บท
ตั้งค่า

๓ พรหมลิขิตผีผลัก (๑)

พรหมลิขิตผีผลัก

ภายในห้องจัดเลี้ยงที่หลงเหลือคนเพียงหยิบมือ พบปะพูดคุยกันเสร็จต่างก็กลับบ้านเพราะมีภาระหน้าที่ต้องทำ มีเพียงไม่กี่คนอยู่จนจบงานซึ่งเปรมสินีคือหนึ่งในนั้น หล่อนหมดเงินไปกับงานนี้ค่อนข้างเยอะจึงคิดจะกินให้คุ้ม

โดยมีเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาคอยอยู่เป็นเพื่อน ถึงใบหน้าจะแสดงออกถึงความเบื่อหน่ายมากแค่ไหน ก็อดใจเอาไว้พร้อมยิ้มรับไปกับคนเมาด้วย เสียงเพลงเปิดคลอไปกับบรรยากาศ คาดว่าอีกไม่นานคงต้องลากคนเมาขึ้นไปพักบนห้องนอนของโรงแรม

“ไม่เมาไม่กลับ ชน!” ยกขวดเหล้าขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้า เพื่อนสองคนซึ่งปิดปากหาวถึงกับส่ายหัวพลางหันมาคุยกัน พรพนิต โภควินท์สาวหุ่นอวบที่ไม่เคยขาดความรักถอนหายใจเสียงดัง ยกมือกุมขมับยามเห็นภาพคนที่แม้แต่ยืนยังไม่ตรง

“มันไปตายอดตายอยากมาจากไหน เล่นดื่มเอาอย่างกับน้ำเปล่าขนาดนี้ ดีนะนอนโรงแรมถ้ากลับไปนอนบ้านสงสารป๊ากับแม่มันจริงๆ ที่ต้องเห็นสภาพลูกสาว” ในสายตาของพวกท่านคงเห็นลูกสาวเป็นเหมือนไข่ในหินแสนบอบบาง

ต่างจากความเป็นจริงของเปรมสินีเสียเหลือเกิน กล้าได้กล้าเสีย ชนเป็นชนไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือเปล่า ต่อยกับผู้ชายมานักต่อนักแล้ว ถือเป็นบุคคลที่ชายหลายคนขยาดแต่ก็น่าแปลกที่มีแฟนมาตลอดไม่เคยโสดนานเกินสามเดือน

อาจเพราะใบหน้างดงามของอีกฝ่าย ถึงได้ดึงดูดคนเข้ามาคุยไม่ขาดสาย

“แล้วมึงจะนอนกับมันหรือเปล่า” ณฤดี ชัยรัมภาสาวหุ่นน้อยร่างบางที่เพิ่งแต่งงานเมื่อปีก่อนปิดปากหาว อยากกลับตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่กล้าทิ้งเพื่อนไว้คนเดียว จึงต้องนั่งคุยเล่นแล้วคอยปลอบคนเมาไม่ให้ฟูมฟาย

ถึงปากจะบอกว่าลืมแฟนเก่าได้แล้วแต่ใจก็ยังเจ็บปวด ไม่รู้เจ็บเพราะรักหรือว่าแค้นกันแน่

“แฟนกูมารับ” ตอบเสียงเบา

“ผัวกูก็มารับเหมือนกัน” คนมีครอบครัวก็ถอนหายใจหลังพูดจบ ต่างสบตาอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนที่พรพนิตจะกระแอมแล้วเหลือบมองเพื่อนของตนซึ่งตนนี้ยังคงมีความสุขกับสุราตรงหน้า แล้วดูท่าจะไม่ยอมออกจากห้องจัดเลี้ยงง่ายๆ ซะด้วย

“มันนอนคนเดียวได้น่า อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว...”

“กูก็คิดเหมือนมึง” ยกยิ้มมุมปากเมื่อทั้งสองตกลงกันได้แล้ว รู้ว่าตนรอดตัวก็เข้าประกบร่างแบบบางทันที พร้อมแตะไหล่เพื่อเรียกสติคนเมา ไม่รู้ว่าตอนนี้ตาหวานหยาดเยิ้มมากแค่ไหน คล้ายคนไม่มีกระดูกพร้อมไหลลงนอนบนพื้นตลอดเวลา

เจอเพื่อนพี่น้องที่งานคืนสู่เหย้าก็ยกดื่มตลอด เธอมีความสุขมากกับการได้หวนคืนอดีต ทำให้นึกถึงเรื่องราวบางอย่างที่ตัวเองหลงลืมไป

ความรักซึ่งทำได้เพียงเก็บซ่อน...

“ปิ๊ม เมาแล้วเดี๋ยวกูไปส่งที่ห้อง คนอื่นเขากลับกันจะหมดแล้ว”

“อือ ไป ไปต่อกันดีไหม ยังไม่อยากนอนเลย เราไปบาร์ข้าง อึก ล่างกันดีกว่า” ชักชวนเพื่อนทั้งสองจนณฤดีถึงขั้นหัวเสีย

“โอ๊ย เหลือไว้แดกวันอื่นบ้างเถอะแม่คุณ กะจะดื่มให้ตายไปข้างเลยหรือไง ไปๆ ขึ้นห้องได้แล้ว ไหนกุญแจห้อง” ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบประคองเพื่อนสนิทให้ลุกยืน ถามหาคีย์การ์ดเพื่อจะได้พาขึ้นไปพักข้างนอกแล้วตนก็ถึงเวลากลับบ้านสักที

“นี่”

“มา” เพื่อนสนิททั้งสองรีบแบกคนเมามายังกล่องโดยสาร มองตามกุญแจที่เขียนหมายเลขห้องก็หยุดอยู่ชั้นเจ็ด เดินตามหาห้องสักพักโดยมีเปรมสินีให้ความร่วมมือบ้าง ถึงศีรษะจะโงนเงน สายตามองถนนเอียงไปมาก็ยังพยายามเดินให้ตรง ไม่อยากเป็นภาระของผู้อื่น

กระทั่งหยุดยืนหน้าห้องตามหมายเลข...สองคนจึงหันมองหน้ากันเพื่อถามย้ำว่าใช่หรือเปล่า

“ห้องนี้เหรอ”

“เออ ห้องนี้แหละ ก็คีย์การ์ดโชว์หราขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ห้องนี้แล้วจะพามันไปนอนห้องไหน...แป๊บนะผัวโทรมา” ปล่อยร่างคนเมาให้เพื่อนอีกคนแบกเพื่อจะได้รับโทรศัพท์ จนหล่อนเกือบรับน้ำหนักของเปรมสินีไม่ไหว

“ฝากมันหน่อยนะ ผัวกูรอข้างล่างแล้ว” คุยเพียงครู่เดียวก็วางสายแล้วหันมาบอกอย่างรวดเร็ว ค่อยวิ่งไปที่ลิฟต์เพื่อลงมาข้างล่าง หลงเหลือเพียงพรพนิตที่มองตามแล้วบ่นพึมพำคนเดียว ค่อยเหลียวมองคนเมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“อ้าว ทิ้งกันซะงั้น...” ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจะปล่อยมันนอนตรงหน้าห้องให้รู้แล้วรู้รอด

แต่สิ่งที่ทำคือไขกุญแจเปิดประตู ระหว่างที่กำลังจะพาอีกฝ่ายเข้ามาในห้องก็สัมผัสได้ถึงเสียงสั่นของโทรศัพท์ตน เห็นข้อความจากแฟนหนุ่มจึงยิ้มกริ่ม แตะไหล่เล็กเป็นการบอกลา

“มึงๆ กูเปิดให้แล้วนะ เดินเข้าไปนอนเองเลย แฟนกูรออยู่ข้างล่าง” เปิดประตูให้อีกฝ่าย คิดว่าด้วยระยะทางแค่นี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาหากเปรมสินีจะเดินเข้าไปเอง ส่วนตนก็เร่งรีบลงไปข้างล่างเพราะแฟนรออยู่หน้าโรงแรมสักพักแล้ว

คนเมาปรือตาเล็กน้อยแล้วหยัดกายลุกด้วยความยากลำบาก เดินเข้ามาในห้องก่อนปิดประตูจนมันล็อคอัตโนมัติ ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความมืดมิด มีเพียงแสงไฟที่ส่องผ่านหน้าต่างบานกว้างเท่านั้นพอทำให้หล่อนมองเห็นเตียงซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง

“อือ” ครางในลำคอเมื่อสัมผัสถึงความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศ หล่อนเพิ่งเข้ามาไม่คิดว่ามันจะทำงานให้ความเย็นเร็วขนาดนี้

“เตียง...นอน” ล้มตัวลงบนเตียงนุ่มทันทีพร้อมเลิกผ้าห่มมาคลุมกาย ท่านอนประจำของเธอคือคว่ำหน้าแล้วหลับตาพร้อมเข้าสู่ห้วงนิทรา จากตอนแรกที่คิดว่าตัวเองสามารถดื่มได้อีก แต่เอาเข้าจริงก็ต้องประมาณตนว่าเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว

เธอพึมพำเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน คนที่นอนรอคอยก็แอบยิ้มเอ็นดู ได้กลิ่นเหล้าจากกายแบบบางก็นึกฉงน หล่อนมาสัมมนาเหตุใดถึงได้ดื่ม

ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็ปัดความคิดไร้สาระนั้นออกทันที ค่อยขยับเข้ามาใกล้ร่างบางพลางแต้มยิ้มที่มุมปาก เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของหล่อนใต้แสงสลัวจนแทบมองไม่ออก แต่รับรู้ถึงความงดงามของอีกฝ่าย

“มาแล้วเหรอครับ ผมไม่ได้เปิดไฟกลัวว่าคุณจะแสบตา” กระซิบเสียงแหบพร่าแล้วหมายจะขยับใบหน้าเข้าใกล้เธอเพราะได้ยินเสียงหวานพึมพำบางอย่าง

“นอน”

“ง่วงแล้วเหรอครับ เราจะนอนกันเลยเหรอ” นึกว่าเราจะมีกิจกรรมทำร่วมกันเสียอีก คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยแต่ก็ยินยอมพร้อมใจทำทุกอย่างตามความต้องการของรัญธิดา เขาต้องทำให้เธอกลายเป็นภรรยาในอนาคตของตนให้ได้

ผู้หญิงที่ตรงตามมาตรฐานซึ่งเขาวางเอา...คือเธอผู้เดียว

“อือ”

“นอน หมายถึงนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย...เหรอ”

“อือ” ครางอืออึงในลำคอจนเขายอมจำนน ห่มผ้าให้เธอเพื่อคลายความหนาวจะเครื่องปรับอากาศ แล้วค่อยเอี่ยวกายไปหยิบโทรศัพท์มารับ กลัวว่าเสียงดังจะปลุกให้เธอตื่นจากนิทรา ไม่อยากหลบกวนหญิงสาวถึงได้ลุกจากเตียงด้วยเสียงแผ่วเบา

“ฮัลโหล” กรอกเสียงทักทายเพื่อนสนิทของตัวเอง

‘คุณรัญไปยังวะ’ พวกเขาเปิดทางให้ลาภิศร์เพื่อหวังว่าเพื่อนจะสมหวังในความรัก แอบแวะไปงานคืนสู่เหย้าแค่ครู่เดียวก็ขึ้นมารออยู่ในห้อง หัวใจเต้นโครมครามแสดงถึงความตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด

นึกอยากให้หญิงสาวประทับใจในรสรักของตน ไม่คิดเลยว่าเธอจะเมาจนทำได้เพียงแค่หลับตานอน

