บท
ตั้งค่า

5.เพื่อนกัน

สำหรับหยางลี่อินแล้ว นี่ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการแย่งเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

กู้เฟยหลงก้าวเดินเข้าหาเด็กหญิงเนื้อตัวมอมแมม หัวใจของหยางลี่อินเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงนางจะไม่เคยพบกู้เฟยหลงมาก่อน แต่ว่าชื่อเสียงของเด็กคนนี้ประหนึ่งลูกเสือที่จะกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายในอนาคต

เล่ากันว่าลุงของกู้เฟยหลงเป็นแม่ทัพรักษาดินแดนทางทิศประจิม และที่กู้เฟยหลงหายไปจากนครฉางอันตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก็เพราะติดตามแม่ทัพกู้ออกไปสนามรบ

ไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มเด็กที่วิ่งหนีไป แม้แต่ตัวของหยางลี่อินเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัวต่อคนผู้นี้ แต่ถ้านางแสดงความกลัวออกมาก็จะกลายเป็นที่เย้ยหยันและถูกดูแคลนเหมือนเช่นที่ผ่านมา

ครั้งนี้ต่อให้เป็นพยัคฆ์ร้ายมังกรซ่อนมาปรากฏอยู่ตรงหน้า นางก็จะไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น เด็กหญิงขบฟันแน่นพร้อมใช้สายตาจ้องมองกลับไปอย่างไม่ลดละ

เมื่อเห็นถึงสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองกลับมาโดยไม่หวาดกลัว กู้เฟยหลงก็รู้สึกชอบใจในนิสัยของอีกฝ่ายตั้งแต่ยังไม่รู้จักชื่อแซ่กัน เด็กรุ่นเดียวกับเขาน้อยคนนักที่จะมีความกล้าเช่นนี้

“เจ้าน่ะหรือที่ใคร ๆ ต่างบอกว่าสามารถมองเห็นดวงวิญญาณได้”

“หากใช่แล้วท่านจะทำไม”

หยางลี่อินฝืนกลืนน้ำลายลงคอและกล่าวตอบกลับไป

ได้ยินแบบนั้น สายตาของกู้เฟยหลงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่ลี่อินสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่ฉายผ่านดวงตา

“เจ้าช่วยดูให้ข้าได้หรือไม่ ที่ด้านหลังของข้า ท่านอาพวกนั้นกำลังยิ้มอยู่หรือไม่”

ลี่อินส่ายศีรษะไปมา นางไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความเศร้าของอีกฝ่าย

เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยส่ายศีรษะปฏิเสธ กู้เฟยหลงพยายามฝืนยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกไป

“สภาพของเจ้าน่าจะเดินกลับบ้านไม่ไหวแล้ว ให้ข้าพาเจ้าไปส่งเถอะ”

อาจเป็นเพราะความโศกเศร้าที่สื่อผ่านแววตาของอีกฝ่าย ทำให้ หยางลี่อินไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเด็กหนุ่มได้ นางยื่นมือออกไปให้กู้เฟยหลงแบกร่างของนางไว้บนหลังอย่างอ่อนโยน เขาก้าวเดินไปตามตำแหน่งที่ลี่อินบอกท่ามกลางความเงียบ

สายตาของเด็กหญิงมองอีกฝ่ายจากด้านหลัง สิ่งที่ได้ยินเกี่ยวกับกู้เฟยหลงแตกต่างจากวันนี้ที่นางได้พบกับเขาราวกับเป็นคนละคน กู้เฟยหลงเป็นคนที่เพียบพร้อมทั้งฐานะ รูปร่างและความสามารถ บุคลิกของเขาร่าเริงและชอบสร้างความวุ่นวายด้วยเสียงหัวเราะ

ด้วยความสงสัย หยางลี่อินจึงเปล่งเสียงทำลายความเงียบ

“ดูเหมือนว่าท่านกำลังไม่สบายใจ หากความสามารถของข้าช่วยท่านได้ ข้ายินดีตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือข้า”

ได้ยินดังนั้น กู้เฟยหลงระบายความในใจออกมา

“เป็นเพราะนิสัยอวดดีของข้า ทำให้ท่านอาทหารหลายคนต้องสังเวยชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้าออกจากวงล้อมของศัตรู เป็นเพราะข้า พวกเขาถึงต้องตาย เป็นเพราะข้าพวกเขาจึงไม่อาจกลับมาพบหน้าครอบครัวของตัวเองได้

หากโลกหลังความตายมีจริง หากดวงวิญญาณพวกเขาไม่ได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของผืนดิน ตัวข้าอยากจะเอ่ยคำขอโทษและกล่าวคำขอบคุณพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

