ตอนที่ 2 : เรื่องราวบนหินสลัก 1/2
ตอนที่
[1]
เรื่องราวบนหินสลัก
วันหนึ่งจึงได้ไปขอโทษสหายอย่างจริงใจ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าซือเฟยฟานั้นกลับตบตีท่านหญิงท่ามกลางผู้คนมากมายอย่างไม่สนใจสายตาผู้ใด ทั้งยังก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายราวกับมิใช่คุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูง ท่านหญิงเจียวลู่แม้จะได้รับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจแต่ก็ไม่ถือโทษสหายเลยสักนิด แม้ตนจะพบรักกับคุณชายโจวก่อน แต่ผู้ที่ได้พระราชทานสมรสกลับเป็นซือเฟยฟาสหายของนาง ยามที่ถูกทุบตีและถูกก่นด่า นางจึงไม่ตอบโต้แม้เพียงนิด แต่แล้ว...ก่อนมงคลเพียงแค่หนึ่งวัน ซือเฟยฟาก็ได้ติดต่อมาทางจดหมาย ใจความในจดหมายกล่าวว่า รู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำไปในวันนั้น อีกทั้งเมื่อใกล้จะถึงวันมงคลแล้ว จึงอยากที่จะมอบของขวัญให้สหาย ทั้งเป็นการขอโทษและอวยพรให้สหายมีความสุขในชีวิตคู่ ท่านหญิงเจียวลู่ที่อ่านจดหมายก็รู้สึกดีใจยิ่งที่ซือเฟยฟาไม่โกรธให้ตน จึงได้รีบไปหาสหายที่จวนทันที
ผู้ใดจะรู้ว่านั่นจะเป็นวันสุดท้ายที่นางจะได้มีลมหายใจ.....
ซือเฟยฟาเรียกอีกฝ่ายไป มิใช่อยากจะขอโทษหรืออวยพรสิ่งใดให้ทั้งนั้น นางมีเจตนาจะเรียกอีกฝ่ายเพื่อจะสังหารต่างหาก ความคับแค้นใจที่ตนถูกช่วงชิงด้ายแดงกับบุรุษที่ตนมีใจ นางใช้มีดทิ่มแทงท่านหญิงอย่างไม่ลังเลแม้อีกฝ่ายขอร้องขอชีวิตเพียงใดก็ไม่เป็นผล เหตุการณ์คร่าชีวิตท่านหญิงนี้มีผู้เข้ามาเห็นการณ์นั่นก็คือ ซือจางจิ้ง พี่สาวต่างมารดาของซือเฟยฟา ซือจางจิ้งพยายามที่จะเข้ามาขัดขวาง แต่สุดท้ายก็ได้รับบาดเจ็บจากคมมีดของซือเฟยฟาเช่นเดียวกัน ในขณะนั้นท่านเจียวลู่ยังไม่ถึงแก่ชีวิตแต่บาดเจ็บหนัก ก็ได้เป็นเข้าพยายามช่วยเหลือซือจางจิ้ง แต่ก็ถูกซือเฟยฟาผลักจนกระเด็นออกไป และการกระทำเช่นนั้นยิ่งทำให้ซือเฟยฟาโมโหหมายจะเข้าไปจัดการท่านหญิงให้เรียบร้อยเสียที ในช่วงจังหวะนั้นอนิจจา ซือเฟยฟากับสะดุดขาตนเอง เป็นผลทำให้ล้มลงไป มีดที่ถืออยู่ในมือก็เสียบเข้าปลิดขั้วหัวใจของตนเป็นผลทำให้ขาดใจในทันที โจววั่งซูและอีกหลายคนที่ตามหาท่านหญิงก็ได้มาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโจววั่งซู เขารีบเข้าไปประคองหญิงอันเป็นที่รัก นางในอ้อมกอดมีน้ำตานองหน้าและได้กล่าวความในใจกับเขามากมาย ผู้คนที่เห็นล้วนแต่รู้สึกอดสู ไม่นานท่านหญิงเจียวลู่ก็ขาดใจอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษอันเป็นที่รัก เรื่องนี้ล้วนเป็นที่โจษขานกันไปทั่วเมืองหลวง นอกจากสงสารในชะตากรรมของทั้งคู่ที่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกันแล้ว ยังพากันสาปแช่งก่นด่า ซือเฟยฟา สตรีอำมหิตจิตใจชั่วร้ายที่กระทำการสังหารสหายสนิทได้ลงคอ ไหนจะทำร้ายพี่สาวต่างมารดาจนบาดเจ็บหนักอีก แม้แต่ท่านแม่ทัพยังต้องไปขอรับโทษกับฮองเฮาและฮ่องเต้ด้วยตนเองกับความผิดที่บุตรสาวของตนได้กระทำการลงไป
เรื่องราวความรักที่เป็นโศกนาฏกรรมจึงได้เป็นเรื่องเล่าที่ผู้คนเล่ากันต่อมาเรื่อย ๆ จนมีผู้คนรวมตัวกัน มาสลักเล่าเรื่องราวของทั้งคู่ลงบนหินสลักแผ่นใหญ่ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความรักและจิตใจที่ดีงามของท่านหญิงเจียวลู่ และให้ทุกคนได้ร่วมกันรู้ถึงความชั่วร้ายและพากันสาปแช่งสตรีอำมหิตเช่นซือเฟยฟาผู้นั้น
ซึ่งหินสลักที่ว่า ก็คือ หินแผ่นใหญ่เบื้องหน้าของโซฟานั่นเอง ว่ากันว่ามันมีอายุมานับพันปีแล้ว
ผู้ดูแลหลังจากเล่าเรื่องราวจบก็หันมองสตรีที่อยู่ด้านข้าง ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังกำหมัดแน่น พลางคิดในใจอีกฝ่ายก็คงจะรู้สึกสารท่านหญิงเจียวลู่และโกรธแค้นซือเฟยฟาดังเช่นผู้อื่นที่ได้ฟังเรื่องนี้เช่นกันแน่
แต่ผู้แลดูคงไม่รู้ว่าโซฟาแท้จริงแล้วเธอไม่ได้เห็นใจท่านหญิงเจียวจู่ และไม่ได้โกรธแค้นให้กับซือเฟยฟาดังเช่นที่ผู้ดูแลคิด
เธอกำลังขัดใจต่างหาก!
ซือเฟยฟา ทำไมคนผู้นั้นจึงได้โง่เขลานัก!
ตัวเองเป็นถึงบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ แต่ทำไมถึงได้ทำเรื่องที่สิ้นคิดเช่นนั้น บุรุษมีเป็นพันเป็นหมื่น ไปสนใจทำไมกับแค่ผู้ชายของเพื่อนเพียงแค่คนเดียว หล่อเหลานักเรอะ!!
โซฟาเก็บความหงุดหงิดนี้ไว้ในใจจนกระทั่งกลับโรงแรม และคืนนั้นเธอก็ฝัน
ในฝันเธอพบกับผู้หญิงที่หน้าตางดงามคนหนึ่ง เมื่อพบแล้วความหงุดหงิดก็เพิ่มขึ้นในใจอีกครั้ง จนสตรีผู้นั้นกล่าวขึ้นมาว่า
“ข้ามันน่าหงุดหงิดมากใช่หรือไม่”
เธอก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ซือเฟยฟา!!