3/2 ฝากรอยรัก
“เขาไม่รู้แล้วจะไม่มีวันรู้ด้วยค่ะ เด็กในท้องจะเป็นลูกของญาดาเพียงคนเดียว”
คณินสวมกอดลูกสาว เขาเริ่มเดาไม่ออกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ตอนแรกเขาคิดว่าผู้ชายไม่รับผิดชอบ แต่ตอนนี้คือ ลูกสาวของเขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก
“รอให้คลอดแล้วค่อยกลับมาเรียนก็ได้ เดี๋ยวพ่อว่าเราย้ายไปอยู่ที่บ้านใหม่ที่พ่อกำลังคิดจะสร้างดีกว่า ไม่ต้องให้ใครรู้จักเรา ไม่เป็นไรนะ จำไว้ผิดแล้วอย่าผิดซ้ำ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
สามคนพ่อแม่ลูกสวมกอดกัน ในความเสียใจ ญาดายังได้รับความสุขจากความรักความเข้าใจจากพ่อกับแม่ เธอตั้งใจจะเป็นแม่ให้ดีที่สุดถึงแม้ตอนนี้เธอจะอายุแค่เกือบสิบเก้าปี
ตริณไม่ได้กลับเมืองไทยเลย มีแต่พ่อกับแม่ที่มาหาเขาที่อเมริกา ชายหนุ่มได้แต่ถามข่าวของญาดา ซึ่งตอนแรก พ่อกับแม่ก็บอกว่ายังเจอเธอออกมาเดินซื้อของแต่ตอนนี้ทั้งคู่บอกว่าพ่อกับแม่ของญาดาติดประกาศขายบ้านแล้ว
“ไม่มีใครรู้เลยเหรอครับว่าเขาย้ายไปอยู่ไหนกัน”
ตริณไม่คิดว่าการเจอหน้ากันวันหลังสอบจะเป็นครั้งสุดท้ายและเขาจะไม่ได้เจอเธออีกจริง ๆ
ทุกช่องทางการติดต่อ ตริณยังคงเห็นแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ญาดาไม่อ่านข้อความ ไม่รับโทรศัพท์ จนสุดท้ายตอนนี้เบอร์นั้นก็โทรไม่ติดแล้ว
ตริณพยายามถามข่าวจากเพื่อน ๆ คนอื่นก็ไม่มีใครรู้ข่าวเลย รู้แต่เพียงว่าญาดาไม่ได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่เธออยากเรียนและเธอก็เสียเงินมอบตัวไปแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับญาดาหรือไม่ก็ครอบครัวแน่ ๆ
4 ปีผ่านไป
ตริณเดินทางกลับมาเมืองไทยเป็นการถาวร เพราะตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำงานที่ไหน อย่างไรเขาขอครอบครัวท่องเที่ยวทั่วไทยก่อน
แผนท่องเที่ยวทั่วไทย เกิดจากชายหนุ่มได้ข่าวจากเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทกับเขาและญาดาเท่าไหร่ ว่าหญิงสาวและครอบครัวย้ายไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ในอำเภอที่อยู่ติดกับลำพูน
เพื่อนผู้นำข่าวมาบอก เขาไปเที่ยวที่เชียงใหม่และเจอกับญาดาโดยบังเอิญ จึงถามสารทุกข์สุกดิบกันทั่วไป ญาดายอมบอกเพราะเพื่อนคนนี้ไม่ได้สนิกับตริณ แต่ในที่สุดข่าวก็มาถึงหูชายหนุ่มจนได้
ตริณเริ่มต้นจากการมาพักที่ตัวเมืองลำพูนเพราะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แล้วจะค่อย ๆ ตามหาญาดาตามอำเภอต่าง ๆ ของเชียงใหม่ที่อยู่ติดกับลำพูน
ชายหนุ่มขับรถออกจากโรงแรมตั้งใจจะไปตามห้างใหญ่ที่อยู่ใกล้ขอบเชียงใหม่กับลำพูนแต่ต้องมาหยุดรถกระทันหัน เมื่อยู่ดี ๆ มีเด็กวิ่งออกมาจากโรงเรียน แต่ยังไม่ทันตัดหน้ารถ แต่ตริณก็ตกใจเหยียบเบรกจนรถหมุน
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ทางคุณครูเผลอหันไปหยิบของเลยปิดประตูไม่ทัน นักเรียนเขาวิ่งตามลูกโป่งที่ลอยไปค่ะ”
คุณครูรีบขอโทษตริณที่เดินลงจากรถเพื่อมาหาเด็กหญิงตัวน้อย เพราะเขาเองก็ตกใจกลัวเด็กจะเป็นอะไร
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ห่วงก็แต่เด็ก ยังโชคดี ที่วิ่งมาไม่ถึงหน้ารถผม”
ชายหนุ่มหันหน้าไปหาเด็กน้อยถักผมเปียสองข้างผิวขาว ตริณมองแล้วรู้สึกเหมือนเด็กคนนี้ทำไมหน้าตาเหมือนเขาแถมมีไฝที่แขนเหมือนกันอีก
“เด็กหญิงณารา พนาไพร”
ตริณอ่านตามชื่อที่ปักอยู่ที่หน้าอก เขาจำได้ว่ามันคือนามสกุลของญาดา แถมชื่อของเด็กคนนี้ยังคล้ายกับชื่อของญาดาอีก
“หนูชื่ออะไรครับ”
“หนูชื่อต้นน้ำค่ะ”
เด็กน้อยตอบอย่างไร้เดียงสา ยิ่งสังเกตท่าทาง ตริณยิ่งรู้สึก ว่าต้นน้ำมีบุคลิกเหมือนกับญาดามาก ๆ
“ขออนุญาตพานักเรียนเข้าโรงเรียนก่อนนะคะ”
คุณครูไม่อยากให้ต้นน้ำคุยกับคนแปลกหน้านาน จึงรีบพูดตัดบทและพาเข้าโรงเรียนไป
ชายหนุ่มจอดรถรอดู ว่าผู้ปกครองของเด็กน้อยที่เขาเพิ่งเจอคือใคร แต่ทางโรงเรียนให้ขับรถเข้าไปรับในโรงเรียน ตริณจึงไม่รู้ว่าต้นน้ำขึ้นรถคันไหนกลับบ้านไป
เมื่อนักเรียนหมดโรงเรียนแล้ว ตริณจึงขับรถไปที่ห้างสรรพสินค้าที่เขาตั้งเป้าหมายไว้ตอนแรก เขาอยู่ที่นั่นหลายชั่วโมงเดินไปเดินมาจนทั่วแต่ก็ไม่เจอใครที่เขาอยากเจอ