๒ เธอต้องมีใจบ้างล่ะ (๑)
๒
เธอต้องมีใจบ้างล่ะ
หลังจากได้พบดวงหน้าผ่องของนางในใจ ทำให้ลาภิศร์ถึงกับเพ้อพกไปหลายวันแต่ไม่กล้าบอกใคร ตอนนี้ตนได้หาสะใภ้ที่คู่ควรให้มารดาเป็นที่เรียบร้อย เหลือก็เพียงแต่สาวเจ้าจะตกลงปลงใจกันหรือเปล่า ซึ่งเขาคิดว่าคงไม่ยากเกินความสามารถ
ขอเพียงแค่มีโอกาสได้ทำความรู้จักมากกว่านี้
แล้ววันนี้โอกาสนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า กำนันเสือต้องไปประชุมอยู่ห้องประชุมใหญ่ของที่ว่าการอำเภอ แน่นอนว่าคุณปลัดคนสวยต้องไปอยู่แล้ว อย่างนี้เขาจะพลาดได้อย่างไร ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสาง ใช้เวลาเลือกชุดเป็นชั่วโมง ไม่ลืมหวีผมจัดทรงหล่อเหลา
ต้องขอบคุณหน้าตาราวสวรรค์ปั้นแต่งที่บิดามารดาประทานให้ เขาจึงเป็นที่ต้องการของสาวน้อยใหญ่ เพียงแค่ยังไม่มีใครถูกตาต้องใจ
อีกอย่างคือความเจ็บช้ำในอดีต ที่ยังคงหลงเหลือบาดแผลเอาไว้ให้เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ทำให้เขารู้ว่าความรักจะซื่อสัตย์เพียงคนเดียวมันไม่พอ คู่รักก็ต้องซื่อสัตย์ด้วย
ร่างสูงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเรือนไทยหลังงาม เขาอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับบุพการี แต่บางครั้งก็ไปนอนบ้านปู่ย่าบ้างในยามที่ถูกมารดาบ่นจนคร้านจะฟัง ซึ่งบ้านสองหลังก็อยู่ในรั้วเดียวกัน หากวันไหนทำผิดหนักถึงจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากตายายที่รักหลายชายเป็นอย่างมาก เข้าข้างลาภิศร์ทุกเรื่องไม่ว่าหลายจะถูกหรือผิดก็ตาม
จนกนกวดีต้องบ่นพ่อแม่ของตนบ่อยครั้งนี้เรื่องนี้ กลัวว่าลูกชายจะเสียนิสัย เพราะที่เป็นทุกวันนี้ก็ต้องบอกต้องเตือนกันหลายเรื่อง โตเพียงอายุจนนางอยากหาคนมากำราบอีกฝ่ายให้อยู่กับร่องกับรอยบ้าง
“มึงจะไปส่งกูทำไม ไม่ต้องกูไปเองได้ ร้อยวันพันปีเคยมาสนใจงานกูตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้อยากเป็นอภิชาตบุตรหรือไง” คว้ากุญแจรถยนต์คันใหญ่จากมือของบิดา ยิ้มกว้างพลางขันอาสาน้ำเสียงแข็งขัน จนกำนันหนวดครึ้มถึงกับงุนงง
บุตรชายเคยย่างกรายเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเสียที่ไหน เคยบอกให้รอรับช่วงต่อตำแหน่งกำนันยังส่ายหน้าปฏิเสธ ทว่าวันนี้กลับต่างออกไป
“โธ่พ่อ ตอนนี้พ่อก็แก่แล้วสายตาฝ้าฟาง ถ้าเกิดขับรถไปชนใครเขาเข้าจะทำยังไง แม่ก็เป็นม่ายพอดีสิ” พูดจบก็ต้องรีบหลบเพราะกลัวว่าจะถูกเขกกบาล โดนบ่อยจนจับทางในการหลบได้แล้วจึงรอดตัวทุกครั้ง
“อ้าว มึงแช่งกูเหรอไอ้ต้น”
“เปล่าพ่อ ไม่ได้แช่ง...แค่เป็นห่วง ให้ผมขับไปส่งที่อำเภอแหละดีแล้ว จะได้ช่วยพ่อจดด้วยไงว่าเขาประชุมเรื่องอะไร ต้องกลับมาทำอะไรบ้าง พ่อจะได้ไม่ต้องจำเยอะ ใช้สมองของผมช่วยจำ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะสาย” ไม่พูดเปล่ารีบขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ปล่อยให้พ่อกำนันมองตามแล้วขมวดคิ้วมุ่น เริ่มสงสัยว่าลูกชายไปก่อเรื่องอะไรมาหรือเปล่า
คนอย่างลาภิศร์น่ะหรือจะมีน้ำใจขับรถไปส่งโดยไม่หวังผล...
