัดฉันสัมภาษณ์งาน แต่จู่ๆก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ ฉันจึงรีบรูดซิปกระเป๋าสะพายไหล่แล้วควานหากระดาษกับปากกาเขียนข้อความและจดเบอร์โทรลงกระดาษใบเล็ก แล้วก็ต้องรีบวิ่งกลับไปที่รถแล้วเสียบกระดาษไว้ไว้ตรงที่ปัดน้ำฝนกันปลิวหาย
"ขอโทษนะคุณ ฉันรีบจริงๆ บริษัทออกจะใหญ่โต ทำไมที่จอดมันหายากขนาดนี้" ฉันยกมือไหว้รถสปอร์ตที่ฉันจอดขวางอยู่ ดีนะที่แถวนั้นไม่มีคน ไม่งั้นเขาต้องหาว่าฉันเป็นบ้าแน่ๆอยู่ดีๆก็ยืนไหว้รถ
แล้วก็วิ่งสี่คูณร้อยเข้าตึกไปเหมือนเดิม...
ห้องสัมภาษณ์งาน
เมื่อมาถึงชั้นที่พี่HRบอกให้ขึ้นมา ก็เจอกับพี่สาวปากแดงที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์คนนึง
"สวัสดีค่ะ พอดีหนูมาสัมภาษณ์งานค่ะ" เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน ด้วยสีหน้าไม่รับแขก แถมยังดูหยิ่งๆอีกด้วย
"สักครู่นะ" พูดก็ห้วน ไม่มีมารยาทเลยอ่ะ แล้วพี่ปากแดงก็หายออกไป สงสัยคงไปตามใครสักคนหล่ะมั้ง
ฉันรออยู่ประมาณ5นาทีได้ พี่ปากแดงก็เดินมาพร้อมกับพี่ผู้หญิงอีกคนดูเรียบร้อยสุภาพเขาเห็นฉันจึงฉีกยิ้มกว้างต้อนรับแถมดูเป็นมิตรกว่ายัยเจ้นั่นตั้งเยอะ
"สวัสดีค่ะ น้องอลินใช่ไหมคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ" ฉันยกมือไหว้พี่ที่เดินเข้ามาทักฉัน ดูใกล้ๆแล้วน่ารักจัง
เขาผายมือเชิญว่าให้ฉันเดินตามพี่เขาไปยังห้องห้องหนึ่ง คงจะเป็นห้องสัมภาษณ์แน่ๆ
"น้องอลินรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวท่านประธานจะลงมาสัมภาษณ์ค่ะ"
"อะไรนะคะพี่ ท่านประธานจะลงมาสัมภาษณ์หนูหรอคะ"
"ใช่จ่ะ" พี่คนน่ารักพูดแล้วยิ้มให้จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มาไวจัง พี่เขาเพิ่งเดินออกไปไม่ใช่หรอ..
อ่าว ป้าแม่บ้านยกแก้วน้ำมาเสริฟ์ให้ฉัน ฉันจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"ขอบคุณนะคะป้า" ป้าแม่บ้านผงกหัวให้เล็กน้อย แล้วเดินถือถาดออกไปยังประตู
ในระหว่างที่รอฉันจึงหยิบโทรศัพท์มานั้งไถเล่นฆ่าเวลา แต่เพียงไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก จึงรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าทันที สงสัยจะมาแล้ว ฉันเลยเลือกนั่งนิ่งๆแล้วจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนที่จะสัมภาษณ์
แกร่ก
"สวัสดีหนูอลินใช่ไหม" เสียงของคนมีอายุเอ่ยเรียกชื่อฉัน
"สวัสดีค่ะท่านประธาน" ฉันยกมือไหว้ผู้ชายที่ดูสูงอายุที่กำลังเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามที่มาพร้อมกับพี่คนื่น่ารักๆคนนั้น
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านประธานอะไรกัน เรียกลุงเถอะ" นี่อย่าบอกนะว่าพ่อฉันเป็นคนบอกอ่ะ ไหนว่าสัญญากันแล้วไง พ่อนะพ่อ
"ไม่ดีกว่าค่ะ ดิฉันไม่อยากใช้อภิสิทธ์ ท่านประธานสามารถสัมภาษณ์ได้ตามปกติเลยนะคะ" ฉันพูดด้วยความแน่วแน่ต่อคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"เอ้า ตามใจหนูเลยละกัน พอดีพ่อหนูโทรมาบอกลุง ลุงก็เลยอยากจะลงมาสัมภาษณ์หนูด้วยตัวเองสักหน่อย เราจะได้ทำความรู้จักกันไว้ ไหนๆก็คนกันเอง" คนกันเองที่ไหนเล่า ฉันไม่เคยเจอท่านประธานเลยด้วยซ้ำ
"พร้อมไหม"
"พร้อมค่ะ ฉันพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมากดปิดเครื่องเผื่อใครโทรเข้ามาจะดูไม่มีมารยาทจนเกินไป" เมื่อปิดโทรศัพท์แล้วเรียบร้อย ฉันก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างมั่นใจพร้อมกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้แล้วหล่ะ ขอให้ฉันได้งานที่นี่ด้วยเถิดเพี้ยง ซวยมาทั้งวันแล้ว ขอเจอเรื่องดีๆหน่อยก็แล้วกัน
30นาทีผ่านไป
"เอาละไม่มีอะไรแล้ว ส่วนใหญ่ชวนคุยแต่เรื่องของพ่อหนูเมื่อสมัยก่อน" รู้สึกเหมือนไม่ได้มาสัมภาษณ์งานเลย เหมือนมานั่งคุยกับผู้สูงอายุมากกว่า แถมเผาพ่อฉันเละ แล้วแบบนี้ฉันจะได้งานไหมหล่ะเนี่ย
"หนูขับรถมาไหม"
"ขับค่ะ" ตายละหวังว่าเจ้าของรถคันนั้นจะยังไม่มานะ
"เอ่อ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะพอดีจอดรถขวางคันอื่นไว้ค่ะ หาที่จอดไม่ได้" ท่านประธานขมวดคิ้วชนกัน แล้วหันไปมองพี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ
"สวัสดีค่ะ" ฉันยืนขึ้นแล้วยกมือไหว้ท่านประธานก่อนแล้วจึงหันไปไหว้พี่ที่น่ารักๆ
ลานจอดรถ
แล้วนั่นใครนั่งอยู่ตรงข้างๆรถฉัน หรือว่าจะเป็นเจ้าของรถ แย่แล้วยัยอลิน แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นไม่โทรหาฉันหล่ะแปลกคนจริง หรือว่าไม่เห็น ก็ไม่น่าจะใช่นะ
จากนั้นฉันจึงรีบเดินตรงไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆรถฉันทันที
"ขอโทษนะคะ"