บท
ตั้งค่า

3.สูญสิ้นสติ

ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวหาของหยางลี่อิน ไฉจิ้นสี่และอวิ้นเฉี่ยนไป๋ก็มองประสานสายตากัน สีหน้าของคนทั้งสองเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับไม่ได้ใส่ใจในคำพูดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“ไฉจิ้นสี่ ท่านมีคำตอบนี้ให้กับตระกูลกู้หรือไม่” อวิ้นเฉี่ยนไป๋ยกยิ้มมุมปากพร้อมกล่าวกับไฉจิ้นสี่ ผู้ซึ่งหัวเราะเบา ๆ และถามกลับไปว่า

“อวิ้นเฉี่ยนไป๋ แล้วท่านเล่า”

หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรย้ายสายตาจากไฉจิ้นสี่ ยกยิ้มให้แก่หยางลี่อินก่อนจะกล่าวแก่ตุลาการเถิง

“ข้า อวิ้นเฉี่ยนไป๋ อัญเชิญราชโองการ”

สิ้นเสียงนั้น ตุลาการเถิงลุกจากบัลลังก์และคุกเข่ากับพื้นเช่นเดียวกับไฉจิ้นสี่ ผู้ซึ่งมองไปยังชายหนุ่มผู้ถือราชโองการด้วยความประหลาดใจก่อนจะคุกเข่าไปกับพื้น เมื่อเห็นว่าทุกคนคุกเข่าแล้ว อวิ้นเฉี่ยนไป๋จึงประกาศราชโองการ

“กู้เฟยหลง หัวหน้าหน่วยอวี้หลิน เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความภักดี แม้ตัวตายแต่ชื่อเสียงยังลือลั่นสืบทอดไปถึงลูกหลาน เห็นควรพระราชทานยศขั้น 3 ตูจวิน”

สิ้นเสียงประกาศราชโองการ กู้หว่านจีก็ยกสองแขนรับราชโองการอวยยศ นางรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นยศพระราชทานที่ฝ่าบาทใช้เพื่อปลอบประโลมความเสียใจของคนในตระกูลกู้ เป็นการอวยยศที่แลกมาด้วยชีวิตและน้ำตา

เมื่อกล่าวเสร็จ อวิ้นเฉี่ยนไป๋จึงหันมองไปที่ไฉจิ้นสี่ด้วยรอยยิ้ม

“หน้าที่ของข้าจบลงแล้ว คงจะลบคำครหาที่ว่ามาดูลาดเลาเพราะร้อนตัวได้กระมัง”

ไฉจิ้นสี่ที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ เขาสะบัดแขนเสื้อและตวัดพัดจีบมรกตจนเกิดเสียงและกล่าวว่า

“นำตัวออกมา”

เพียงไม่นาน ทหารในชุดเกราะแดงที่มีสัญลักษณ์ของสำนักบูรพาปักอยู่บนเสื้อก็ลากนักโทษในชุดขาวเข้ามาด้านใน ชายวัยกลางคนผู้นี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว ทันทีที่เข้ามาถึง ชายวัยกลางคนที่มีอาการคล้ายกับเสียสติ ร้องตะโกนด้วยคำพูดซ้ำ ๆ

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่มาทำการค้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

จากนั้นทหารในชุดเกราะแดงใช้สองมือปิดปากของชายวัยกลางคนให้เงียบเสียงลง และเป็นไฉจิ้นสี่ที่กล่าวขึ้น

“ข้าจับชายผู้นี้ได้ มันรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่ากู้เฟยหลง”

สายตาของทุกคนในห้องมองไปยังชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นตาเดียว ดวงตาของหยางลี่อินเต็มไปด้วยความสับสนก่อนที่อวิ้นเฉี่ยนไป๋จะหัวเราะออกมา

“ฮ่า ๆ ท่านไฉคงกำลังล้อเล่นอยู่กระมัง กู้เฟยหลงนั้นเป็นใคร วรยุทธของเขา ท่านไฉสามารถรับมือได้กี่กระบวนท่า แล้วเขาคนนั้นจะถูกชายผู้นี้ฆ่าเช่นนั้นหรือ”

ไฉจิ้นสี่ที่ได้ยินเช่นนั้นไม่ได้กล่าวตอบ แต่กลับกระชากผมของชายวัยกลางคนให้ทุกคนเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

เพราะรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับชาวถัง หยางลี่อินจึงพึมพำออกมา

“ชาวโครยอง”

“ถูกต้อง เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชาวโครยอง”

ไฉจิ้นสี่จ้องมองไปยังอวิ้นเฉียนไป๋ราวกับต้องการจะมองลึกลงไปให้เห็นเนื้อแท้ภายในของชายหนุ่ม เขากล่าวต่อไปอีกว่า

“หากเป็นอำนาจของชาวโครยองที่ลักลอบค้าฝิ่นอยู่ในเมืองหลวง ท่านยังคิดว่าพวกเขาไม่มีอำนาจพอจะทำร้ายกู้เฟยหลงได้อยู่อีกหรือไม่”

สิ่งที่ไฉจิ้นสี่กล่าวออกมาใช่ว่าจะไม่มีมูลความจริง หากเฟยหลงกำลังตามสืบเรื่องการลักลอบค้าฝิ่นของชาวโครยอง ก็ไม่ต่างอะไรกับการไปจับหางเสือ

ทว่าลี่อินรู้สึกได้ว่าระหว่างไฉจิ้นสี่และอวิ้นเฉียนไป๋ พวกเขาทั้งสองคนกำลังระแวงกันและกันอยู่ ในตอนนั้นเอง หยางลี่อินมองไปยังมุมห้องของกรมอาญา และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้น

สายลมเย็นพัดผ่านร่างกาย สิ่งที่นางเห็นคือ กู้เฟยหลง ผู้เป็นสามี!!!

ดวงตาของหยางลี่อินเบิกกว้างก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความคะนึงหา นางคิดว่าเฟยหลงผู้เป็นสามียืนอยู่ที่ตรงนั้น หญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับร้องเรียกสามี

“ท่านพี่ เป็นท่านพี่จริง ๆ”

ทุกคนที่อยู่ในกรมอาญาย่นหว่างคิ้ว มองไปยังหยางลี่อินด้วยสายตาแปลกประหลาด เมื่อเห็นว่านางไม่หยุดเพียงแค่เรียกชื่อ แต่ยังพยายามจะเดินไปที่มุมห้อง ทุกสายตาย้ายไปยังปลายทางของหญิงสาว ที่ ๆ ทุกคนเห็นว่าเป็นเพียงความว่างเปล่า

ไฉจิ้นสี่ส่ายศีรษะอย่างเวทนาให้กับหยางลี่อิน หญิงสาวที่เคยแข็งแกร่งและเคยถูกยกย่องเรื่องวิชาแพทย์กลับกลายมาเป็นหญิงเสียสติในช่วงเวลาข้ามคืน

หว่างคิ้วของอวิ้นเฉี่ยนไป๋ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสารหญิงสาวผู้เคยเพียบพร้อมทุกประการเช่นนาง

ตุลาการเถิงส่ายศีรษะไปมาก่อนจะสั่งให้ทหารจับตัวหยางลี่อินเอาไว้ เพราะกลัวว่านางจะเอาศีรษะกระแทกกำแพงให้ตกตายตามสามีไปและกลายเป็นเรื่องน่าเศร้าของกรมอาญา

หลังจากได้รับคำสั่ง ทหารก็เข้าไปจับแขนของลี่อินเอาไว้ ทว่านางก็ยังมีท่าทีขัดขืนและต้องการเดินไปยังความว่างเปล่า ปากร้องเรียกแต่ชื่อสามีไม่ขาด ราวกับว่าเป็นภาพสุดท้ายที่นางจะได้เห็น

กู้หว่านจีเห็นลูกสะใภ้ที่จิตใจกำลังแตกสลาย นางตะโกนสั่งเสี่ยวจูด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

“เสี่ยวจู พาฮูหยินของเจ้ากลับไป และรีบให้คนไปตามหมอมาดูนาง”

หยางลี่อินคล้ายว่าไม่สนใจสิ่งใด นางมองไปที่ความว่างเปล่าซึ่งในเวลานี้คงจะมีเพียงนางแต่เพียงผู้เดียวที่เห็น กู้เฟยหลง ชายหนุ่มหนุ่มเองก็พยายามอย่างสุดกำลังเพื่อจะมาหาภรรยาให้ได้ ทว่าเหนือวิญญาณของกู้เฟยหลง มีเงาสีดำกำลังใช้สองเท้าเหยียบแผ่นหลังของเขาเอาไว้ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ โปร่งแสงและเลือนหายไป

หยางลี่อินเมื่อเห็นแบบนั้นก็ร่ำร้องราวกับคนเสียสติ จิตใจของนางแหลกสลาย ภาพที่เห็นคือวิญญาณของสามีถูกพรากไปจากนางชั่วนิรันดร์ ลี่อินที่กำลังร่ำร้องฟูมฟายกอปรกับถูกฉุดรั้งจากทหารและสาวรับใช้ ความโศกเศร้าแทรกซึมและทำลายหัวใจ นางกระอักเลือดออกมา มุมปากสีชมพูอ่อนพลันเกิดเป็นสายเลือดไหลหยดลงพื้น สติของนางกำลังจะดับลง

ดวงตาของเสี่ยวจูเบิกกว้างด้วยความตกใจ นางรีบใช้กำลังทั้งหมดที่มีลากถูเจ้านายกลับไป

“เฟยหลง! เฟยหลง! อย่าทิ้งข้าไป!”

ขณะที่เสียงร้องตะโกนสุดท้ายกำลังจะหายไปพร้อมกับสติ หางตาของหญิงสาวมองเห็นทหารสองคนกำลังแบกร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเข้ามา นางเห็นดวงวิญญาณของผู้ที่เป็นสามีมองมาที่ตัวนางพร้อมกับสลับสายตามองไปที่ร่างของตัวเขาเองที่เวลานี้เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ

เขายกยิ้มขึ้นหนึ่งครั้งราวกับว่ายอมรับในโชคชะตาที่เผชิญ ทันใดนั้นดวงวิญญาณของชายหนุ่มปริศนาก็ปรากฏออกมาและพุ่งใส่เงาดำที่อยู่เหนือร่างของกู้เฟยหลง พลันภาพของกู้เฟยหลงที่วิ่งหลุดจากการจองจำก็ตรงมาหานาง

ทว่ายามที่ดวงวิญญาณของกู้เฟยหลงวิ่งผ่านร่างกายของบุรุษปริศนาผู้นั้น ดวงวิญญาณของเขากลับแตกสลายและหายเข้าไปในร่างนั้น

“ม่ายยย!!!” หยางลี่อินกรีดร้องสุดเสียง พร้อม ๆ กับภาพที่ตัดไป!!!

“แม้ข้าจะใจดีกับโลก ก็ใช่ว่าทุกคนจะยิ้มให้ข้า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel