1.บทนำ
บทนำ
ภายในออฟฟิศหลักของบริษัทบัดดี้ทอยส์แอนด์เฟรนด์ ปรานต์ผู้บริหารหนุ่มหล่อวัย 33 ปี หงุดหงิดใจตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งหมดไม่ใช่ปัญหาของเขา ล้วนเกิดจากคนใกล้ตัวในตระกูลดำรงทรัพย์ไพศาลที่ชอบสร้างเรื่องเสื่อมเสียไม่หยุดหย่อน และมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
กระนั้นเขาไม่เคยทราบเรื่องนี้ ปรานต์ไม่ใช่หลานรักของผ่องศรี เขาถูกห้ามไม่ให้ไปที่ตะวันฉายฟาร์ม สาเหตุเฮงซวยเกิดจากฝีมือของคนที่กำลังตีหน้าเศร้าราวกับแบกโลกใบนี้เอาไว้ทั้งใบ ธนากรหลานคนโปรดของอีกฝ่าย “ทำอะไรไว้ แกเคยรับผิดชอบไหม กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องตามเช็ด ตามล้างเรื่องแย่ๆ พวกนี้”
“โถ...พี่ปรานต์ ผมพลาดไปแล้วจริงๆ ให้โอกาสแก้ตัวอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ ยังไงเราก็เป็นญาติกัน เลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำ”ธนากรลูกพี่ลูกน้องของเขาว่าเสียงโอดโอย
“ได้! แต่นี่คือโอกาสสุดท้ายของแก ขอบอกเลยครั้งนี้ฉันจะช่วยเคลียร์ให้จบ จากนั้นสิทธิขาดทั้งหมดของเด็กต้องเป็นของฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย!”
ความโหดของปรานต์ใครๆ ต่างรู้ดี กระนั้นในท่าทางเข้มขรึม เขาซ่อนความเมตตาเอาไว้มากโข มิเช่นนั้นธนากรคงไม่กล้าแบกหน้ามาขอร้องให้ช่วย ทั้งที่หงส์งามมารดาเขาสั่งห้าม
“ได้เลย ผมยอมทุกอย่าง เพียงแต่รับไข่หวานไว้และดูแลแกให้เหมือนลูก เพียงแค่นี้ช่วยผมได้ไหม”
“เฮ้อ นั่นมันลูกแกทำไมถึงไม่ดูแลเอง” เขาท้วง แต่ใจหลงรักคนแก้มย้อย ที่กำลังทำปากหมูส่งจูบให้เขาอยู่ในตอนนี้อย่างหมดหัวใจ
“ก็แม่ไม่ปลื้ม และคุณย่าไม่อยากเห็นหน้าเหลน แล้วผมยังมีเรื่องวุ่นวายให้ต้องดูแลเยอะแยะไปหมด”เขาหาข้ออ้าง ซึ่งข้ออ้างของเขาเหมือนเดิมทุกครั้ง
“แต่แกเป็นพ่อของไข่หวาน!”ปรานต์ย้ำให้อีกฝ่ายตระหนักถึงความจริง
“พ่อหรือ...” เขาว่าเสียงเบา ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนสติหลุดไปเสียดื้อๆ
“เออ แล้ว...เพลิน แม่ของเด็กล่ะ” ภาพสุดท้ายที่ปรานต์จำได้ เขาพบเพลินตาในคืนวันหมั้นของหล่อนกับธนากร ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก ผู้ชายหล่อสุภาพ ฝ่ายหญิงเป็นหญิงสาวเจ้าเนื้อแสนน่ารักและขี้อาย
“มันจบแล้ว เพลินหนีไปแล้วและไม่มีวันกลับมาหาผมอีก ทั้งหมดเป็นเพราะผม”
จากนั้น ธนากรจึงเล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ปรานต์ฟัง ใจเขาคล้ายถูกควักออกจากอกแล้วโดนกระทืบซ้ำ เขาคิดถึงเพลินตาแม่ของเด็กหญิงมิน้อย จำได้ว่าหล่อนเป็นคนที่น่าสงสาร ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ในส่วนลึกปรานต์อดผิดหวังในตัวอีกฝ่ายไม่ได้ เพลินตากลายเป็นคนใจแตกและสร้างเรื่องขายขี้หน้าต่อตระกูลเขา กระนั้นเรื่องนี้เป็นความจริงหรือ
“แค่เด็กคนเดียว ฉันเลี้ยงไหวอยู่แล้ว” ชายหนุ่มยืดอกรับผิดชอบหนึ่งชีวิตน้อยๆ ที่น่ารักน่าชัง และใจกระหวัดถึงคนเป็นแม่ของเธอ เป็นได้หรือว่าเพลินตาจะทิ้งลูกสาวแสนน่ารักนี้เอาไว้โดยไม่คิดแยแส
“ขอบคุณพี่ปรานต์มาก แต่เรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามบอกว่าใครเป็นแม่ไข่หวาน ขอแค่นี้ได้ไหมครับ”
“เฮ้ยทำไม ถึงบอกไม่ได้”เขาถามกลับสีหน้าบอกให้รู้ว่าไม่พอใจข้อตกลงนี้เป็นอย่างมาก
“เด็กไม่ควรรับรู้ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของผู้ใหญ่ ไข่หวานเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนผมและเพลินเหลวไหลเอง ฉะนั้นผ้าข้าวผืนนี้ ผมขอฝากให้พี่ปรานต์ดูแล สัญญาได้ไหมว่าจะเลี้ยงไข่หวานให้ดีที่สุด”
“ฝากให้ฉันดูแลเด็ก แกพูดเหมือนไข่หวานไม่ใช่ลูกตัวเอง” ปรานต์ย้ำเช่นนี้สองหน เขาสงสัยว่าธนากรไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไหร่ ผม...จะมาบอกความจริงกับพี่ปรานต์ด้วยตนเอง”
“เออๆ ตามใจแล้วกัน เดี๋ยวไข่หวานฉันจะดูให้เอง ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
ธนากรยกมือไหว้ปรานต์ เพื่อขอบคุณทุกสิ่งที่ทำเพื่อเขาตลอดมา ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า
“วันหนึ่ง ไข่หวานจะโตขึ้น และมีพี่ปรานต์เป็นแบบอย่าง แค่นี้ผมก็ภูมิใจ”
“เหมือนกัน วันหนึ่งฉันจะรอให้แกเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบพอที่จะยอมรับเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูก”
ปรานต์กล่าวจบ ก็มองใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กน้อยวัยสองขวบ
แวบหนึ่งเขาแอบสงสัยว่าเหตุใดรอยยิ้มและดวงตาของเธอช่างคล้ายเขานัก!!
อดีต 6 ปีก่อน
ปรานต์กลับจากต่างประเทศได้ไม่ถึงอาทิตย์ คุณผ่องศรีก็เรียกตัวเขาให้เข้าไปพบที่ตะวันฉายฟาร์ม เขาไม่ชอบเข้าหาผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ แต่ ประมวล ผู้เป็นบิดาทั้งขู่เข็นแกมบังคับ ก่อนลงท้ายด้วยการพูดด้วยดีๆ
“แกควรไปให้คุณย่าเห็นหน้าเสียหน่อย จะให้พ่อกลับไปสู้หน้าท่านตอนนี้คงไม่ได้ ยังไงแกก็เป็นหลานชายคนโต จำได้ไหมสมัยเด็กๆ คุณย่าส่งรถตู้มารับตอนปิดเทอมเสมอ”
ปรานต์หัวเราะหึๆ มันดูแปลกประหลาดมากที่ผ่องศรีจะรักเขา แต่สั่งห้ามลูกชายคนโตไม่ให้ไปเหยียบตะวันฉายฟาร์ม ด้วยทิฐิแสนประหลาดของคนเป็นแม่ สาเหตุนั้นเกี่ยวพันไปถึงอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่ทำให้ทิวาลูกชายคนเล็กของนางต้องเสียชีวิต โดยทิ้งลูกสะใภ้พร้อมหลานอีกสามคนไว้เบื้องหลัง
“คุณย่าต้องการอะไรจากผมกันแน่ แล้วพ่อเป็นลูกของย่าแท้ๆ ทำไมถึงกีดกันไม่ยอมให้ไปพบ”
ปรานต์ไม่เข้าใจเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เขารู้เพียงแต่ว่าผ่องศรีและประมวลต่างแสดงจุดยืนของตนในทางที่ผิดเพี้ยน
“พ่อเคยทำผิดหลายอย่าง และย่าคงไม่คิดให้อภัยง่ายๆ”
ประมวลเป็นลูกชายของผ่องศรี ในอดีตทั้งอวดดีและจองหอง เขาเคยลั่นวาจาวาหากไม่ได้ดีจะไม่กลับไปเหยียบแผ่นดินเกิด ซึ่งจนบัดนี้เขาก็ยังไม่มีทรัพย์สมบัติใดที่จะเทียบเท่าปลายเล็บของผ่องศรี
ที่วันนี้มีกินมีใช้อย่างสุขสบายล้วนเป็นมรดกภรรยา ประมวลโชคดีที่ได้นาตาลีหญิงสาวลูกครึ่งไทย-จีนฮ่องกงเป็นภรรยา และแม่ของลูก