บทที่ 6 บททดสอบของเซาะอี่
พอกลับถึงห้องพักที่โรงเตี้ยมแล้ว เซาะอี่ที่พกพาความอัดอั้นตันใจที่ปวยเอ็งรีบผลุนผันออกมา ทั้งยังจ้องมองนางด้วยสายตาที่ดุร้ายต่อหน้าฝูงชน ในขณะที่นางกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ปวยเอ็งกลับชิงต่อว่านางออกมาก่อนว่า
ข้าสั่งเจ้าแล้วว่าห้ามก่อเรื่องเป็นอันขาด เมื่อครู่เจ้าทำตัวเด่นเกินไปและไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า เมื่อครู่ยอดฝีมือฝ่ายเจ้ามือลอบใช้พลังลมปราณหมายเปลี่ยนแต้มของลูกเต๋า โชคดีที่ข้าสังเกตพบได้ทันเวลา จึงแผ่พลังลมปราณเข้าขัดขวาง พวกเจ้าจึงชนะได้เงินทองกลับมามากมาย มิเช่นนั้นคงพากันถูกกินรวบทั้งโต๊ะหมดตัวกันทุกคน ที่สำคัญพวกเราตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนอยู่ ตอนนี้พวกมันลอบสะกดรอยตามพวกเรากลับถึงที่นี่แล้ว
เมื่อฟังดังนั้นเซาะอี่คล้ายถูกน้ำเย็นราดศีรษะ อารมณ์โกรธโมโหเมื่อครู่จางหายไปสิ้น เปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนกเข้ามาแทนที่จนหน้าถอดสี กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นกลัวว่า
แล้วนี่…พวกเราสมควรทำเยี่ยงไร?
รีบไปดับเทียน แล้วรีบขึ้นไปนอนนิ่งๆบนเตียงนอน ข้าจะลอบสังเกตพวกมันดูก่อน
เซาะอี่รีบกระทำอย่างว่าง่าย ปวยเอ็งรีบพลิ้วกายไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มเปิดออกเพื่อสังเกตมองไปที่ด้านล่างรอบทิศทาง รวมทั้งมันทุ่มเทใช้ยอดวิชาโสตฟ้าปราดเปรื่องสดับฟังความเคลื่อนไหวรอบห้องพักทันที ตอนนี้ล่วงเลยเวลา
เที่ยงคืนมาช่วงใหญ่แล้ว ภายนอกดูเงียบสงัด มีแต่เสียงมโหรีดังแว่วมาจากหมู่ตึกสำราญตามสายลม แต่แล้วพลันคล้ายมีผู้ใดลอบเร้นกายเข้ามาใกล้ประตูห้องพักด้านนอก ปวยเอ็งรีบล้วงมีดน้อยออกมากระชับเตรียมพร้อมไว้ แล้วรีบแสร้งล้มตัวลงนอนข้างเซาะอี่ พลางใช้มือซ้ายปิดปากเซาะอี่ไว้เป็นสัญญาณให้นางปิดปากเงียบ พลางแกล้งพูดดังๆขึ้นมาว่า
ดูสิสนใจแต่การพนันมากกว่าข้า เดี๋ยวข้าจะต้องลงโทษให้สาสมเลย…นี่แน่ะ….
พลางสะกิดนางให้ตอบโต้ นับว่านางมีไหวพริบดี รีบแสร้งกล่าวขึ้นว่า
ไม่เอาแล้ว ท่านชอบรังแกข้าอยู่เรื่อยไป
ปวยเอ็งกับเซาะอี่แสร้งส่งเสียงแล่นละครกันอยู่พักใหญ่ ก็เสแสร้งเงียบเสียงลง
ในตอนนั้นเองปวยเอ็งเกร็งพลังไว้เต็มที่ พร้อมตอบโต้ผู้บุกรุกเข้ามา แต่แล้วดูเหมือนคนที่ลอบเร้นเข้าที่หน้าประตูพลันถอนตัวจากไปอย่างเงียบงัน ปวยเอ็งรีบใช้วิชาโสตฟ้าปราดเปรื่องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ด้วยยอดวิชานี้แม้จะเป็นยอดฝีมือสูงส่งสักเพียงใดต่อให้ปิดกลั้นลมหายใจไว้อย่างดี ถ้าอยู่ในรัศมีห้าวาต้องถูกตรวจพบแน่นอน หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจแล้วจึงค่อยๆลุกขึ้น ลอบมองลอดช่องหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้เพื่อสอดส่องดูภายนอกให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นต้องลอบทอดถอนใจออกมา พร้อมกับเอ่ยเบาๆขึ้นว่า
หวาดเสียวยิ่งนัก โชคดีที่พวกมันไม่บุกจู่โจมเข้ามา
พวกมันเป็นใครกัน?