“แปลกนะ มึงแปลกๆ นะวันนี้”
ไม่มีทางซะหรอก
ขับรถมาจอดหน้าอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นหอประชุมอยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอ มีรถยนต์หลายคันจอดเรียงรายตามข้างทาง ผู้ใหญ่บ้านและกำนันมาประชุมตามคำสั่งของนายอำเภอ สวมชุดสีกากีเดินกันว่อน
แต่สายตาของหนุ่มหล่อกลับไม่อยู่นิ่ง ชะเง้อมองทางซ้ายสลับขวาเหมือนต้องการหาใครสักคน ก่อนมุมปากหยักจะยกยิ้มสมใจ พบคนที่ตนถวิลหาพอดี เขาไม่รอช้าสะกิดบอกบิดาที่ยืนข้างกัน แล้วก้าวเข้าไปหาสาวสวยอย่างรวดเร็ว
“พ่อไปเลย ขอไปทักทายคนรู้จักแป๊บเดียว” บอกด้วยแววตาล่องลอย ค่อยเดินเข้าไปหาคุณปลัดคนสวย หล่อนยืนยิ้มคุยกับเพื่อนร่วมงาน แต่พอได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยทักจากทางด้านหลังก็หันมามอง พร้อมโปรยเสน่ห์ให้ชายหนุ่มหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะทันที
“สวัสดีครับคุณรัญ”
“คุณต้น มาได้ยังไงคะ” แค่ได้ยินชื่อของตนออกมาจากปากอวบอิ่มก็หัวใจอ่อนยวบ เขายิ้มกว้างกว่าเดิมพลางขยับเข้าไปหาหล่อน
หลายคนบอกว่าลาภิศร์เจ้าชู้ตัวพ่อ แพรวพราวมากเสน่ห์ โดยไม่รู้ความจริงเลยว่าเขาก็แค่คนที่ต้องการความรักเท่านั้น ไม่เคยคบซ้อนสักครั้ง มีเพียงช่วงที่โสดถึงได้คุยหลายคนเพื่อจะได้ศึกษานิสัยใจคอว่าเข้ากันได้หรือเปล่า
แล้วผู้หญิงที่เขาคบจนขึ้นชื่อว่าแฟนก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น คนล่าสุดสร้างความเจ็บช้ำไว้ให้อย่างแสนสาหัส จนไม่กล้าจะเปิดใจให้ใคร
กระทั่งได้พบรัญธิดา วาดศรีชัย...
หัวใจของเขาได้บอกว่าเธอนี่แหละที่จะมาเป็นสะใภ้บ้านก้องคำราม
“ผมมาส่งพ่อน่ะครับ เลยถือโอกาสมาทักทายคุณรัญด้วย เที่ยงนี้ว่างหรือเปล่าครับ อยากชวนไปกินข้าวด้วยกัน” รีบเข้าเรื่องย่างรวดเร็ว เจอหน้ากันครานั้นก็แทบไม่ได้พบกันอีกเลย ถึงเขาจะพยายามส่งข้อความและชวนคุยแต่เหมือนว่าหล่อนจะถามคำตอบคำ
ไม่ค่อยอยากเสวนาด้วย จนกลายเป็นความกังวลว่าตนไม่ดีตรงไหนสาวถึงไม่ต้องการสานสัมพันธ์ ทั้งที่คนอื่นต้องการเขา
แต่เธอต่างออกไป ลาภิศร์จึงยิ่งมั่นใจว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิด นี่คือแม่ของลูกที่ตามหามานาน
“ไม่ว่างเลยค่ะ พอดีตอนเที่ยงทางอำเภอนัดรวมกินข้าวด้วยกัน ขอโทษนะคะ” คำปฏิเสธของหญิงสาวกรีดแทงไปถึงหัวใจของคนชวน เขาพยายามยิ้มแย้มทำเหมือนไม่เป็นอะไร เข้าอกเข้าใจหล่อนนักหนา
“ไม่เป็นไรครับ ไว้โอกาสหน้าก็ได้”
“สะดวกเป็นวันเสาร์ไหมคะ รัญว่างพอดี” คราวนี้รีบพยักหน้าไขว่คว้าโอกาสที่จะได้อยู่กับเธอตามลำพังเอาไว้
“สะดวกครับ สะดวกมากๆๆๆ ผมไม่มีงานวันนั้นพอดี เหมาะเจาะอะไรอย่างนี้นะครับ”
“ถึงวันจะไลน์บอกสถานที่นะคะ รัญขอไปคุยงานกับกำนันก่อนนะ”
“ครับ เชิญเลยครับ” ผายมือพร้อมเปิดทางให้แก่หล่อน มองตามแผ่นหลังแบบบางที่อยาภายใต้ชุดสีกากีด้วยแววตาชื่นชม เขายิ้มกว้างมีความสุขเพียงแค่คิดว่าจะได้ไปรับประทานอาหารกับเธอเพียงสองคน เป็นไปตามความต้องการของตนทุกอย่าง
ลาภิศร์เดินมาหาบิดาที่กำลังยืนนิ่งมองลูกชายอย่างรู้ทัน คนอะไรมองง่ายเสียเหลือเกิน ไม่มีมาดเอาเสียเลย...
เหมือนตอนที่ตนจีบครูสาวไม่มีผิด ลูกได้ตนไปเต็มๆ กำนันเสือคิดในใจแล้วหวังว่าโชคชะตาคงไม่เล่นตลกกับความรักของอีกฝ่ายเหมือนคราวตัวเอง
“ที่มึงตามมาส่งพ่อถึงอำเภอเพราะต้องการมาจีบสาวว่ายังงั้นเถอะ กูคิดแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล” เหลือบมองปลัดคนใหม่ที่สวยหยาดเยิ้มมีรอยยิ้มหวานประดับใบหน้า ไม่แปลกใจที่ลูกชายของตนจะชอบ
ขนาดไทป์ที่ชอบยังเหมือนพ่อ ลาภิศร์นี่ลูกพ่อจริงๆ
“อะไรล่ะพ่อ เพ้อเจ้อ ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” ปฏิเสธแล้วหลบหน้าทันควัน จนเสือยกยิ้มนึกชอบใจกับอาการของลูกชาย
“คิดว่ากูรู้ไม่ทันมึงหรือไง เรื่องพวกนี้กูผ่านมาแล้ว”
“พ่อหาทางกลับเองนะ ผมต้องไปซ่อมรถ บาย” โดนล้อหนักเข้าก็รีบหาทางชิ่งอย่างรวดเร็ว เขาเดินออกจากหอประชุมเมื่อได้ความตามต้องการ ทิ้งบิดาเอาไว้กับกลุ่มคนอาชีพเดียวกัน ไม่หันหลังกลับมามองถึงจะโดนเรียกรั้งไว้ก็ตาม
“ไอ้ต้นกลับมาก่อน ไอ้ต้น!” รู้อย่างนี้ขับรถมาเองซะก็ได้
แล้วเขาจะกลับบ้านอย่างไรล่ะ!
ระหว่างทางกลับบ้านเพิ่งคิดได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเช้า ร่างหนาจึงจอดรถข้างทางเมื่อพบร้านที่ว่างอยู่ใกล้กับที่ว่าการอำเภอ ด้วยเป็นเวลาเช้าใกล้เข้างานบนท้องถนนจึงเต็มไปด้วยรถราสัญจร เท้าหนักย่างเข้ามาในร้านที่เหลือโต๊ะว่างไม่กี่ที่
“กะเพราหมูสับกับไข่ดาวเยิ้มหนึ่งจานครับ” สั่งอาหารเรียบร้อยก็เดินเข้ามานั่งยังโต๊ะว่าง ระหว่างรอไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข่าวคราวของเพื่อน
หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงก็เข้าทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่ แต่เขาไม่อาจทนกับระบบที่ตรากตรำทำงานทั้งวันทั้งคืนแต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนอย่างที่คาด ไหนจะปัญหาเพื่อนร่วมงานโยนงานทุกอย่างมาให้ เขาทนทำไปเกือบปีจนตัดสินใจลาออก ค่อยมาเริ่มต้นใหม่ที่บ้าน
งานที่เขาทำคือรับธุรกิจซ่อมรถต่อจากบิดา งานแต่ละวันไม่ค่อยจำเจเท่าไหร่เพราะมีอะไรให้ท้าทายตลอด แต่ความน่าหงุดหงิดเดียวที่เกิดขึ้นคือต้องฟังมารดาบ่นทุกเรื่อง ยังดีที่บางครั้งได้บิดาช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นตนคงโดนบิดหูวันล่ะสามเวลา
“นี่จ้า” อาหารน่ากินมาวางตรงหน้า เขาค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณพร้อมลงมือกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้เงยหน้ามองรอบร้านจนกินเกือบหมดจึงได้เห็นว่ามีคนเดินเข้ามา ดวงตาคมเหลือบมองหล่อนพร้อมเพ่งสายตาเพื่อมองให้แน่ใจ
“พี่โรงเรียนเปล่าวะ...”
หรี่ตามองอีกครั้งแต่พอเห็นว่าหล่อนกำลังจะหันมาจึงรีบก้มหน้ากินข้าวไมพูดจาสักคำ เขาเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วเลือกเข้าเรียนที่เมืองหลวงทันที ทั้งที่มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แต่ตอนนั้นตนมีปณิธานจะเรียนตามที่บิดาเรียน มองพ่อเป็นตัวอย่างทุกด้าน...ยกเว้นการหาเมีย
เรื่องนั้นจะไม่เอาเป็นแบบอย่างเด็ดขาด
เงาใหญ่ทาบทับกายจนเขาต้องเงยหน้ามอง พบหญิงสาวหน้าตาผุดผ่องเดินมายืนประจันหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวหล่อนก็นั่งลงประชิดกาย พร้อมวางจานข้าวของตัวเองไว้ ใช้ช้อนตักข้าวจนพูดแล้วยัดเข้าปากของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย อะไรวะพี่ โต๊ะมีตั้งเยอะมานั่ง อ้าม” ตกใจจนต้องถามเพื่อให้คลายสงสัย แต่เขายังพูดไม่ทันจบเธอก็ยัดข้าวเข้าปาก ลาภิศร์เบิกตากว้างไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้
มั่นใจแล้วว่าหล่อนคือรุ่นพี่ร่วมโรงเรียนที่ห่างกันเพียงปีเดียว ความสวยของเธอเป็นที่ประจักษ์แต่กลับไม่มีชายใดกล้าเข้าใกล้ เพราะฉายาความโหดก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
เคยต่อสู้กับผู้ชายสามต่อหนึ่งจนชนะมาแล้ว ไหนจะมีเรื่องกับคนที่ไม่ชอบกลางโรงอาหาร เขายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นอย่างดี จากที่นึกชื่นชมใบหน้างดงามกลับกลายเป็นกลัวฉับพลัน แล้วสาบานกับตัวเองในใจว่าจะไม่มีวันเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด