บทย่อ
มีคนกล่าวไว้ว่า “ไม่มีใครหรอกที่ฆ่าเวลาได้ แต่เวลาต่างหากที่ฆ่าเรา” นับเป็นคำกล่าวที่เป็นอมตะวาจาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตลอดกาล เวลาไม่เคยหลับใหลไม่เคยเกียจคร้านไม่เคยคดโกงผู้ใด ซื่อตรงต่อหน้าที่อย่างเคร่งครัดทั้งยังขยันแข็งขันเป็นที่สุดและที่สำคัญเวลาไม่เคยทำงานผิดพลาดเลยแม้แต่เพียงสักครั้งเดียว".......แพ้ชนะนับไม่ถ้วนล้วนผันผ่านรักแค้นคลั่งดั่งควันพลันสลายฉันถลานภาร่อนเร่เรื่อยไปโลกเลวร้ายอย่างไรไม่ปรารมณ์รอยรักแรงคลั่งแค้นแสนหมองหม่นวานลมฝนช่วยลบรอยอันขื่นขมเพื่อสูญหายสลายกับสายลมรักระทมรันทดหมดกันทีถลาเดี่ยวเดียวดายไม่พรั่นพรึงไม่คำนึงทุกข์ระทมสมศักดิ์ศรีหยุดทุกอย่างหยุดได้เว้นใจนี้ไม่เคยมีวันหยุดสุดระบมโอ้กาลเวลาในอดีตแม้ยิ่งใหญ่พายุร้ายโหมซัดพัดเสี่ยงขรมหักปีกเหยี่ยวให้ถลาสุดตรอมตรมห้วงอดีตจมสุดสิ้นแผ่นดินนี้............."
บทที่ 1 ปฐมบทแห่งความปวดร้าว
มีคนกล่าวไว้ว่า “ไม่มีใครหรอกที่ฆ่าเวลาได้ แต่เวลาต่างหากที่ฆ่าเรา” นับเป็นคำกล่าวที่เป็นอมตะวาจาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตลอดกาล เวลาไม่เคยหลับใหลไม่เคยเกียจคร้านไม่เคยคดโกงผู้ใด ซื่อตรงต่อหน้าที่อย่างเคร่งครัดทั้งยังขยันแข็งขันเป็นที่สุดและที่สำคัญเวลาไม่เคยทำงานผิดพลาดเลยแม้แต่เพียงสักครั้งเดียว เวลามีความสุขผู้คนตำหนิว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เวลามีความทุกข์กลับต่อว่าเวลาช่างเดินเชื่องช้านัก แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาไม่เคยเดินเร็วหรือเดินช้าแต่อย่างใดมันเดินอย่างมั่นคงและเท่ากันเสมอไม่ช้าไม่เร็วตลอดมาตั้งแต่อดีตกาล ปัจจุบันและอนาคต และไม่มีทางหยุดเดินเป็นอันขาดตลอดไปตราบชั่วดินฟ้าสลายอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดให้กำหนดได้ แต่การที่เวลาเดินช้าหรือเร็วหรือแม้เพียงกระทั่งหยุดเดินชั่วขณะนั้น ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงความรู้สึกนึกคิดในจิตใจของผู้คนเท่านั้นเอง
เพราะฉะนั้นเวลาจึงเป็นมหันต์ภัยที่ร้ายแรงที่สุดของมวลหมู่มนุษยชาติอย่างแท้จริง มันทรงซึ่งความยุติธรรมเป็นที่สุด ไม่เลือกว่าคนผู้นั้นจะยากดีมีจนเป็นคนเลวร้ายหรือเป็นคนดีทรงคุณธรรมแค่ไหนก็ตาม แม้จะเป็นทารกหนุ่มสาวหรือแก่ชรา เคยมีความสุขความทุกข์หรือมีอำนาจอิทธิพลยิ่งใหญ่มากมายสักเพียงใดก็ตาม เมื่อถึงเวลาของมัน มันก็จะพัดพาเอาทุกสิ่งทุกอย่างจากไป คงเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำที่ดีหรือเลวร้ายปวดร้าวทรมานจิตใจให้แก่ผู้คนรวมถึงญาติมิตรสหายผู้อยู่เบื้องหลังเท่านั้นเอง แต่ถึงกระนั้น…เวลากลับไม่สามารถทำลายความหวังและความฝันอันยิ่งใหญ่ให้จางหายไปจากจิตใจอันเข้มแข็งของ…ปวยเอ็ง…ฉายา…. พญาเหยี่ยวอหังการ ไปได้เลยแม้แต่น้อย
ปวยเอ็ง…หวนนึกถึงเมื่อครั้งอดีตยี่สิบกว่าปีก่อนที่ลงจากสำนักอาจารย์ ได้ประกอบวีรกรรมมากมายจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดิน จนถูกจัดเข้าอยู่ในทำเนียบยอดฝีมือรุ่นเยาว์แห่งยุคในสมัยนั้น ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากผู้คนมากมาย รอบกายจึงมีแต่ห้อมล้อมเต็มไปด้วยผู้คนทั้งหมู่ญาติมิตรสหายต่างๆในบู๊ลิ้มทั่วทั้งแผ่นดิน มีฐานะที่มั่นคงจากการค้าขายสินค้าไปต่างแดนจนร่ำรวยมั่งคั่ง สิบปีให้หลังได้ตกแต่งภรรยาที่สวยสะคราญมีชาติตระกูลและได้ให้กำเนิดบุตรชายที่น่ารักเฉลียวฉลาดคนหนึ่งในเวลาต่อมา แต่แล้วดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับมัน กิจการค้าขายที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน กลับประสบปัญหาการขาดทุนอย่างย่อยยับโดยหาเหตุผลมิได้ จนต้องบากหน้าไปขอกู้ยืมเงินจากบรรดาญาติมิตรสหายที่เคยรู้จักเป็นจำนวนมาก โดยหวังว่าจะนำมาเป็นทุนในการแก้ไขวิกฤติทางการค้าได้ แต่ดูเหมือนเป็นการนำก้อนกรวดมาถมทะเลเสียเปล่า กู้ยืมเงินทองมามากมายเพียงใดก็ไม่เพียงพอสักที ดอกเบี้ยก็พอกพูนทวีคูณขึ้นมากมายจนไม่สามารถจะชำระคืนแก่เจ้าหนี้ได้ จนบรรดาเจ้าหนี้พวกนั้นพร้อมใจกันไปร้องเรียนต่อทางการ หาว่ามันหลอกลวงคดโกงเงินทองผู้คนไป ทำให้ทางการทำการไต่สวนตัดสินว่ามันมีความผิดจริง ให้ออกหมายจับและยึดทรัพย์สินต่างๆทั้งหมดรวมถึงคฤหาสน์ของมันเพื่อนำไปชดใช้ให้กับบรรดาเจ้าหนี้เหล่านั้น มันจึงต้องรีบพามารดาที่แก่ชรารวมถึงบุตรภรรยาหนีไปหลบซ่อนเปลี่ยนชื่อแซ่อยู่ในหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากผู้คน ทางการยังออกประกาศตามจับตัวมันไปทั่วทั้งแผ่นดินโดยมีรางวัลนำจับถึงหนึ่งหมื่นตำลึงให้แก่ผู้จับกุมได้ ทำให้มันจำต้องตัดใจทอดทิ้งมารดาและบุตรภรรยาเพื่อไม่ให้ถูกเภทภัยลามมาใส่ตัวด้วย ตัวมันต้องปรากฏตัวเพื่อล่อลวงให้บรรดานักล่าเงินรางวัลและคนของทางการติดตามตัวมันไปให้ห่างจากที่หลบซ่อนตัวของครอบครัวให้ไกลที่สุด มันต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนระเห่เร่ร่อนอย่างไม่มีจุดหมาย หมู่ญาติมิตรสหายที่เคยห้อมล้อมมากมายไม่เพียงไม่เห็นใจหรือให้ความช่วยเหลือกลับด่าทอประณามดูถูกซ้ำเติมไม่เหลือแม้ซึ่งน้ำใจที่เคยมีให้กันบ้างเลย มีเพียงส่วนน้อยที่ยังมีน้ำใจและความเห็นอกเห็นใจให้บ้าง ซึ่งคนส่วนน้อยนี้ปวยเอ็งลอบอธิษฐานในใจเสมอว่า ถ้าหากเมื่อใดที่มีโอกาสได้ฟื้นฟูฐานะกลับคืนมาเช่นเหมือนก่อน จะหาทางกลับไปตอบแทนพระคุณอย่างสาสมให้จงได้
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ที่มันตกต่ำจนถึงที่สุด มีหลายครั้งที่อยากฆ่าตัวตาย มีหลายครั้งที่รู้สึกท้อแท้ แต่พอนึกถึงมารดาที่แก่เฒ่าภรรยากับบุตรชายที่น่ารักและศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของวงศ์ตระกูลที่เสียไป ทำให้มันลุกขึ้นกลับมาต่อสู้ชีวิตใหม่ได้ทุกครั้ง ในใจพร่ำบ่นว่า “พ่ายแพ้เป็นร้อยครั้งพันครั้งได้ แต่อย่ารู้สึกท้อแท้แม้เพียงครั้งเดียวเด็ดขาด” ทำให้เมื่อใดที่เริ่มรู้สึกท้อแท้ มันจะรีบสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับมาคิดหาวิธีต่อสู้ชีวิตใหม่ทุกครั้งไป
ยามนี้เวลานี้ปวยเอ็งได้ตั้งใจด้วยปณิธานที่แน่วแน่ว่าจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาโดยเด็ดขาด จะต้องหาทางกลับมายืนหยัดให้ได้อีกครั้งหนึ่งให้จงได้ มันจึงลากฝีเท้าอันหนักอึ้งอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเหนื่อยล้าโอนเอนไปมาคล้ายกับว่าสามารถล้มลงได้ทุกขณะจิต อันเนื่องจากมันเร่งรัดเดินทางและไม่มีอะไรให้ดื่มกินมากว่าสามวันแล้ว แต่มันยังคงมุ่งหน้าต่อไปไม่หยุดยั้งเพื่อมุ่งไปสู่…….นครากลืนวิญญาณ
นครากลืนวิญญาณ
ในบู๊ลิ้มยุคนี้มีสถานที่ต้องห้ามอยู่สามแห่ง ผู้ไม่มีกิจอันควรอย่าเสี่ยงเฉียดกายเข้าไปใกล้โดยเด็ดขาด แม้กระทั่งเป็นเหล่าศิษย์ของสำนักมาตรฐาน อย่าง วัดเสียวลิ้มยี่ บู๊ตึง คุนลุ้น ง่อไบ๊ เตียมชัง ฮั้วซัว และพรรคกระยาจก เจ้าสำนักทั้งหลายยังออกกฎห้ามโดยเด็ดขาดมิให้ศิษย์ในสำนักทุกคน เข้าใกล้ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้เป็นอันขาด สามสถานที่เหล่านั้นก็คือ
สุสานคนเป็น
หุบเขาสัตว์ร้าย
นครากลืนวิญญาณ
ในสามสถานที่ต้องห้ามที่เอ่ยมา สุสานคนเป็นกับหุบเขาสัตว์ร้าย เป็นดินแดนที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นมิอาจมีชีวิตกลับออกมาแน่นอน ส่วนนครากลืนวิญญาณกลับเป็นเมืองเมืองหนึ่งที่เปิดรับผู้คนภายนอกเข้าออกโดยเสรี เพียงแต่ว่าถ้าเป็นยอดฝีมือที่ล้ำเลิศมีชื่อเสียงโด่งดังในบู๊ลิ้ม เมื่อเข้าไปแล้วยังไม่เคยมีผู้ใดกลับออกมาได้แม้เพียงผู้เดียว ส่วนถ้าเป็นเพียงผู้มีฝีมือชั้นปลายแถวหรือชาวบ้านธรรมดาทั่วไปจะเข้าออกสักเพียงกี่ครั้งก็ไม่มีภยันอันตรายใดๆแม้เพียงนิดเดียว จึงเป็นปมปริศนาลึกลับมากว่ายี่สิบปีแล้ว ทำให้บรรดายอดฝีมือที่เก่งกล้าต่างเข้าไปสืบหาความจริง แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดกลับออกมาอีกเลย ชาวบู๊ลิ้มจึงพากันขนานนามให้ว่านครากลืนวิญญาณ แต่แท้ที่จริงแล้วมันยังมีอีกนามหนึ่งว่า นคราเสี่ยงโชคชะตา เพราะผู้คนที่มีโอกาสเดินทางเข้าไปและกลับออกมา ล้วนพูดจาเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าอยากเสี่ยงโชคหวังความร่ำรวยอาจจะมีโอกาสได้เงินทองร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ในค่ำคืนเดียว และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ปวยเอ็งมุ่งหน้ามาที่นี่
แต่ก่อนที่จะเข้าสู่นครากลืนวิญญาณ ปวยเอ็งจำต้องฟื้นฟูพละกำลังเรี่ยวแรงเสียก่อน เมื่อคำนวณทิศทางและระยะทางแล้วปวยเอ็งรู้ทันทีว่านครากลืนวิญญาณอยู่ไม่ไกลสักเท่าใด ดังนั้นมันจึงมองหาทำเลที่พักเพื่อพักผ่อนเพราะตลอดระยะเวลาเดินทางมาสามวัน เพื่อหลีกหนีการไล่ล่าและทิ้งเบาะแสให้ติดตาม มันจึงไม่ใช้เส้นทางหลักหันมาเลือกใช้เส้นทางที่ทุรกันดารไร้ผู้คนย่างกรายผ่าน จึงไม่สามารถหาอาหารและน้ำดื่มได้ พื้นดินที่เดินทางผ่านมาล้วนแห้งแล้งแทบเป็นทะเลทราย แต่พอเข้าใกล้นคราฯซึ่งอยู่ในเทือกเขาข้างหน้า พื้นดินเริ่มมีความอุดมสมบูรณ์จึงมีต้นไม้หลากหลายชนิดขึ้นอยู่หนาทึบจนแลเห็นเป็นแนวป่าและมีลำธารสายเล็กไหลผ่านทอดยาวออกมาจากเทือกเขาเช่นกัน มีเสียงสัตว์ป่าต่างๆร้องระงม ปวยเอ็งเมื่อเห็นสภาพและได้ยินเสียงเช่นนั้นรู้สึกคึกคักขึ้นอักโข รีบลงไปในลำธารเบื้องหน้าวักน้ำดื่มดับกระหาย อาบน้ำทั้งเสื้อผ้าและไม่ลืมที่จับปลาในลำธารตัวเขื่องมาสามสี่ตัว เสร็จแล้วขึ้นจากลำธารรีบก่อกองไฟปิ้งปลาที่จับได้พร้อมกับผึ่งเสื้อผ้าที่มีติดตัวมาเพียงชุดเดียว เมื่อเนื้อปลาสุกได้ที่ก็รีบรับประทานจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว เมื่ออิ่มหนำได้ที่ก็รีบทิ้งตัวลงนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียเมื่อยล้าทันที
เสียงไก่ป่าโกร่งคอขันกันระงมผสานเสียงนกการ้องออกหากินดังก้องไปทั่วผืนป่า เป็นสัญญาณรุ่งอรุณของวันใหม่
ปวยเอ็งสะดุ้งตื่นขึ้นมารู้สึกใจหายวาบ คำนึงขึ้นในใจว่า
นี่เราอ่อนเพลียถึงปานนี้เชียวหรือ? เผลอหลับไปวูบเดียวก็เป็นเวลารุ่งเช้าเสียแล้ว นี่ถ้ามีศัตรูเข้ามาปองร้ายคงต้องจบชีวิตอย่างง่ายดายเป็นแน่
ในรอบหลายปีที่ผ่านมาปวยเอ็งหนีการไล่ล่ามาโดยตลอด ดำรงชีวิตท่ามกลางความหวาดระแวงและหวาดกลัวมาโดยตลอด มิได้หลับสนิทเยี่ยงนี้มานานมากแล้ว อดรู้สึกรันทดหดหู่ในชะตาชีวิตไม่ได้ แต่ทันใดนั้นมันพลันสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว รีบลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาทันที
ปวยเอ็งตั้งใจเข้านครากลืนวิญญาณแต่เช้า จึงรีบจัดแจงเสื้อผ้าใช้มือสางผมอย่างลวกๆให้มาปิดบังใบหน้าเล็กน้อย ทดลองมองเงาตัวเองในลำธาร เห็นใบหน้ามีหนวดเคราขึ้นรกรุงรังบวกกับมีผมเผ้ามาปิดบังใบหน้าบางส่วน ทำให้ยากที่จะจดจำใบหน้าเดิม จึงยิ้มให้ตัวเองอย่างเย้ยหยัน พลางบ่นพึมพำกับตัวเองออกมาว่า
นี่นะหรือ…คือโฉมหน้าของพญาเหยี่ยวอหังการผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ดูแล้วทุเรศสิ้นดี