ตอนที่ 4 : เรื่องราวเปลี่ยนไป
ตอนที่
[3]
เรื่องราวเปลี่ยนไป
ว่ายังไงนะ!
โซฟาเบิกตากว้างขึ้น ความสับสนตีรวนในความคิด แรกเริ่มก็เห็นความสัมพันธ์ระหว่างซือเฟยฟาและสือหนิงอ้ายก็ไม่ได้เป็นแบบที่ได้ยินมา แล้วนี่ โจววั่งซูขอพระราชทานสมรสกับซือเฟยฟาเช่นนั้นหรือ มิใช่ว่าซือเฟยฟาเป็นผู้ขอ แต่เป็นโจววั่งซูกับบิดาที่มาขอเสียเอง
นี่มันอันใดกัน
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นซือเฟยฟา บุตรของแม่ทัพซือ” ชิงอี้เทียนฮ่องเต้ถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ หากกล่าวถึงบุตรีของแม่ทัพซือผู้นั้น นางก็ค่อนข้างที่จะเป็นที่พูดถึง แต่ในแง่ที่ไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมเท่าใดนัก...
“เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” แต่เสียงโจววั่งซูก็ตอบกลับอย่างหนักแน่น
หลังจากนั้นข่าวการพระราชทานสมรสก็กระจายไปทั่วเมืองหลวง แน่นอนว่าราชโองการไปที่ตระกูลซือของรุ่งเช้าในวันถัดมา
ตอนนี้เบื้องหน้าของโซฟาคือบุรุษและสตรีกำลังนั่งจิบชาด้วยกัน ผู้เป็นสตรีท่าทางเอียงอายจนเกินงามจนเกือบจะทำชาหกราดตัวเอง สตรีผู้นั้นคือ ซือเฟยฟา!!
“ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดท่านจึงทำเช่นนั้น แต่นั่นคงเป็นเพราะว่าท่านชอบข้าใช่หรือไม่” ว่าแล้วก้มหน้าลงด้วยท่าทางเอียงอายจนตัวบิด โซฟาที่เห็นเช่นนั้นก็เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
ในขณะที่โจววั่งซูกลับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับสตรีตรงหน้า
“ใช่ เป็นเพราะข้าชอบเจ้า”
หลังจากนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยสีชมพู บวกกับใส่ฟิลเตอร์กลิตเตอร์วิงค์ ๆ เข้าไปอีกสิบเท่า
ที่จริงมันก็น่าจะเป็นไปด้วยดีไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมบนหินสลักแบบนั้นได้ โซฟาคิดอย่างสงสัย.....
แต่แล้ววันหนึ่งในขณะที่โจววั่งซูไปไหว้พระที่วัดกับครอบครัว กลับเดินชนเข้ากับสตรีผู้หนึ่งจนนางเกือบล้มลงไป แต่ดีที่เขาสามารถรับตัวอีกฝ่ายไว้ได้ทัน สตรีในอ้อมกอดดูบอบบางทั้งยังดูอ่อนโยน นางคือ สือหนิงอ้าย สหายของซือเฟยฟานั่นเอง ในครานั้นโจววั่งซูไม่ได้คิดอันใดมาก แต่เมื่อต่อมาเขาได้พบกับสือหนิงอ้ายบ่อยครั้ง ก็ได้พบว่าสตรีผู้นั้นมีแรงดึงดูดบางอย่างที่น่าสนใจ
“หนิงอ้าย คุณชายโจวนั้นดีกับข้ามาก หากข้าแต่งงานกับเขา ข้า
ต้องเป็นสตรีที่โชคดีที่สุดในเมืองหลวงแน่” ซือเฟยฟาแสดงท่าที
ราวกับอยู่ห้วงแห่งความฝัน ยามที่กล่าวกับสหาย
“ข้าดีใจกับเจ้าด้วยนะเฟยฟา ส่วนข้า...ไม่รู้ว่าจะได้คู่ครองที่ดีเช่นเจ้าหรือไม่” ซือเฟยฟาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเข้าไปสวมกอดสหายไว้ทันที
“เจ้าต้องได้พบคนที่ดีแน่ เจ้าดีถึงเพียงนี้” นางกระชับอ้อมกอดของตน โดยที่ไม่ได้รู้เลย ว่าอีกด้านหนึ่งนั้น ใบหน้าของสหายกำลังบิดเบี้ยวเพียงใด
แม้ซือเฟยฟาไม่รู้ แต่โซฟารู้!!
หน็อย ยัยหนิงอ้าย ร้ายลึกเหมือนกันนะ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นติดต่อกันอย่างยาวนาน กายสาวสั่นสะท้านเมื่อไปถึงจุดสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดทั้งคู่ก็ล้มนอนกอดกันอย่างมีความสุข
“คุณชาย...อ้ายเออร์ คงเป็นได้เพียงเท่านี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ เป็นคนลับ ๆ ของท่าน” ว่าแล้วก็ก้มหน้าซุกลงกับอกกว้างของอีกฝ่ายอย่างน้อยใจในโชคชะตา
“อ้ายเออร์อย่ากล่าวเช่นนั้น ในวันข้างหน้า ข้ารับรองว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้าแน่”
“จริงหรือเจ้าคะ” ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจ
“จริงสิ”
“คุณชายโจว ข้ารักท่านเจ้าค่ะ”
ภาพทั้งหมดนั้นล้วนแต่อยู่ในสายตาของโซฟา หญิงสาวกำหมัดแน่นราวกับเป็นผู้ที่ถูกหักหลังเสียเอง เท่านั้นยังไม่พอ ยังเข้าไปหมายจะถีบทั้งคู่ให้กระเด็น แต่ไม่ว่าทำอย่างไรแรงถีบนั้นก็ไม่สามารถไปกระทบทั้งคู่ได้ เป็นเช่นนั้นยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับโซฟาเข้าไปอีก
ชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้ช่างเลวทรามเหลือเกิน!!
หนึ่งเป็นสหายที่ซือเฟยฟารักและไว้ใจ สามารถให้แม้กระทั่งว่าที่สามีของตนไปส่งสหายถึงจวนได้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่เคยหวาดระแวงและคิดสงสัยสิ่งใด สองคือบุรุษที่เป็นว่าที่สามีของนาง ผู้ที่อ่อนโยนจนทำให้นางมีความสุขราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝันตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ต่อหน้าซือเฟยฟาทั้งคู่ทำราวไม่มีอันใดเกิดขึ้น แต่ลับหลังก็แอบไปสมสู่กันอย่างไม่อายฟ้าดิน
นี่มันจะเลวทรามเกินไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ซือเฟยฟาไม่ได้รับรู้เรื่องราวเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะคำว่าไว้ใจ
อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะถึงวันมงคล มีหนึ่งผู้ตื่นเต้นดีใจกับสองผู้ร้อนรน
ผู้ที่ตื่นเต้นดีใจคือซือเฟยฟา แต่สองผู้ที่ร้อนรนคือ โซฟา และ สือหนิงอ้ายทั้งคู่ร้อนรนเพราะคิดว่าอย่างไรจะขัดขวางงานแต่งที่จะเกิดขึ้นได้ แม้จะมีความต้องการที่เหมือนกัน แต่มาจากเจตนาที่ต่างกัน
และในที่สุด โชคก็เข้าข้างสือหนิงอ้าย เพราะนางได้มีโอกาสช่วยฮองเฮา ที่โดนโจรป่าลอบทำร้าย ฮองเฮารู้สึกซาบซึ้งใจ จึงตอบแทนด้วยการรับอีกฝ่ายเป็นบุตรสาวบุตรธรรม และในเวลาไม่นานฮ่องเต้ก็ได้แต่งตั้งนางเป็นท่านหญิงเจียวลู่ ข่าวนี้เป็นที่ฮือฮาไปทั่วเมืองหลวง จากบุตรสาวของขุนนางธรรมดา กลายเป็นท่านหญิงผู้สูงศักดิ์
ซือเฟยฟาดีใจกับสหายจนแทบจะปิดภัตตาคารเลี้ยง แต่นางหารู้ไม่ว่าหลังจากนี้ชีวิตของนางกำลังจะเปลี่ยนไป....
หนึ่งคือสหายที่หายไป สือหนิงอ้ายไม่ได้มาเจอหน้ากันบ่อย ๆ เช่นเคย แต่นางเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะว่าสหายกำลังยุ่ง และฮองเฮาก็คงมีหลายอย่างที่อยากทำกับบุตรสาวคนใหม่ และสองคือว่าที่สามีของนางที่มีนิสัยที่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาเย็นชาขึ้นและไม่อ่อนโยนกับนางดังเช่นเคย....
เมื่อเขาไม่มาหานางและหายไป นางจึงต้องไปหาเขา นางตามหาเขาไปทุกที่ และเมื่อพบเขาก็ได้พบกับสีหน้าอันเบื่อหน่ายของเขาที่นางไม่เคยได้พบมาก่อน เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหวร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง ทั้งยังถามเขาว่าทำไม ๆ ซ้ำ ๆ อยู่เช่นนั้น แต่เขากลับบอกให้นางกลับจวนไปเสียและก่อนที่นางจะจากไป เขาก็เอ่ยสิ่งที่นางไม่คาดคิดว่าจะได้ยินออกมา
“ซือเฟยฟา ข้าไม่เคยชอบเจ้า ไม่แม้แต่จะมีเพียงเสี้ยวสักนิดที่ชอบเจ้า สตรีน่ารำคาญเช่นเจ้าผู้ใดไปจะชอบลง อย่ามาหาข้าอีก” นางที่ได้ยินเช่นนั้นจึงทุบลงที่อกแกร่งของเขาสองสามครั้งก่อนจะวิ่งหนีไปทั้งน้ำตานองหน้า ระหว่างทางก็พบกับสหายที่ไม่ได้พบกันนาน สือหนิงอ้าย อีกฝ่ายมีน้ำตานองหน้าและเข้ามาสวมกอดนางก่อนที่จะวิ่งหนีไป
ต่อมาข่าวก็ลือกันไปทั้งเมืองว่า ซือเฟยฟาทุบตีคู่หมายจนบาดเจ็บสาหัสเนื่องจากอิจฉาสหายที่กลายเป็นท่านหญิงเลยพาลไปลงกับโจววั่งซู....
ผู้คนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซือเฟยฟามีจิตใจคับแคบและไม่เหมาะสมกับโจววั่งซูสักนิด เขาเป็นถึงบุตรชายของท่านเสนาบดีของแคว้น ทั้งยังเป็นคุณชายอันดับหนึ่ง
ซือเฟยฟาแม้เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพ แต่ก็เป็นสตรีที่ไร้สติปัญญา ไม่ว่ามองอย่างไรทั้งคู่ก็ไม่เหมาะสมกัน
ต่อมาข่าวที่สะเทือนไปทั้งเมืองหลวงอีกครั้งนั่นก็คือ การยกเลิกพระราชทานสมรสระหว่างซือเฟยฟากับโจววั่งซู และเปลี่ยนเป็นการพระราชทานสมรสระหว่างท่านหญิงเจียวลู่และโจววั่งซูแทน
ข่าวนี้ทำให้ซือเฟยฟาร้องไห้เสียใจจนเป็นลมคาจวน!