ยากตอบได้ เพราะถ้าเป็นคนของนครากลืนวิญญาณหรือหมู่ตึกสำราญ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใด เพราะเรื่องราวการต่อสู้ที่หน้าประตูนคราฯคงระบือไปทั่วแล้ว แต่ถ้าเป็นศัตรูของข้าหรือของเจ้านี่นะสิที่น่าหนักใจ เพราะเมื่อครู่ที่บ่อนพนันมีผู้คนมากมาย อาจมีผู้ใดสังเกตพบเข้าบังเกิดความสงสัยจึงลอบติดตามมาชมดูก็ได้
เมื่อฟังดังนั้นเซาะอี่รู้สึกตัวว่าทำผิดอย่างมหันต์ จึงรีบกล่าวออกมาว่า
ข้าต้องขอโทษอีกครั้งจากใจจริง ข้าบางครั้งยังติดนิสัยเยี่ยงทาริกาที่ดื้อรั้นซุกซนอยู่ เพราะข้าถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่กล้ามีผู้ใดมาขัดใจข้าแม้เพียงผู้เดียวจึงเพาะเป็นนิสัยไม่ดีติดตัวข้ามาโดยตลอด ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้วต่อไปจะเชื่อฟังท่านแต่โดยดี แล้วนี่…พวกเราควรจะกระทำเยี่ยงไรดี?
พวกเราล้วนไม่มีญาติมิตรสหายในนคราฯที่จะพึ่งพิงได้ ได้แต่ต้องพึ่งตนเองจึงจำต้องเดินหน้าต่อไป เพราะข้าสังเกตพบเบาะแสบางอย่างเชื่อว่าถ้ามีโอกาสขึ้นไปชั้นบนของบ่อนพนันน่าจะมีผลลัพธ์ออกมาที่ดีขึ้น สำหรับชีวิตของข้าเป็นตายไม่สำคัญนานแล้ว ห่วงแต่เจ้าที่ข้ายังนึกหาวิธีส่งเจ้าออกไปโดยปลอดภัยได้อย่างใดดี เพราะพวกหุบเขาสัตว์ร้ายคงต้องปิดล้อมทางเข้าออกโดยรอบนคราฯไว้หมดแล้ว
พูดจบก็อดต้องถอนใจออกมามิได้ เซาะอี่ยามนี้ลุกนั่งอยู่ที่ขอบเตียง เพ่งมองดูปวยเอ็งด้วยดวงตาที่เป็นประกายสุกใส พลางกล่าวตอบว่า
ข้ามิใช่ดรุณีแรกรุ่นที่ไร้ประสบการณ์เกี่ยวกับบุรุษ ข้าพอมองออกว่าท่านเป็นลูกผู้ชายที่ดีงามคนหนึ่ง แม้ตัวท่านจะมีข่าวโจษจันไปในทางไม่ดีมากมาย และในช่วงเวลาสั้นๆที่ข้าได้อยู่ใกล้ชิดกับท่าน ข้าพบว่าท่านเป็นคนที่มักจะนึกถึงผู้อื่นก่อนตนเสมอ มาจนถึงตอนนี้แล้วท่านไม่จำเป็นต้องนึกเป็นห่วงข้าหรอก ท่านจงทำในสิ่งที่ท่านตั้งใจมากระทำเถอะ
ส่วนเรื่องของข้าพวกเรายังพอมีเวลาให้ขบคิดอยู่ เชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นแม้มิมีหนทางให้หนีท่านต้องไม่ทอดทิ้งข้าโดยง่ายดายแน่นอน
อย่าเพิ่งด่วนสรุปเกี่ยวกับตัวข้าเร็วเกินไป คนเราบางครั้งอาจถูกโชคชะตาเล่นตลกกับเราก็ได้ แม้นข้าไม่เคยมีเจตนาจะทอดทิ้งผู้ใดก็ตาม แต่บางครั้งก็มีเรื่องราวที่อับจนปัญญาเช่นกัน จนต้องหนีจากไปโดยมิตั้งใจ ข้ามิใช่เซียนผู้วิเศษที่จะหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ทุกอย่างที่กระทำลงไปล้วนพึ่งสติปัญญาอันจำกัดและประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นแนวทางเท่านั้น บางครั้งคาดเดาถูกบ้างผิดบ้าง เพราะมิเช่นนั้นคงไม่มาเสี่ยงโชคที่นครากลืนวิญญาณโดยเด็ดขาด
เอ็งกอท่านอย่าเพิ่งคิดท้อแท้ไปเลย ฟ้าดินมักส่งเสริมคนที่มีความมานะพยายาม แม้จะเคยกระทำผิดพลาดมา ขอเพียงเรื่องที่พวกเรากระทำไม่ละอายต่อฟ้าดินที่สิ่งที่ถูกต้องแล้ว สักวันหนึ่งแม้ไม่มีผู้ใดรับรู้แต่ฟ้าดินรับรู้พวกเราจะเสียใจไปใย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของข้า เป็นเพราะนายน้อยของพวกหุบเขาสัตว์ร้ายคิดจะแทะโลมตัวข้า ข้าจึงต้องการสั่งสอนมันโดยลอบมอมยามันแล้วขโมยทรัพย์สินเงินทองทั้งป้ายประกาศิตของหุบเขาสัตว์ร้ายมาด้วย แม้ต้องถูกพวกมันตามล่าอย่างกระชั้นชิด ข้าก็ไม่เคยสำนึกเสียใจที่ได้กระทำสิ่งนั้นไป เพราะบุคคลเช่นอย่างมันถือดีในอำนาจบาตรใหญ่
ข่มเหงรังแกอิสตรีที่อ่อนแอมามิทราบมากน้อยเพียงใดแล้ว ถูกกระทำเยี่ยงนี้ยังนับว่าน้อยเกินไป ผู้อื่นไม่กล้ารังควานมันแต่ข้าจูเซาะยี่หาเกรงกลัวไม่
นางกล่าวด้วยท่าทีขึงขัง มีความหมายลึกซึ้งเพื่อปลอบใจและให้กำลังใจแก่ปวยเอ็ง ทำให้ปวยเอ็งต้องอดอมยิ้มออกมาไม่ได้และจึงทราบสาเหตุที่พวกหุบเขาสัตว์ร้ายต้องตามล่าตัวนางให้จงได้
เอ่ยถึงตอนนี้ปวยเอ็งรู้สึกอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูก จึงพูดตัดบทออกไปว่า
แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเราต่างยังมีลมหายใจอยู่ ยังมีโอกาสให้ต่อสู้ต่อโชคชะตาต่อไป ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเยี่ยงไร ขอเพียงพวกเราได้กระทำอย่างเต็มที่แล้ว มีอะไรต้องสำนึกเสียใจ เจ้าจงรีบนอนหลับพักผ่อนออมแรงไว้ พรุ่งนี้พวกเรามีเรื่องหลายอย่างที่ต้องไปกระทำ ตัวข้าเองจะอยู่เวรยามให้ขอให้นอนหลับได้อย่างวางใจ
กล่าวจบประโยคก็ไม่รอคำตอบโต้จากนางอีก เดินไปลากเก้าอี้มานั่งหันหน้าไปที่ริมหน้าต่างแล้วพริ้มตาลงทันที แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง เพราะตั้งแต่ต้นตนต้องการมาเสี่ยงโชคชะตาที่นคราฯเพียงลำพัง คิดมิถึงกลับมาต้องเพิ่มห่วงภาระขึ้นอีก ครั้นจะปลีกตัวจากไปมันก็ขัดแย้งกับอุปนิสัยส่วนตัวของมัน ในระหว่างที่มันกำลังคิดจนว้าวุ่นใจอยู่นั้น เซาะอี่พลันเข้ามากอดมันจากด้านหลัง กลิ่นหอมและไออุ่นจากตัวนางช่างยั่วยวนจิตใจยิ่งนัก นางยังกระซิบที่ข้างหู ปวยเอ็งเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรัญจวนใจยิ่งนักว่า
เรื่องอะไรมันจะเกิดก็ช่างมันเถอะ มีท่านอยู่เคียงข้างตัวข้า…ข้าก็พึงพอใจแล้ว
กล่าวจบนางก็จุมพิตเบาๆที่ใบหูของปวยเอ็ง สร้างความรู้สึกชวนให้เคลิบเคลิ้มฟุ้งซ่านยิ่งนัก หัวใจของปวยเอ็งพลอยต้องเต้นระทึกขึ้นโดยมิอาจบังคับได้ จากนั้นนางก็เดินกลับไปนอนเชื้อเชิญที่บนเตียง ทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า
มานอนที่ข้างๆตัวข้าเถอะ เรื่องของวันพรุ่งนี้ รุ่งเช้าค่อยคิดจัดการ แต่ตอนนี้อย่าปล่อยให้วิกาลผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลย เชื่อข้าเถอะ….