“มาแล้ว พวกมึงกลับได้เลยแล้วค่อยมาพรุ่งนี้เช้า แค่นี้นะ” ตัดสายอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง มองเธอหลับแล้วเกลี่ยผมสวยที่ปล่อยสยายส่งกลิ่นหอม จนต้องโน้มใบหน้าลงไปสูดดมให้เต็มปอด

“แค่นอนด้วยกันก็ยังดีวะ หึหึ พรุ่งนี้เสร็จผมแน่คุณรัญ” ล้มกายลงนอนข้างหล่อน แต่แล้วสิ่งที่มาคาดคิดก็เกิดเพราะเธอขยับเข้ามาโอบกอดตนเอาไว้ พลางซุกใบหน้าไว้ที่แผงอกกว้างเหมือนต้องการหาความอบอุ่น แล้วอกของเขาก็เหมาะเหลือเกิน

“คุณ คุณรัญ...กอดกันแบบนี้จะดีเหรอครับ คุณเมาผมไม่อยากล่วงเกิน เห็นผมเป็นอย่างนี้ก็สุภาพบุรุษนะครับ” พูดชมตัวเองแล้วแอบอมยิ้ม ค่อยกอดตอบหล่อนเช่นเดียวกันอย่างเก้ๆ กังๆ กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

“อากาศมันหนาวกอดกันอุ่นดีครับ” ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อหล่อนขยับศีรษะเข้ามาใกล้ เขาถึงกับต้องเม้มปากแน่นไม่ให้ยิ้มจนปวดแก้ว พึมพำกับตัวเองแล้วเหม่อมองเพดานราวกับว่ากำลังนอนอยู่บนสรวงสวรรค์

“หัวใจกูเต้นแรงกว่าเสียงแอร์อีก เฮ้อ ความสุขมันเป็นแบบนี้แหละ”

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า...เราก็จะได้ขยับความสัมพันธ์แล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ต้น ต้น!”

นอกจากเสียงประตูที่เคาะดังสนั่นจนที่กำลังหลับใหลต้องลืมตาตื่น ก่อนพบว่าความมืดของเมื่อคืนถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจนต้องหรี่ตาใช้เวลาในการปรับแสงชั่วคราว ค่อยผินหน้ามองคนที่นอนอยู่ข้างกาย ซึ่งตอนนี้เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของหล่อน

หญิงสาวไม่ได้ตื่นตามเสียง เพียงแค่ครางฮึมฮัมในลำคอคล้ายรำคาญแล้วนอนต่อ ผมดำขลับปกปิดดวงหน้าหวานไว้จนหมด ถึงอยากใช้นิ้วเกลี่ยมากแค่ไหนก็อดใจเอาไว้ ต้องทำตามแผนให้สำเร็จเสียก่อน

“อือ...แม่มาแล้วเหรอ!” ผุดลุกยืนเต็มความสูง คว้าชุดคลุมของโรงแรมมาสวมทับร่างกายของตนที่มีเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นอยู่ก่อนแล้ว ต้องแสดงละครให้แนบเนียนสักหน่อย พอเดินไปหน้าประตูไม่วายหันกลับมามองร่างบางอีกรอบ พร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปาก

“นอนหลับปุ๋ยเลยนะครับ หึ่ย ขนาดแผ่นหลังยังน่ารักเลยคนอะไรก็ไม่รู้” ดวงหน้าคมแย้มยิ้มมีความสุข หนทางสวรรค์อยู่อีกไม่ไกล เพียงแค่เขาเปิดประตูแล้วเล่นละครนิดหน่อย ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามความต้องการทั้งหมด

มือหนาเปิดประตูบานใหญ่แล้วพบกับกนกวดีที่หน้านิ่วคิ้วขมวด มองลูกชายด้วยสายตาเอาเรื่องเต็มที่ แต่เขาก็ไม่มีท่าทีโกรธหรือหวาดกลัวสักนิด พอถูกดันเข้ามาในห้องก็มองเพื่อนสนิทสองคนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel