ตอนที่ 3.ว่าที่นักศึกษาแพทย์..
ฉันกระซิบบอกแม่ “รสาไปห้องน้ำนะคะแม่” แล้วก็เดินเร็วๆ ตามหลังพี่ชายคนใหม่ไป เขาเดินไปทางทิศเดียวกับห้องน้ำนั่นแหละ แม่ฉันเลยวางใจ ไม่ได้เดินตามมา
ฉันกวาดตามองหาเขา แต่กลับไม่เห็นเขาเลย ฉันพยายามชะเง้อมอง จนกระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วๆ ดังลอดออกมาจากพุ่มไม้
ฉันมุดเข้าไปในพุ่มไม้นั่น พี่ชายคนใหม่นั่งกอดเข่า ใบหน้าของเขาซบอยู่ตรงหว่างขา น้ำตาของฉันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ฉันรับรู้ถึงความเศร้าที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเขา คงเพราะฉันสะเพร่า การขยับตัวของฉันเลยดึงพี่ชายออกมาจากห้วงเหวของความทรมาน
พี่ชายเงยหน้า หยาดน้ำตาของเขายังค้างอยู่บนร่องแก้ม
เขาใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาและถามฉันเสียงแหบๆ “ตามพี่มาทำไมคะ?”
ฉันเม้มปาก ยกหลังมือปาดน้ำตาที่ไหลพรากๆ ทิ้ง “รสาเป็นห่วงพี่ค่ะ”
ลุคฝืนยิ้ม ยกมือขยี้เส้นผมสีดำสนิทของน้องสาวเพื่อน “พี่ไม่เป็นไร”
“เป็นค่ะ รสารู้” ฉันย้อนทันควัน “แต่พี่ยังมีรสานะคะ รสาจะอยู่ใกล้ๆ พี่ ไม่ไปไหนเด็ดขาด” ฉันยืนยันคำพูดตัวเองด้วยการยื่นมือสั่นๆ วางบนหัวเข่าของพี่ชาย ผิวเนื้อของเขาค่อนข้างอุ่น
“ขอบใจนะ” ลุคตอบ แล้วก็พยายามลุก แต่คงเพราะเรี่ยวแรงของเขาเหลือน้อย เขาแทบไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย นับตั้งแต่วันที่ได้รับข่าวร้าย
“พี่หิวใช่มั้ยคะ นี่คะ รสาเอามาเผื่อ” ฉันหยิบขนมที่แอบซุกไว้ในกระเป๋ากระโปรงยื่นให้พี่ชาย พร้อมกับซองที่ฉันเตรียมไว้
“อะไรคะนี่?” ลุคถามกลับ เขาหยิบขนมแต่ไม่แตะต้องซองสีขาวที่น้องสาวเพื่อนพยายามยัดเยียดให้
“พี่ต้องใช้ค่ะ รสาอยากช่วย” ฉันยังไม่รู้ประสา แต่ฉันก็พอรู้เท่าที่แอบฟังผู้ใหญ่พูด พี่ชายต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แต่ทว่ากลับไม่มีสักคนที่ยื่นมือเข้าช่วย แม้แต่บิดาของพี่ชาย ฉันก็ยังไม่เห็น
“พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ลุคปฏิเสธ เขายัดขนมชิ้นนั้นใส่ปาก แล้วทำท่าจะผละออกไปไปด้านนอก
ฉันไม่ยอมแพ้ ฉันยัดซองนั้นใส่มือพี่ชายและกระโจนออกมาด้านนอก แล้วก็วิ่งกลับไปนั่งที่ด้านหลังพ่อกับแม่ พยายามไม่มองสบตาพี่ชาย ที่ส่งสายตาให้ฉันตลอด
ลุคเม้มปาก น้ำใจเล็กน้อยของน้องสาวเพื่อนทำให้ความหนาวเหน็บในใจของเขาลดลงเกินครึ่ง ทันทีที่ซองเงินนั่นนอนอยู่ก้นกระเป๋ากางเกง เหมือนร่างกายของเขาจะได้รับความอบอุ่น จนหัวใจที่แข็งชาลดความหนาวเหน็บลง “ลุค ต้องใส่ซองถวายพระ พอมีเงินสดไหมวะ?”
เมฆากระซิบถาม เขาล้วงกระเป๋ากางเกงและทำท่าจะเดินไปหาพ่อกับแม่
“มี ต้องใช้เท่าไหร่” ลุคถามกลับ
“สักพันก็น่าจะพอ เอาแต่แบงก์ย่อยนะ” เมฆาตอบ
ลุคดึงซองที่น้องสาวเพื่อนยัดเยียดให้ออกมา เขาหยิบธันบัตรส่งให้เพื่อนด้วยความรู้สึกอึ้งกับจำนวนเงินไม่น้อยในซองนั่น เขาสัญญากับตัวเอง วันไหนที่เขามีสตางค์ เขาจะคืนให้น้องสาวเพื่อนเป็นร้อยเท่าทีเดียว
“ดีจังมีแต่แบงก์ย่อย ไม่ต้องวิ่งไปแลก” เสียงเมฆาพึมพำ ลุค มองเลยไปที่น้องสาวเพื่อน
เด็กนั่นนั่งก้มหน้า แต่เขารู้ว่าเธอกำลัง ‘ยิ้ม’
วันแสนเศร้าผ่านไปได้เกือบสามอาทิตย์ พี่ชายข้างบ้านแทบไม่โผล่หน้ามาที่บ้านฉันเลย ฉันได้ยินพี่ชายพูดถึงเขากับพ่อแม่ สีหน้าของพี่ชายฉันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง รวมถึงพ่อแม่ฉันด้วย และทันทีที่ฉันได้ยินเรื่อง ‘ขายบ้าน’ ฉันก็พลอยรู้สึกใจหายแว๊บ พี่ชายน่าจะกำลังลำบาก ขนาดถึงขั้นขายบ้านที่เต็มไปด้วความทรงจำของแม่เขา ฉันแอบฟังคำตอบของพ่อ ซึ่งก็แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเหมือนกัน
“ต้องการใช้เงินเท่าไหร่ เอาที่พ่อก่อนไหมเมฆ ลุคจะได้มีที่นอน”
เมฆาส่ายหน้า จำนวนเงินค่อนข้างมาก ครั้งแรกที่ได้ยินเขาเองยังอดตกใจไม่ได้ แถมลุคเองติดต่อบิดาไม่ได้เลย ลุคเลยต้องรับภาระหนักคนเดียว เงินเก็บที่เขาเคยมี หมดไปกับงานศพแม่ เขาวิ่งวุ่นจนแทบหมดแรงและเกือบล้มฟุ๊บตอนที่ ‘เจ้าหนี้’ ของแม่บุกมาทวงเงินถึงบ้าน
“พ่อก็รู้ว่าหมอนั่นดื้อ” เมฆาบ่น
ลุคทำท่าจะไม่เรียนต่อ เขากล่อมแทบหมดแรงกว่าลุคจะยอมเปลี่ยนใจ
“คนคนนั้นก็ญาติข้างแม่ลุคไม่ใช่เหรอ รู้ว่าหลานลำบากยังมากดดันอยู่ได้” แม่ฉันบ่นพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ท่าทางพวกเขาอยากได้บ้านหลังนั้นน่ะครับ” เมฆาตอบบตามความรู้สึกตัวเอง