บทย่อ
คือความลับที่รอวัน ‘ปลดล็อค’ หัวใจ ถูกซ่อนเอาไว้...ข้างใจ เธอ ********** “แต่ ไข่หวานไม่ใช่ลูกของพี่ปรานต์นะคะ!” เพลินตาเสียงเขียวใส่ ปรานต์พยายามเหลือเกินที่จะเปลี่ยนตนเองจากพ่อทูนหัว เป็นพ่อจริงๆ ของเด็กหญิง และนั่นย่อมหมายความว่าเขาเป็น...สามีหล่อนด้วย!! “อื้อฮึ พี่รู้” เขาว่าพร้อมส่งยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มร้ายกาจที่ทำให้หัวใจหล่อนกระตุกไหว “รู้! รู้แล้วทำไม ยังพูดแบบนี้อีก พี่ปรานต์อยากให้เพลินเข้าใจว่าอย่างไร” “แหม ถึงไม่ได้เป็นพ่อวันนี้ วันข้างหน้าพี่ก็ต้องเป็นอยู่ดีจริงไหม” เสียงทุ้มๆ ชวนให้เคลิ้มไหว เขาพูดแบบนี้กับใครบ่อยๆ หรือเปล่านะ “มะหมายความว่ายังไงคะ” หล่อนตามไม่ทันคนรูปหล่อตัวโต “ก็หมายความว่าเพลินจะเป็นแม่ ให้พี่เป็นพ่อ และไข่หวานเป็นพี่สาวให้น้องๆ อีกซักสองสามคนที่กำลังจะตามมาในอนาคตยังไงล่ะครับ” คำพูดเขาฟังแล้วชวนให้ฝันหวาน แต่เพลินตากลับช็อกจัดก่อนหล่อนจะหลุดเสียงเล็กๆ แหลมสูงใส่เขา “บะ บ้า พี่ปรานต์พูดน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังไง” “บ้า...ใช่ คงเป็นอย่างนั้น เพราะตั้งแต่พบหน้าเพลินในคืนวันหมั้นเมื่อสามปีก่อน พี่ก็ไม่เคยตก ‘หลุมรัก’ ใครอีกเลย...” ฝากรัก
1.บทนำ
บทนำ
ภายในออฟฟิศหลักของบริษัทบัดดี้ทอยส์แอนด์เฟรนด์ ปรานต์ผู้บริหารหนุ่มหล่อวัย 33 ปี หงุดหงิดใจตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งหมดไม่ใช่ปัญหาของเขา ล้วนเกิดจากคนใกล้ตัวในตระกูลดำรงทรัพย์ไพศาลที่ชอบสร้างเรื่องเสื่อมเสียไม่หยุดหย่อน และมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
กระนั้นเขาไม่เคยทราบเรื่องนี้ ปรานต์ไม่ใช่หลานรักของผ่องศรี เขาถูกห้ามไม่ให้ไปที่ตะวันฉายฟาร์ม สาเหตุเฮงซวยเกิดจากฝีมือของคนที่กำลังตีหน้าเศร้าราวกับแบกโลกใบนี้เอาไว้ทั้งใบ ธนากรหลานคนโปรดของอีกฝ่าย “ทำอะไรไว้ แกเคยรับผิดชอบไหม กี่ครั้งแล้วที่ฉันต้องตามเช็ด ตามล้างเรื่องแย่ๆ พวกนี้”
“โถ...พี่ปรานต์ ผมพลาดไปแล้วจริงๆ ให้โอกาสแก้ตัวอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ ยังไงเราก็เป็นญาติกัน เลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำ”ธนากรลูกพี่ลูกน้องของเขาว่าเสียงโอดโอย
“ได้! แต่นี่คือโอกาสสุดท้ายของแก ขอบอกเลยครั้งนี้ฉันจะช่วยเคลียร์ให้จบ จากนั้นสิทธิขาดทั้งหมดของเด็กต้องเป็นของฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย!”
ความโหดของปรานต์ใครๆ ต่างรู้ดี กระนั้นในท่าทางเข้มขรึม เขาซ่อนความเมตตาเอาไว้มากโข มิเช่นนั้นธนากรคงไม่กล้าแบกหน้ามาขอร้องให้ช่วย ทั้งที่หงส์งามมารดาเขาสั่งห้าม
“ได้เลย ผมยอมทุกอย่าง เพียงแต่รับไข่หวานไว้และดูแลแกให้เหมือนลูก เพียงแค่นี้ช่วยผมได้ไหม”
“เฮ้อ นั่นมันลูกแกทำไมถึงไม่ดูแลเอง” เขาท้วง แต่ใจหลงรักคนแก้มย้อย ที่กำลังทำปากหมูส่งจูบให้เขาอยู่ในตอนนี้อย่างหมดหัวใจ
“ก็แม่ไม่ปลื้ม และคุณย่าไม่อยากเห็นหน้าเหลน แล้วผมยังมีเรื่องวุ่นวายให้ต้องดูแลเยอะแยะไปหมด”เขาหาข้ออ้าง ซึ่งข้ออ้างของเขาเหมือนเดิมทุกครั้ง
“แต่แกเป็นพ่อของไข่หวาน!”ปรานต์ย้ำให้อีกฝ่ายตระหนักถึงความจริง
“พ่อหรือ...” เขาว่าเสียงเบา ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนสติหลุดไปเสียดื้อๆ
“เออ แล้ว...เพลิน แม่ของเด็กล่ะ” ภาพสุดท้ายที่ปรานต์จำได้ เขาพบเพลินตาในคืนวันหมั้นของหล่อนกับธนากร ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก ผู้ชายหล่อสุภาพ ฝ่ายหญิงเป็นหญิงสาวเจ้าเนื้อแสนน่ารักและขี้อาย
“มันจบแล้ว เพลินหนีไปแล้วและไม่มีวันกลับมาหาผมอีก ทั้งหมดเป็นเพราะผม”
จากนั้น ธนากรจึงเล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ปรานต์ฟัง ใจเขาคล้ายถูกควักออกจากอกแล้วโดนกระทืบซ้ำ เขาคิดถึงเพลินตาแม่ของเด็กหญิงมิน้อย จำได้ว่าหล่อนเป็นคนที่น่าสงสาร ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ในส่วนลึกปรานต์อดผิดหวังในตัวอีกฝ่ายไม่ได้ เพลินตากลายเป็นคนใจแตกและสร้างเรื่องขายขี้หน้าต่อตระกูลเขา กระนั้นเรื่องนี้เป็นความจริงหรือ
“แค่เด็กคนเดียว ฉันเลี้ยงไหวอยู่แล้ว” ชายหนุ่มยืดอกรับผิดชอบหนึ่งชีวิตน้อยๆ ที่น่ารักน่าชัง และใจกระหวัดถึงคนเป็นแม่ของเธอ เป็นได้หรือว่าเพลินตาจะทิ้งลูกสาวแสนน่ารักนี้เอาไว้โดยไม่คิดแยแส
“ขอบคุณพี่ปรานต์มาก แต่เรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ห้ามบอกว่าใครเป็นแม่ไข่หวาน ขอแค่นี้ได้ไหมครับ”
“เฮ้ยทำไม ถึงบอกไม่ได้”เขาถามกลับสีหน้าบอกให้รู้ว่าไม่พอใจข้อตกลงนี้เป็นอย่างมาก
“เด็กไม่ควรรับรู้ถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของผู้ใหญ่ ไข่หวานเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนผมและเพลินเหลวไหลเอง ฉะนั้นผ้าข้าวผืนนี้ ผมขอฝากให้พี่ปรานต์ดูแล สัญญาได้ไหมว่าจะเลี้ยงไข่หวานให้ดีที่สุด”
“ฝากให้ฉันดูแลเด็ก แกพูดเหมือนไข่หวานไม่ใช่ลูกตัวเอง” ปรานต์ย้ำเช่นนี้สองหน เขาสงสัยว่าธนากรไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย เอาเป็นว่าพร้อมเมื่อไหร่ ผม...จะมาบอกความจริงกับพี่ปรานต์ด้วยตนเอง”
“เออๆ ตามใจแล้วกัน เดี๋ยวไข่หวานฉันจะดูให้เอง ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
ธนากรยกมือไหว้ปรานต์ เพื่อขอบคุณทุกสิ่งที่ทำเพื่อเขาตลอดมา ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า
“วันหนึ่ง ไข่หวานจะโตขึ้น และมีพี่ปรานต์เป็นแบบอย่าง แค่นี้ผมก็ภูมิใจ”
“เหมือนกัน วันหนึ่งฉันจะรอให้แกเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบพอที่จะยอมรับเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูก”
ปรานต์กล่าวจบ ก็มองใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กน้อยวัยสองขวบ
แวบหนึ่งเขาแอบสงสัยว่าเหตุใดรอยยิ้มและดวงตาของเธอช่างคล้ายเขานัก!!
อดีต 6 ปีก่อน
ปรานต์กลับจากต่างประเทศได้ไม่ถึงอาทิตย์ คุณผ่องศรีก็เรียกตัวเขาให้เข้าไปพบที่ตะวันฉายฟาร์ม เขาไม่ชอบเข้าหาผู้ใหญ่สักเท่าไหร่ แต่ ประมวล ผู้เป็นบิดาทั้งขู่เข็นแกมบังคับ ก่อนลงท้ายด้วยการพูดด้วยดีๆ
“แกควรไปให้คุณย่าเห็นหน้าเสียหน่อย จะให้พ่อกลับไปสู้หน้าท่านตอนนี้คงไม่ได้ ยังไงแกก็เป็นหลานชายคนโต จำได้ไหมสมัยเด็กๆ คุณย่าส่งรถตู้มารับตอนปิดเทอมเสมอ”
ปรานต์หัวเราะหึๆ มันดูแปลกประหลาดมากที่ผ่องศรีจะรักเขา แต่สั่งห้ามลูกชายคนโตไม่ให้ไปเหยียบตะวันฉายฟาร์ม ด้วยทิฐิแสนประหลาดของคนเป็นแม่ สาเหตุนั้นเกี่ยวพันไปถึงอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่ทำให้ทิวาลูกชายคนเล็กของนางต้องเสียชีวิต โดยทิ้งลูกสะใภ้พร้อมหลานอีกสามคนไว้เบื้องหลัง
“คุณย่าต้องการอะไรจากผมกันแน่ แล้วพ่อเป็นลูกของย่าแท้ๆ ทำไมถึงกีดกันไม่ยอมให้ไปพบ”
ปรานต์ไม่เข้าใจเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เขารู้เพียงแต่ว่าผ่องศรีและประมวลต่างแสดงจุดยืนของตนในทางที่ผิดเพี้ยน
“พ่อเคยทำผิดหลายอย่าง และย่าคงไม่คิดให้อภัยง่ายๆ”
ประมวลเป็นลูกชายของผ่องศรี ในอดีตทั้งอวดดีและจองหอง เขาเคยลั่นวาจาวาหากไม่ได้ดีจะไม่กลับไปเหยียบแผ่นดินเกิด ซึ่งจนบัดนี้เขาก็ยังไม่มีทรัพย์สมบัติใดที่จะเทียบเท่าปลายเล็บของผ่องศรี
ที่วันนี้มีกินมีใช้อย่างสุขสบายล้วนเป็นมรดกภรรยา ประมวลโชคดีที่ได้นาตาลีหญิงสาวลูกครึ่งไทย-จีนฮ่องกงเป็นภรรยา และแม่ของลูก