2/2 เธอคิดว่าพลาดแต่ฉันเรียกว่ารัก
“ตริณทำไมมานั่งตรงนี้ เมื่อเช้าก็ไม่ยอมเข้าโรงเรียน”
คนถามยังไม่ทันได้เห็นหน้าเพื่อนชาย เพราะเขานั่งก้มใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าไว้
ชายหนุ่มคลายมือทั้งสองข้างที่ปิดหน้าอยู่ แต่ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา มือหนาคว้ามือของคนข้าง ๆ มาจับไว้และวางลงที่ขาของเขา
“เมื่อเช้าที่เราไม่มา เราตั้งใจจะรับเขมไปขับรถเล่นก่อนแล้วเข้ามาตอนบ่ายเลย แต่เราดันไปเจอว่าเขมขึ้นรถไปกลับผู้ชายคนหนึ่งที่ดูอายุมากกว่าเรา เราก็เลยขับรถตาม ญาดารู้ไหมว่าเราเห็นอะไร”
คนเล่ายอมเงยหน้า หญิงสาวจึงเห็นว่าใบหน้าของเขาแดงเหมือนโดนต่อยมา และดวงตาก็ช้ำจากการร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้นตริณ”
หญิงสาวเดาไม่ถูก เพราะเธอไม่รู้ว่าเขมิกาจะไปที่ไหนหรือทำอะไรกับใคร เพราะปกติก็เห็นแต่ตัวติดกับตริณตลอด
ชายหนุ่มพยายามหลับตาสูดลมหายใจ เพื่อต้องการเรียกสติให้สามารถเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้
“สองคนนั้นไปที่โรงแรมม่านรูด และเราก็ไปจอดรถดักรอที่หน้าโรงแรมจนทั้งคู่ออกมา เสร็จแล้วเราก็ตัดสินใจถอยรถขวางเพื่อให้ทั้งสองคนลงมา”
ญาดากุมมือคนเล่าแน่น เพราะเธอพอจะเดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เราบอกผู้ชายคนนั้นว่าเขมเป็นแฟนเรา เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพาเขมเข้าโรงแรม แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือหมัดและคำตอบ ว่าเขาคือผัวของเขม”
ตริณทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง แต่ยิ่งเขาพยายามจะเก็บอาการมันยิ่งทำให้เขาดูแย่
“ใจเย็นก่อน แล้วเขมว่าอย่างไรบ้าง บางทีนายอาจเข้าใจผิดนะตริณ”
ญาดาพยายาหาเหตุผลมาปลอบใจทั้งที่ตัวเธอก็รู้อยู่ ว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ตริณต้องยอมรับความจริงอย่างเดียว
“เขมร้องไห้ เธอบอกผู้ชายคนนั้นเป็นสามีของเธอจริง ๆ เธอคบกับเขามาได้เกือบปีแล้ว และพ่อแม่ของเธอก็ยินดี”
จากจับมือก็เปลี่ยนเป็นกอดกัน ญาดาไม่รู้จะปลอบใจเพื่อนอย่างไร เพราะเธอเองก็ไม่เคยอกหักเต็มที่ก็แค่รู้สึกน้อยใจเท่านั้น
“ในเมื่อเธอไม่รักตริณ นายยังมีเพื่อน วันนี้เป็นวันปัจฉิมเราไปสนุกกับเพื่อน ๆ ดีกว่า”
ชายหนุ่มดึงมือเล็กที่กำลังจะพาเขาเดินเข้าไปในงานให้หยุดเดินก่อน
“เลิกเรียนไปบ้านเรานะ พ่อแม่เราไม่อยู่ เราไม่อยากอยู่คนเดียว เรากลัวเราคิดมากแล้วกลับไปง้อเขม นะญาดา”
หญิงสาวพยักหน้า เพราะเธอก็ไปบ้านของตริณอยู่แล้วบ่อย ๆ แต่ญาดาก็โทรศัพท์ไปบอกพ่อกับแม่ก่อนว่าจะกลับดึกหน่อย
เลิกเรียนตริณก็พาญาดากลับมาที่บ้านของเขาทันที เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป ชายหนุ่มก็หยิบเบียร์ในตู้เย็นของบิดามาดื่มตอนแรกก็ค่อย ๆ จิบ พอเริ่มได้ที่ก็ยกดื่มเหมือนน้ำ ญาดาได้แต่พูดห้ามแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจ
ตริณเริ่มเมา เขาก็เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดวนไปวนมาเกี่ยวกับคนรัก โทษตัวเองบ้าง ด่าชายคนใหม่บ้าง แต่ไม่มีสักคำที่เขาจะว่าเขมิกา
ชายหนุ่มเป็นโรคประจำตัวคือหอบหืด ญาดากลัวว่า ยิ่งเมาจะทำให้หอบ เธอจึงค้นหายาพ่นในกระเป๋าของตริณแต่ไม่เจอ
“ยาพ่นอยู่ไหน เอามาเตรียมไว้ ถ้าหอบขึ้นมา เราช่วยไม่ได้นะ”
“อยู่บนห้องนอน” คนตอบ ตอบแบบไม่ใส่ใจ
หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้องนอน เพื่อหายาพ่นเอง เพราะถ้าให้ตริณไปหาเองคงไม่เจอแน่ ๆ ญาดาสาละวนอยู่กับการค้นหายาได้ไม่ถึงห้านาที ตริณก็ตามขึ้นมาแล้วปิดประตูห้องนอน
“ตริณทำอะไร ปล่อยเรา นายเมามากแล้ว”
หญิงสาวพยายามดิ้นเอาตัวเองออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่ายแต่มันกลับยิ่งแน่นขึ้น จนทั้งคู่เซล้มไปบนที่นอน
“ไหนบอกจะอยู่เป็นเพื่อน ทิ้งให้นั่งอยู่ข้างล่างคนเดียวตั้งนาน”
“ก็มันหายาพ่นไม่เจอ ปล่อยเราได้แล้ว เราหายใจไม่ออกแล้วนะ”
ตริณเอาจมูกของเขามาชนกับจมูกของหญิงสาว สายตาที่ชายหนุ่มมองมาทำให้ญาดารู้สึกทั้งกลัวและปั่นป่วนท้องน้อยไปหมด
“ไม่มีใครรักเราเลย ญาดาเธอรักเราไหม”
คนถามเล่นมองสบตาใบหน้าแนบชิดคนถูกถามแบบนี้ มีเหรอที่ญาดาจะไม่หวั่นไหวพูดความในใจออกมา