เป็นการเอ่ยปากด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่ยั่วยวนบุรุษเพศยิ่งนัก เซาะอี่เป็นอิสตรีที่รูปร่างหน้าตาผิวพรรณจัดเป็นโฉมสะคราญได้ผู้หนึ่ง ปวยเอ็งที่ยังเป็นบุรุษอยู่ แม้จะอยู่ในวัยกลางคนแล้วก็ตาม ร่างกายยังอดมิได้ที่จะมีปฏิกิริยาตามธรรมชาติแสดงออกมา จนหัวใจยิ่งต้องเต้นถี่แรงขึ้นอย่างมิอาจควบคุม แต่แล้วปวยเอ็งพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกล่าวออกมาโดยไม่ยอมหันหลังกลับไปมองว่า
ขอบคุณในความกุศลเจตนาดีของเจ้า แต่ข้ามีภารกิจที่สำคัญต้องกระทำ ฉะนั้นต้องรักษาพละกำลังและความตื่นตัวไว้ตลอดเวลา
กล่าวจบเปลี่ยนเป็นทรุดนั่งขัดสมาธิกับพื้นห้องหันหน้าเข้าผนังโคจรลมปราณโดยไม่สนใจเซาะอี่อีกต่อไป สร้างความประหลาดใจและเหนือความคาดหมายแก่นางอย่างมาก ไม่เคยมีชายใดที่ทนต่อการยั่วยวนของนางไปได้ แต่ที่กระทำเช่นนี้ต้องการทดสอบปวยเอ็งและถึงแม้จะเกิดเรื่องเกินเลยขึ้นจริงๆนางก็รู้สึกยินดีที่จะมอบร่างกายให้กับปวยเอ็ง เพราะในสถานการณ์ตอนนี้คงมีโอกาสอยู่รอดได้น้อยนิดและที่สำคัญนางรู้สึกพึงพอใจในตัวปวยเอ็งมากขึ้นทุกที แต่เมื่อปวยเอ็งปฏิเสธนาง นางต้องรู้สึกผิดหวังและหงุดหงิดไม่น้อย จนนางต้องคิดคำนึงในใจขึ้นว่า
ท่านเป็นลูกผู้ชายที่หาได้ยากยิ่งในแผ่นดิน ข้าไม่ยอมปล่อยท่านผ่านมือไปง่ายดายหรอก ต้องมีสักวันที่ข้าต้องพิชิตใจท่านให้ได้ คอยดูต่อไปเถอะ....
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจิตใจจึงสงบลง แล้วเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความอ่อนเพลีย
ส่วนปวยเอ็งที่กระทำเยี่ยงนั้นไปหาใช่ไร้ความรู้สึกและความต้องการตามธรรมชาติไม่ แต่เป็นเพราะมันผ่านเรื่องราวมามากเกินไป จนเกิดความเบื่อหน่ายขึ้นอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ต้องการสร้างภาระและพันธะทางจิตใจกับผู้ใดเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ จึงต้องพยามยามข่มความรู้สึกฟุ้งซ่านเหล่านั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว โดยการกำหนดแผนการเคลื่อนไหวต่อไปในวันพรุ่งนี้