หยางลี่อินเข้าใจความโศกเศร้าของอีกฝ่าย ชะตาชีวิตของนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับกู้เฟยหลง ลี่อินกำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่ 5 ขวบ ระหว่างเดินทางมาที่เมืองหลวงฉางอัน ครอบครัวของนางถูกโจรปล้น แต่เพื่อให้นางมีชีวิตรอดต่อไป พ่อและแม่เอาชีวิตเข้าแลก ยอมตกตายไปพร้อมกับพวกโจร

เป็นการพลัดพรากโดยมิอาจกล่าวคำอำลาได้ สิ่งเหล่านั้นคือความเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกคมมีดเฉือนเนื้อ ทว่านางยังโชคดีที่สหายรักของบิดาได้ช่วยเหลือและรับนางไว้เป็นศิษย์

แต่ด้วยเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้นางมองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็น ทว่าถึงอย่างไร นางก็ไม่อาจมองเห็นท่านพ่อและท่านแม่ที่เสียไปได้เลยสักครั้ง

“ดวงวิญญาณที่ไม่ยินยอมหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดินมีแต่ดวงวิญญาณที่ยังมีห่วง ท่านอาทหารที่ช่วยเหลือท่านเอาไว้ เมื่อเห็นท่านปลอดภัยดีแล้วพวกเขาคงจากไปด้วยรอยยิ้ม ไร้ซึ่งความห่วงหาใด ๆ เพราะแบบนี้ข้าถึงไม่สามารถมองเห็นในสิ่งที่ท่านต้องการพบได้...เช่นเดียวกับข้าที่ไม่อาจเห็นท่านพ่อท่านแม่ได้”

หลังจากนั้นความเงียบได้เข้ามาปกคลุมระหว่างสองคน กระทั่งกู้เฟยหลงพาหยางลี่อินมาส่งที่วัดเล็ก ๆ ในแถบรอบนอกของประตูเมือง วัดแห่งนี้สร้างขึ้นอย่างไม่ปราณีตนัก ที่ประตูทางเข้าเขาเห็นหลวงจีนรูปหนึ่งกำลังยืนคอยลี่อินอยู่ ใบหน้าของหลวงจีนผู้นั้น กู้เฟยหลงเคยเห็นมาก่อน เด็กหนุ่มรีบโน้มตัวแสดงความเคารพทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโส

“ท่านคืออาจารย์เซวียน” กู้เฟยหลงกล่าว

หลวงจีนส่งยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน

“เด็กน้อยในวันนั้นเติบโตขึ้นอีกแล้วสินะ”

หยางลี่อินสลับสายตามองไปยังอาจารย์ของตนเองและกู้เฟยหลงด้วยความสงสัย “พวกท่านสองคนรู้จักกันหรือ”

กู้เฟยหลงกล่าวตอบ

“ท่านอาจารย์เซวียนเคยทำการรักษาให้กับแม่ของข้า ครั้งหนึ่งท่านลุงได้กล่าวไว้ หากฝ่าบาทรั้งอาจารย์เซวียนไว้ในฉางอันได้สำเร็จ ก็เหมือนมังกรอยู่ในธารน้ำ พยัคฆ์โลดแล่นในป่า แต่ถึงกระนั้นอาจารย์เซวียนไม่ต้องการทั้งชื่อเสียงลาภยศ ท่านออกเดินทางช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยวิชาการแพทย์ที่เก่งกาจราวกับเทพเซียน”

จากนั้นเด็กชายมองไปที่หยางลี่อินด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย

“อย่าบอกนะว่าอาจารย์ที่เจ้าพูดถึงก็คือท่านอาจารย์เซวียน”

หยางลี่อินพยักหน้าหงึก ๆ

“เด็กน้อย เจ้าโชคดีจริง ๆ อาจารย์เซวียนเป็นผู้ทรงศีล แตกฉานในวิชาการแพทย์ทุกแขนง หากเจ้าได้สืบทอดวิชาของเขา ข้ารับรองได้เลย ต่อให้เจ้ามองเห็นดวงวิญญาณไปตลอดชีวิตก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้ารังแกเจ้า”

ถึงจะได้ยินเช่นนั้น เด็กสาวกลับไม่ได้ใส่ใจในคำพูดเยินยอ มีเพียงประโยคเดียวที่นางไม่พอใจ

“เรียกข้าว่าเด็กน้อยอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านแก่กว่าข้าปีเดียวหรืออย่างไร”

“จะหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปีข้าก็แก่กว่า ฉะนั้นข้าเรียกเจ้าว่าเด็กน้อยน่ะถูกแล้ว”

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เวลาที่กู้เฟยหลงว่าง เขามักจะมาเล่นเป็นเพื่อนหยางลี่อินอยู่เสมอ ๆ ความผูกพันของทั้งคู่ก่อเกิดในวัยเพียง 11 ปี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel