บท
ตั้งค่า

7.ออกตามหาสามี

ภายในความมืดมิดทั้งสี่ด้าน หยางลี่อินมองกู้เฟยหลงด้วยรอยยิ้มและความคะนึงหา แต่เมื่อนางก้าวเดินเข้าหาบุรุษผู้เป็นสามี อีกฝ่ายยิ่งไกลห่างออกไป แม้จะพยายามมากเพียงใดก็ไม่อาจสัมผัสได้ กู้เฟยหลงส่งยิ้มอ่อนก่อนจะค่อย ๆ เลือนรางและจางหายไป

“ไม่นะ ไม่!!!”

หยางลี่อินสะดุ้งตื่นจากความฝัน ข้างกายมีเสี่ยวจูคอยดูแลไม่ห่าง เมื่อสาวใช้คนสนิทเห็นนายหญิงของตนเองฟื้นจึงรีบตะโกนให้หมอเข้ามาตรวจดูอาการ

หยางลี่อินพยายามลุกขึ้น นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องสลับกับมองทุกคนในที่นี้ เมื่อไม่เห็นสิ่งที่ต้องการ นางจึงถามออกไป

“เฟยหลง? เฟยหลงอยู่ที่ใด”

เมื่อเห็นว่าทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าตอบคำถามนี้ออกไป ความฝันนำพานางให้ได้เห็นภาพของวันแรกที่พบกัน ตลอดจนช่วงชีวิตคู่ของทั้งสอง หยางลี่อินได้แต่เหม่อมองฟ้าผ่านหน้าต่าง พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา

“หมดเวลาแห่งความสุขที่ข้าได้หลอกตัวเองแล้วสินะ”

แม้ภายในจะขุ่นมัวเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ แต่ภายนอก หยางลี่อินพยายามที่จะเข้มแข็ง นางต้องการส่งร่างของผู้เป็นสามีครั้งสุดท้าย

พิธีศพของขุนนางขั้น 3 กู้เฟยหลง ได้รับราชโองการให้มีขบวนแห่รอบเมืองหลวง ให้ผู้คนได้สรรเสริญความดีความชอบ สองข้างทาง ประชาชนชาวถังออกมาร่วมแสดงความชื่นชมและเสียใจไปพร้อม ๆ กัน

ในขณะที่มีการแห่ไปรอบ ๆ เมือง ทหารของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรและทหารจากสำนักบูรพาต่างช่วยกันดูแลรักษาความเรียบร้อย หากดูเผิน ๆ เหมือนพวกเขากำลังทำหน้าที่เพื่อเป็นเกียรติให้แก่หัวหน้าหน่วยอวี้หลิน แต่กระนั้น ลึก ๆ แล้ว การแห่ครั้งนี้จัดขึ้นด้วยเหตุผลสามประการ

หนึ่ง เชิดชูคนดี สอง ปลอบประโลมจิตใจของตระกูลกู้ และสุดท้ายคือล่อเหยื่อ กลุ่มคนที่สังหารกู้เฟยหลงอาจมาปรากฏตัวและเฝ้าดูพิธีศพนี้จากที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้ องครักษ์เสื้อแพรและสำนักบูรพาต่างตรวจสอบความผิดปกติและคอยจับตาดูพิรุธของคนที่น่าสงสัย

ท้ายที่สุด ขบวนแห่มาหยุดลงที่สุสานตระกูลกู้ ภายในสุสาน หยางลี่อินสวมชุดไว้ทุกข์สีขาว นางนั่งเฝ้าร่างไร้วิญญาณของกู้เฟยหลงผู้เป็นสามี เวลานี้หยางลี่อินกลายเป็นคนเย็นชา ร้านโอสถตระกูลหยางที่คอยช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนจากอาการเจ็บป่วยกลับหยุดกิจการไปดื้อ ๆ แม้จะมีชาวบ้านมาร้องขอให้ร้านโอสถช่วยเหลือ แต่ประตูบานใหญ่ก็ไม่เปิดรับผู้ใดเลย

เสี่ยวจูเข้ามารายงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกอย่างละเอียด น้ำเสียงเย็นชาประหนึ่งจิตใจแตกสลายตอบอย่างเรียบเฉย

“เมืองฉางอันมีโรงหมอ 26 โรงหมอ ร้านโอสถ 131 ร้าน ขาดพวกเราไปเพียงหนึ่งร้านก็คงไม่เป็นอันใดกระมัง สามีข้าทำงานเพื่อเมืองหลวงมาทั้งชีวิต แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังมีคนจิตใจหยาบช้าทำร้ายเขาจนถึงแก่ชีวิต เสี่ยวจู ถึงแม้ว่าเราจะยิ้มให้กับโลก ก็ใช่ว่าโลกจะยิ้มกลับมาให้เรา”

ตลอดเวลา 49 วัน หยางลี่อินไม่ห่างจากสุสานตระกูลกู้แม้เพียงครึ่งก้าว นางทำหน้าที่ภรรยาส่งสามีผู้ล่วงลับได้อย่างไรที่ติ แม้แต่คนในตระกูลกู้ที่ไม่พึงใจนางก็ไม่อาจหาเรื่องใดมากล่าวโทษนางได้

เวลานี้สายตาของหยางลี่อินเย็นชา นางมักจะมองไปในตำแหน่งที่ไม่มีคนอยู่เป็นนานสองนาน อาการที่คิดว่าหายไปแล้วได้กลับมาอีก

ในอดีต หยางลี่อินสามารถมองเห็นดวงวิญญาณ แต่ด้วยคำสอนของอาจารย์กอปรกับความอบอุ่นจากกู้เฟยหลง เรื่องล้ำลึกพิสดารเหนือวัฏจักรฟ้าก็ค่อย ๆ หายไป แต่ในวันที่นางเสียใจที่สุดในชีวิต โลกที่เต็มไปด้วยผู้วายชนม์ก็กลับมาเยือนอีกครั้ง

ในตอนที่หยางลี่อินกลับมาจากกรมอาญา ในหัวของนางก็เต็มไปด้วยความสงสัย การตายของกู้เฟยหลงอาจไม่เป็นอย่างที่สำนักบูรพาแจ้ง รวมไปถึงเรื่องที่ลี่อินได้เห็นดวงวิญญาณของสามีหายเข้าไปในร่างของชายคนหนึ่ง นางเองไม่รู้ว่านั่นคือความฝันหรือความจริงกันแน่ ตลอดเวลาที่ทำพิธีศพให้กู้เฟยหลง นางได้เก็บงำความสงสัยนี้มาตลอด

หยางลี่อินใช้เงินจำนวนหนึ่งส่งคนออกไปสืบหาข่าวของชายคนนั้น ในความเป็นจริง การจะหาชายที่ถูกหามเข้าไปในกรมอาญาวันเดียวกับที่กู้เฟยหลงตายย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ไม่ว่าหยางลี่อินจะใช้เงินมากเพียงใด ใช้สายข่าวที่ดีแค่ไหน คำตอบที่ได้มากลับไม่ชัดเจน บ้างก็ว่าชายคนนั้นตายไปแล้ว บ้างก็ว่าเขาออกจากเมืองหลวงไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นราวกับว่ามีคนกำลังใช้ฝ่ามือปิดบังตัวตนของอีกฝ่ายเอาไว้

“ว่าอย่างไร มีความคืบหน้าบ้างหรือไม่” หยางลี่อินเอ่ยถามสาวใช้คนสนิท

“คำตอบยังเหมือนเดิมเจ้าค่ะ”

ยิ่งปกปิดยิ่งทำให้สงสัย ลี่อินทุ่มกำลังทรัพย์ออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อตามหาร่องรอยของชายคนนั้นอย่างลับ ๆ นางใช้เบาะแสเท่าที่มีและใช้สายตาของตนเองเป็นเครื่องยืนยันว่าใช่คนที่นางตามหาหรือไม่

แม้ว่าหยางลี่อินจะกลับมาดำเนินกิจการร้านโอสถและรักษาโรคให้แก่คนไข้ แต่เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินเรื่องราวของชายคนนั้นจากสายข่าว นางจะหยุดกิจการและออกไปพบด้วยตัวเองเสมอ หลายต่อหลายครั้งที่คว้าน้ำเหลว

“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน ได้เรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

เสี่ยวจูวิ่งเข้ามายังห้องทำงานที่ลี่อินกำลังตรวจรักษาชาวบ้านอยู่ด้วยท่าทางร้อนรน หยางลี่อินถึงกับหยุดชะงักมือที่กำลังรักษาคนไข้ก่อนจะปรายตามองเสี่ยวจูให้รู้สึกตัว

“เสี่ยวจู ไปรอข้าที่ห้องพัก ไม่เกินหนึ่งเค่อข้าจะรีบตามไป”

“เจ้าค่ะ”

เสี่ยวจูเอ่ยรับคำแล้วออกจากห้องตรวจรักษาอย่างรวดเร็ว หยางลี่อินเมื่อสาวใช้คนสนิทคล้อยหลังไปแล้วก็รีบเร่งทำการตรวจรักษา จนเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ฝากให้หมอในร้านดูแลคนไข้ต่อจากตนเอง

“ว่าอย่างไรเสี่ยวจู”

“นี่เจ้าค่ะ ข้าไปตรวจดูที่นัดหมายเช่นทุกวัน แต่วันนี้มีจดหมายฝากไว้”

เสี่ยวจูยื่นจดหมายให้กับเจ้านายของตน หยางลี่อินรับกระดาษมาอ่านด้วยมือที่สั่นเทา นางเพียงปรายสายตาอ่านไปมารอบเดียวก็ถึงกับยิ้มออกมาในรอบหลายเดือน

“ในที่สุดข้าก็ได้ข่าวท่านแล้ว ท่านพี่”

ในที่สุด ความพยายามของลี่อินก็สัมฤทธิ์ผล สายข่าวที่นางใช้เงินจำนวนมากจ้างเอาไว้ชี้ตำแหน่งของถนนรอบนอกเมืองหลวงอันเป็นสถานที่อยู่อาศัยของผู้ยากไร้ในเมืองหลวง

หยางลี่อินรู้จักสถานที่เหล่านี้เป็นอย่างดี เพราะในอดีต นางกับท่านอาจารย์เองก็เคยอาศัยอยู่ในตรอกเล็ก ๆ ห่างไกลความเจริญของเมืองหลวงเช่นกัน

ไม่จำเป็นต้องให้ใครนำทาง หยางลี่อินเหยียบโกลนขึ้นหลังม้าด้วยความรวดเร็ว นางควบขี่ไปยังทิศทางของถนนผู้ยากไร้จนกระทั่งมาถึงเส้นทางแคบ ๆ ที่ปูพื้นด้วยดินทรายทอดยาวเข้าสู่กระท่อมไม้ไผ่หลังหนึ่ง

หว่างคิ้วของหญิงสาวขมวดเป็นปม ดวงตาที่มองไปยังกระท่อมไม้ หดแคบด้วยความประหลาดใจ เพราะสถานที่แห่งนี้คือบ้านเก่าที่นางเคยอาศัยอยู่ ได้เที่ยวเล่นกับกู้เฟยหลงเมื่อครั้งยังเยาว์ แต่หลังจากที่ลี่อินเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง นางก็ซื้อกิจการเล็ก ๆ ภายในเมืองหลวง และตั้งแต่นั้นมา นางก็ไม่ได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกเลย จึงไม่รู้ว่าใครที่มาอาศัยอยู่ในกระท่อมไม้แทนที่นาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel