4.อดีตอันไม่น่าจดจำ
ในวันที่ท้องฟ้าอึมครึม สายลมพัดแรงเป็นระยะ ๆ แต่กลับไม่มีหยาดฝนโปรยลงมา นั่นเป็นวันแรกที่พวกเราได้พบกัน
“ลี่อิน เจ้าคนประหลาด ลี่อิน เจ้าคนประหลาด!!”
วาจาที่แฝงด้วยคมมีดของเด็ก ๆ วัยไร้เดียงสา คำพูดเหล่านี้หากเด็กไม่ได้คิดขึ้นเองก็คงจะได้ยินจากบิดามารดาและเก็บมาล้อเลียน
วาจาทิ่มแทงเหล่านี้แฝงอยู่บนรอยยิ้มของเด็กชายกลุ่มหนึ่ง กลุ่มเด็กชายอายุราว ๆ สิบปีประมาณสี่ถึงห้าคนยืนล้อมกันเป็นวงกลม บางคนถือกิ่งไม้เรียวยาว บางคนถือก้อนหินขนาดเล็กและบางคนก็ถือรองเท้าไว้ในสองมือ สายตาของเด็ก ๆ จ้องมองไปยังร่างของเด็กหญิงที่กำลังนั่งชันเข่าร้องไห้อยู่ตรงกลางวง
เด็กผู้ชายพวกนั้นกำลังกลั่นแกล้งข้าเหมือนเป็นเรื่องสนุก สนาน เสียงหัวเราะ รอยยิ้มบนใบหน้า พวกเขาแลบลิ้นปลิ้นตาเพียงเพราะว่าข้าเห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่เห็น
พวกเขา...ไม่สิ...คนทั้งโลกเชื่อว่าคนตายจะถูกปลดปล่อยจากพันธะของฟ้าดิน พวกเขาบอกว่าเมื่อพลังชีวิตแตกสลาย ดวงจิตจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับผืนแผ่นดิน เมื่อสะสมพลังได้มากพอ ดวงจิตก็จะสามารถกำเนิดใหม่ หมุนเวียนเป็นวัฏจักร ทว่าสิ่งที่ข้าเห็นไม่เหมือนดั่งคำกล่าวเหล่านั้น เพราะทันทีที่พลังชีวิตดับสูญ ดวงวิญญาณจะล่องลอยออกจากร่างในช่วงเวลาหนึ่ง รอคอยหมอกมืดไร้แก่นสารมานำพาลงสู่ใต้พื้นพิภพอย่างไม่ยินยอม
ข้าสามารถมองเห็นช่วงเวลาเหล่านั้นของดวงวิญญาณ ถึงข้าไม่อาจสื่อสารกับพวกเขาได้ด้วยคำพูด แต่พวกเขาจะแสดงท่าทางและความรู้สึกเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่างกลับมา ในบางครั้งดวงวิญญาณเหล่านั้นต้องการมองดูลูกหลานของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย บ้างก็พยายามสื่อสารคำพูดบางอย่างที่มิทันได้สั่งลา
ข้าพยายามที่จะปลอบประโลมดวงวิญญาณเหล่านั้น แต่ถึงกระนั้น คนที่ยังอยู่กลับดูแคลนข้า ทุกคนเย้ยหยันข้า ทุกคนมองข้าเป็นตัวประหลาด
“หยางลี่อิน เจ้าคนบ้า!!”
“หยางลี่อิน เป็นบ้าแล้ว”
“เป็นบ้าแล้ว เป็นบ้าแล้ว”
“หยางลี่อิน เด็กต้องสาป เจ้าคนเห็นผี!!”
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ ดังพร้อม ๆ กับการใช้สิ่งของในมือรุมตีและขว้างปามายังข้าซึ่งเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ
ดวงตาของข้าแดงก่ำ ข้าเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม พลันสายตาเปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง ข้าพยายามวิ่งฝ่าวงล้อมของเด็กชายเพื่อเอาตัวรอด ด้วยความตั้งใจที่จะวิ่งหนีสุดกำลัง ข้าถูกเด็กชายคนหนึ่งใช้ขาสกัดจนล้มคะมำ บนใบหน้าเปรอะเปื้อนและมีรอยบาดแผลเล็ก ๆ ปรากฏให้เห็น
เด็กชายพวกนั้นไม่เพียงไม่ตกใจที่ได้รังแกข้าจนเลือดตกยางออก กลับกันพวกเขาต่างพากันหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
“หยางลี่อิน หากเจ้าเก่งจริงก็เรียกวิญญาณออกมาช่วยสิ”
สิ้นเสียงของเด็กชายคนหนึ่ง เด็กชายคนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะตาม ๆ กัน
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
“ใช่แล้วหยางลี่อิน เจ้าคนเห็นผี ถ้าเจ้าเห็นจริงก็ร้องขอให้วิญญาณเหล่านั้นมาช่วยเจ้าเถอะ ไม่อย่างนั้นแล้ว วันนี้เจ้าได้เจ็บตัวกลับไปแน่”
ตอนนี้หัวเข่าของข้ามีเลือดไหลซิบ ข้าเจ็บปวดจนไม่อาจลุกขึ้นและวิ่งต่อไปได้อีกแล้ว ดวงวิญญาณที่มักจะปรากฏตัวให้ข้าเห็นมักจะแสดงตัวเพื่อร้องขอให้ข้าช่วยเป็นสื่อกลาง หากแต่เวลานี้ไม่มีวิญญาณตนใดยื่นมือเข้าช่วยเหลือข้าเลย ข้าทำได้เพียงแต่ร้องไห้และร้องไห้ออกมา
“พวกเจ้ามิรู้สึกละอายบ้างเลยหรือ แกล้งเด็กที่อายุน้อยกว่า ตัวก็เล็กกว่า พวกเจ้าคงภาคภูมิใจมากใช่หรือไม่”
เสียงดังมาจากด้านหลังสุดของกลุ่ม ดึงดูดความสนใจของเหล่าเด็กชายให้ต้องมองย้อนกลับไป สายตาของเหล่าเด็ก ๆ หันมองไปยังอีกฝ่าย พวกเขารู้สึกโล่งใจเพราะคนที่กำลังกล่าวห้ามนั้นไม่ใช่ผู้ใหญ่ แต่เป็นเด็กที่มีอายุไล่เลี่ยกัน
เด็กชายหน้าตาคมคายหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอ่ยออกไป
“หรือว่าเจ้าเองก็เห็นวิญญาณเช่นเดียวกันกับนางเล่า”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มที่มีรูปร่างสูงกว่าวัยเล็กน้อยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนจะเป็นพวกของเจ้ากระมัง ที่เห็นดวงวิญญาณ”
คราแรกเด็กชายหน้าตาคมคายก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด กระนั้นเมื่อเขาหันมองไปยังเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบตัว ท่าทางของเด็กๆ พวกนั้นต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยอาการตกใจ สีหน้าค่อย ๆ ซีดเผือดราวกับเห็นวิญญาณในตอนกลางวัน
“นะ...นั่นไม่ใช่กู้เฟยหลงหรอกหรือ”
“ถึงเจ้านั่นจะตามบิดาออกไปรบนับแรมปี แต่ใบหน้าของมันข้าจำได้ดี เจ้านั่นคือนายน้อยสกุลกู้ กู้เฟยหลง!!!”
“เหวอ!!! กู้เฟยหลงมาแล้ว”
เพียงไม่กี่อึดใจ กลุ่มเด็ก ๆ ต่างพากันวิ่งฮือกระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะน่ากลัวกว่าผี หรือน่ากลัวกว่าผู้ใหญ่เสียอีก
เด็กชายหน้าตาคมคายสลับสายตามองซ้ายและขวาอย่างจนใจ เขาไม่เคยพบเห็นกู้เฟยหลงว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่หากอีกฝ่ายเป็นกู้เฟยหลง อันธพาลน้อยแห่งฉางอันจริง ๆ ล่ะก็ นับว่าวันนี้เขาดวงซวยแล้ว
“พะ...พี่ใหญ่กู้ ขะ...ข้าเปล่า ข้าเปล่านะ”
สิ้นเสียงกล่าว เด็กน้อยก็กลับหลังหันและวิ่งหนีไป
เพราะข้ายังคงจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายเขม็ง เมื่อเด็กคนนั้นวิ่งผ่านข้าไป ข้าจึงได้โอกาสเหยียดขาออกไปบ้าง ทำเหมือนกับที่อีกฝ่ายกระทำกับข้า เด็กชายล้มตึงหน้าคะมำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เหมือนกับลืมความเจ็บปวด ลุกขึ้นและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าหากอยู่ที่นี่นานกว่านี้จะถูกผีซ่อนปีศาจลักไปจริง ๆ
และนั่นเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างข้าและกู้เฟยหลง...