บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ลงโทษ

หอสุราผิงฉี

เฉินลี่จูได้รับการฝึกฝนเรื่องการดื่มสุรามาไม่น้อยนางจึงคอแข็งนัก ผิดกับคุณชายเสเพลผู้นั้นที่เหมือนจะคอแข็งแต่กลับลิ้นพันกันหลังจากดื่มสุราหมดไปหนึ่งไห

หลังดื่มสุราลงไป อาการปวดท้องของนางก็กำเริบขึ้นอย่างรวดเร็ว จากที่แสบท้องเพียงเล็กน้อยบัดนี้นางกลับรู้สึกปวดท้องขึ้นมาจนทนแทบไม่ไหว

คงเป็นเพราะอาหารรสเผ็ดร้อนในท้องกับสุราที่ดื่มเข้าไปไม่น้อยกำลังเล่นงานจนบังเกิดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของนาง

ใบหน้าของเฉินลี่จูซีดเผือด กระทั่งริมฝีปากที่แต้มชาดสีแดงเอาไว้ยังปิดกลบไม่มิด

ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามมอมเหล้าคนผู้นั้นให้เมาเร็วขึ้น เพื่อที่ตนเองจะได้ปลีกตัวออกมา

คนเมายังคงขอซื้อตัวนางไม่หยุด ยังก่นด่าเหวินเฟยเทียนที่หน้าเลือดและเห็นแก่ตัวผู้นั้น

“แม่นางเฉินช่างงดงามยิ่งนัก ท่านยังมีสัญญาเท่าไหร่ข้าจะจ่ายค่าฉีกสัญญาให้ท่านดีหรือไม่ เอิ๊ก”

เขาจับมือของนางแล้วยึดข้อมือเล็กแน่นยังพยายามที่จะกอดนาง

“แม่นางเฉิน เป็นของข้าเถิด ข้าสัญญาจะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดี ไม่ให้ทำงานหนักเช่นนี้เด็ดขาด เหวินเฟยเทียนเป็นบุรุษหน้าเลือดแล้งน้ำใจ ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่าเขาใช้งานเจ้าหนักเพียงใด เจ้าอยากได้เงินเท่าใดบอกข้า แม่นางเฉินข้าชอบเจ้าจริง ๆ นะ”

มือของเขายังพันอยู่รอบกายพยายามล่วงเกินนางเต็มที่ กลิ่นเหล้ายังคละคลุ้งใบหน้าแดงก่ำ

เฉินลี่จูทั้งหลบเลี่ยงทั้งถอยหนี ทว่าเขากลับต้อนนางจนจนมุม

ในห้องนี้นอกจากเสี่ยวเฉียนแล้วผู้คุ้มกันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา เฉินลี่จูเองก็กลัวว่าตนเองจะไม่ได้รับสัญญาทางการค้าจึงยินยอมให้ผู้คุ้มกันรออยู่ข้างนอก

เสี่ยวเฉียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง อยากเข้ามาช่วยเหลือทว่ากลับถูกคุณหนูของตนเองห้ามปรามเอาไว้ด้วยสายตา

เขาดึงมือของนางไปจับเอาไว้ เฉินลี่จูได้จังหวะจึงบิดมือของตนเองเล็กน้อยก็สามารถคลายมือออกได้อย่างง่ายดาย

แม้ว่านางจะไม่เป็นวรยุทธ์ แต่การเอาตัวรอดเล็กน้อยนางก็ได้ร่ำเรียนมาบ้าง

“เจ้าไม่ชอบข้าหรือ ข้าชอบเจ้าจริง ๆ หากเจ้าตกลงข้าจะเอาสัญญามาให้เจ้า ไม่ว่าท่านพ่อจะเห็นด้วยหรือไม่ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา”

“ขอบคุณคุณชายที่เมตตาเจ้าค่ะ เกรงใจคุณชายยิ่งนัก ลี่จูคงรับไว้เพียงแค่ความปรารถนาดีของท่าน คุณชายดื่มอีกสักจอกสิเจ้าคะ เพื่อมิตรภาพของพวกเราสองคน”

ครานี้นางปวดท้องมากและคิดว่าเขาคงจะเมาฟุบลงไปในจอกนี้เป็นแน่ นางจึงเป็นฝ่ายป้อนสุราให้เขาเองด้วยมือของตนเอง คิดจะมอมเขาให้เมาหลับนางจะได้ปลีกตัวกลับเสียที

ปัง!

จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกถีบจนเปิดออกด้วยเสียงอันดัง

คนทั้งหมดหันไปมองบุรุษที่มาใหม่ คุณชายใหญ่สกุลจางหันมามองตามเสียงดวงตาแดงก่ำ ดวงตาของเขาพร่าลายมองเห็นเงาคนซ้อนกันที่หน้าประตู

“ใครบังอาจ เอิ๊ก ไม่รู้หรือว่าข้าคือผู้ใด”

เฉินลี่จูสบสายตาเข้ากับผู้ที่มาใหม่ ชายหนุ่มมองตรงมายังร่างบางใช้สายตาอำมหิตเย็นเยียบจับจ้องมาที่ร่างเล็ก

นางรู้สึกตัวแล้วว่าเป็นใครที่โผล่มา เขาจ้องดวงตาของนางแล้วขบกรามเอ่ยเน้นคำอย่างสะกดกลั้นโทสะ

“ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก”

นางรู้สึกกลัวเขาจับจิต คิดว่าเขาต้องเข้าใจนางผิดเป็นแน่ บัดนี้จึงลืมกระทั่งอาการปวดท้องที่เกิดขึ้น เขาหันหลังเดินจากไปแล้ว นางจึงไม่สนใจบุรุษที่เมาไม่ได้สติอีก

เท้าเล็กก้าวยาวจนแทบเป็นวิ่งไปหาเขา คนในหอสุราต่างมองตามร่างสูงหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยไอสังหารอยู่รอบกายอย่างขลาดเขลา และจากนั้นก็มองตามโฉมงามที่วิ่งตามด้วยความสงสัย

“เดี๋ยวก่อน นายท่าน ฟังข้าก่อนเจ้าค่ะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”

นางลืมอาการปวดท้องของตนเองไปชั่วครู่เพราะตกใจที่จู่ ๆ เขาก็โผล่มาได้จังหวะ

บัดนี้ด้านนอกพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ด้วยเพราะเป็นฤดูหนาวจึงทำให้มืดเร็วกว่าปกติ

เขาไม่ฟังนางใบหน้าบึ้งตึงโกรธเกรี้ยว ความเร็วของฝีเท้าไม่ได้ลดลงเลย ไม่นานร่างของเขาก็หายลับไปกับผู้คนบนท้องถนน

เสี่ยวเฉียนวิ่งตามมาติด ๆ พร้อมกับผู้คุ้มกันของนาง เสี่ยวเฉียนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนยืนกดท้องที่ปวดเพราะวิ่งมาเร็วอยู่ข้าง ๆ คุณหนูของตนเอง

“คุณชายไม่ชอบให้บุรุษถูกตัวคุณหนู เห็นคาตาเช่นนั้นคงโกรธมากเจ้าค่ะ”

เฉินลี่จูนิ่วหน้า ยามนี้เมื่อร่างสูงลับหายไปเฉินลี่จูจึงเพิ่งรับรู้ถึงอาการปวดท้องของตนเองที่มีมากจนทนไม่ไหว

นางนั่งลงกับพื้นกุมท้องเอาไว้ ใบหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าคนป่วย

“แย่แล้ว คุณหนูเป็นอันใดเจ้าคะ”

“ขะ ข้าปวดท้อง”

เสี่ยวเฉียนพยุงนางขึ้นมา หันไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า

“ข้าจะพาท่านไปหาหมอเจ้าค่ะ”

บุรุษที่ตามคุ้มครองนางไม่มีใครกล้าช่วยเหลือพยุงนาง เพราะรู้ดีว่าคุณชายของตนเองไม่ชอบให้บุรุษอื่นแตะต้องเฉินลี่จู กระทั่งเด็กคุณชายยังไม่ละเว้น ได้แต่มองตามหลังสตรีทั้งสองที่ประคองกันอย่างทุลักทุเลไปยังโรงหมอ

โชคดีที่โรงหมอของเมืองแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่นางวิ่งตามเหวินเฟยเทียนมา ในที่สุดเฉินลี่จูก็ได้รับการรักษา

ท่านหมอตรวจดูอาการแล้วเอ่ยว่า

“เป็นโรคกระเพาะ แม่นางผู้นี้มักจะกินข้าวไม่ตรงเวลาใช่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“ยังดื่มสุราฤทธิ์แรงเข้าไปอีก เช่นนี้ก็กินยานี่สักหน่อยอีกไม่ถึงชั่วยามยามอาการปวดจะบรรเทาลง จากนั้นก็ให้กินต่อเนื่องกันเจ็ดวัน อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลา แต่ระหว่างนี้ให้นางกินอาหารอ่อน ๆ อย่าได้กินของเผ็ดอีกเด็ดขาด”

ท่านหมอจ่ายเป็นยาลูกกลอนให้นางมาชุดใหญ่ เฉินลี่จูรีบกินเข้าไปทันใด

ท่านหมอยังเอ่ยต่อ

“ยานี่อาจทำให้เจ้ารู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอน อย่างไรก็ควรระมัดระวังให้ดี”

“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”

นางไม่อาจขยับกายได้ในยามนี้ จึงนั่งพักอยู่ที่โรงหมอชั่วครู่เมื่อรู้สึกดีก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว

ทุกครั้งที่มายังเมืองแห่งนี้พวกเขาจะพักค้างคืนที่โรงเตี๊ยมของหอเฟยเทียน หลังจากที่นางพอเดินไหวเสี่ยวเฉียนจึงประคองนางกลับโรงเตี๊ยมทันใด

เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยมเถ้าแก่ที่ดูแลรีบรุดมาหานาง

“คุณหนูท่านหายไปที่ใด คุณชายไม่เห็นท่านหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ผู้ใดก็ไม่กล้าเข้าหน้าแล้วขอรับ”

“นายท่านอยู่ที่ใด”

“เรือนพักรับรองด้านหลังขอรับ ดูท่าทางคุณชายแล้วเหมือนอยากจะสังหารใครสังคน ไม่รู้ว่าผู้ใดทำให้ไม่พอใจจึงได้มีท่าทางน่ากลัวเช่นนั้น ยังสั่งบ่าวทุกคนห้ามเข้าใกล้บริเวณนั้น นอกจากท่านเพียงคนเดียว”

นางยิ้มแหย ๆ

“จะเป็นผู้ใดเล่าหากไม่ใช่ข้า”

เถ้าแก่ถอนหายใจยาวออกมา รู้สึกสงสารคุณหนูผู้นี้จับใจ นอกจากจะทำงานยิ่งกว่าทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์หลายปีมานี้ยังต้องรองรับอารมณ์ขึ้นลงของคุณชายโดยไม่เคยปริปากบ่น

“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วยนะขอรับ”

เสี่ยวเฉียนกลับเอ่ยว่า

“คุณหนูรอท่านหายดีก่อนดีหรือไม่ ท่านยังปวดท้องอยู่นี่เจ้าคะ”

เฉินลี่จูส่ายหน้า

“เขาโกรธก็ต้องรีบง้อ หากปล่อยไว้นานเขาจะยิ่งโกรธ ยามนั้นข้าคงรับไม่ไหวแล้ว”

“แต่ไม่ใช่ความผิดท่านนะเจ้าคะ ท่านกำลังทำงานให้เขานะเจ้าคะ”

“ไม่เป็นไร ข้าจะคุยกับนายท่านเอง เจ้าไม่ต้องห่วงนายท่านไม่เคยตีข้า อย่างมากก็ตะคอกเสียงดัง ข้าพอจะเดินได้แล้วเจ้าไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องตามข้าไป นายท่านสั่งเอาไว้เช่นนั้นหากเห็นหน้าเจ้าคงไม่พ้นต้องถูกโบย”

เสี่ยวเฉียนบ่นอุบอิบ

“คุณหนูท่านยังจะมาโกหกข้าอีก ข้าเห็นชัดว่าคุณชายรังแกคุณหนูอย่างไร ร่องรอยบนร่างท่านพวกนั้นก็เพราะคุณชายที่ลงมือในทุกคืนมิใช่หรือเจ้าคะ”

เฉินลี่จูรีบยกมือปิดปากเสี่ยวเฉียน ก่อนที่นางจะกล่าววาจาเพ้อเจ้อทำให้ตนเองอับอายยิ่งกว่านี้อีก

“พอเถิด ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ เจ้าไปพักผ่อนเถิดข้าไม่เป็นอันใดจริง ๆ เจ้าก็รู้ว่าข้าสามารถรับมือเขาได้”

“คุณหนู”

“เสี่ยวเฉียนเชื่อข้าเถิด”

เสี่ยวเฉียนจนใจจึงยอมพยักหน้ามาส่งคุณหนูได้จนสุดทางไม่อาจเดินผ่านบริเวณนั้นได้จึงจำใจปล่อยคุณหนูเดินไปเข้าถ้ำเสือเพียงลำพัง

เฉินลี่จูสูดลมหายใจเข้าลึก นางยืดกายขึ้นก่อนจะร้องซี้ดออกมาเมื่ออาการปวดท้องกำเริบ แต่นางยังคงพอที่จะเดินไหวเรือนพักรับรองอยู่ด้านหลังโรงเตี๊ยมมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ขวางเอาไว้ เพียงเดินข้ามสะพานตรงหน้านางก็ไปถึงแล้ว

หญิงสาวเดินช้ากว่าปกติ กว่าจะไปถึงก็มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากเพราะอาการปวดท้อง

หน่วยคุ้มกันของเขายืนอารักขาอยู่ด้านหน้าสองคน หนึ่งในนั้นก็คือซูมิ่งซึ่งนับเป็นสหายคนสนิทของเหวินเฟยเทียน

เมื่อเห็นท่าทางซีดเซียวของนางจึงเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“คุณหนูเฉิน ท่านเหมือนไม่สบาย”

นางฝืนยิ้ม

“ข้าไม่เป็นไร ปวดท้องเล็กน้อยกินยาแล้ว ขอบคุณพี่ซูที่เป็นห่วง”

ซูมิ่งมองนางด้วยสายตาเวทนา ก่อนจะพยักหน้า เขาหันไปรายงานคุณชายของตนเอง

“คุณชาย คุณหนูเฉินมาแล้วขอรับให้เข้าไปหรือไม่”

ประตูเปิดผางออกทันใด ที่แท้เขาก็รู้อยู่แล้วว่านางมาแล้ว ใบหน้าของเขายังโกรธเกรี้ยวมองที่มือของนาง เขาเห็นเต็มตาว่านางป้อนสุราถึงปากให้คุณชายใหญ่ผู้นั้น

กรามถูกขบแน่น สีหน้าแดงจัดด้วยกำลังสกัดกั้นข่มโทสะให้ลดลง

“เจ้ารู้ว่าข้าไม่ชอบให้ผู้ใดแตะตัวข้า แต่เจ้าได้รับสิทธิพิเศษให้แตะต้องข้าได้ ดังนั้นเจ้าจึงต้องรักษามือและร่างกายของเจ้าให้ดีไม่สมควรแตะสิ่งใดเช่นกัน ยามนี้เจ้าถูกคนผู้นั้นสัมผัส เฉินลี่จูเจ้ามันสกปรกยิ่งนัก”

“คุณชาย ฟังข้าอธิบายก่อน”

“หุบปาก”

เฉินลี่จูเม้มปากทันใด ซูมิ่งสั่งให้คนของตนเองถอยห่าง ไม่อยากทำให้เฉินลี่จูได้รับความอับอายเมื่อถูกตำหนิต่อหน้าผู้อื่น

เหวินเฟยเทียนโน้มกายลงมาประชิดตัวนางสายตาคุกคามและคาดโทษ นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่ออกมาจากดวงตาของเขา

“ข้าให้เจ้าไปทำการค้า มิใช่ให้ไปขายเนื้อหนัง คนผู้นั้นคิดฉีกสัญญาซื้อเจ้าหรือ ฝันไปเถิด เจ้าคือนางบำเรอของข้า คือสตรีที่หากข้าไม่คิดจะปล่อยเจ้าไม่มีสิทธิ์คิดจะไปที่ใด อย่าแม้แต่จะคิด”

“นายท่าน ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้า...”

“ยังจะมาแก้ตัวอีก ข้าได้ยินทุกคำพูดของเขาที่โรงสุรานั่น ข้าให้เจ้าไปทำการค้าที่ภัตตาคาร แต่เจ้ากลับตามคนผู้นั้นไปที่หอสุรา ข้าเคยสั่งเจ้าว่าอย่างไร ยังกล้าขัดคำสั่งของข้า”

“นายท่านที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะเกรงว่าหากข้าไม่ตามใจเขา การเจรจาจะล้มเหลว ข้าทำอันใดผิดหรือเจ้าคะ”

“เจราจาล้มเหลวหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องมาคิดแทนข้า มิใช่ในใจเจ้าคิดเป็นอื่น หวังให้คนผู้นั้นยกย่องเจ้าเป็นฮูหยินหรือ เฉินลี่จูเจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างตนเอง คุณชายเจ้าสำราญพวกนั้นก็หลอกสตรีไปเรื่อย ไม่มีผู้ใดยกย่องนางบำเรอของผู้อื่นเป็นฮูหยินหรอกนะ เจ้ากำลังถูกหลอกแล้ว”

“นายท่าน...”

น้ำตาแทบจะร่วงพรูลงมา เริ่มแรกอาจจะเพราะความจำเป็นที่นางต้องอยู่กับเขา ทว่าหลายปีต่อมาความรู้สึกนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรักโดยไม่รู้ตัว

ทั้ง ๆ ที่นางทุ่มเทและซื่อสัตย์เพียงนี้ แต่เขากลับวางตัวตนของนางเป็นเพียงแค่นางบำเรอ แม้จะรู้ตัวดีแต่ก็ยังไม่เจ็บปวดเท่ากับที่เขาพูดในวันนี้

นางเจ็บปวดจึงตะโกนออกไปอย่างลืมตัว

“เช่นนั้นท่านก็คิดจะกักขังข้าตลอดชีวิตเลยหรือ ท่านลืมสัญญาแล้วหรือเจ้าคะ”

สีหน้าของเขาเขียวคล้ำ สบถออกมาคำหนึ่งแล้วเอ่ยว่า

“ที่แท้เจ้าคิดจริง ๆ ด้วย ใช่หรือไม่ข้าเดาไม่ผิด เจ้ายังคิดที่จะไปจากข้า ฝันไปเถิด อย่าได้หวังว้าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เจ้าคือนางบำเรอของข้าจำใส่ใจให้ดี”

อย่างไม่คาดคิด เขาดึงร่างของนางเข้ามากอดเหมือนเขากำลังคลั่งไปแล้ว ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระโปรงดึงกางเกงตัวในของนางลงมาแล้วถอดกางเกงของตนเองทันใด

“นายท่าน ที่นี่มันหน้าประตูนะเจ้าคะ ไม่ได้นะเจ้าคะ”

เฉินลี่จูย่อมรู้อารมณ์ของเขา แม้จะทะเลาะกันแต่นางก็ยังอับอาย แม้ตรงนี้จะมีแสงสว่างเพียงน้อยนิดแต่ก็มองเห็นร่างของคนสองคนได้ชัดเจน

เสียงของเขากดสั่น เอ่ยเพียงแต่ว่า

“เจ้าเป็นของข้า ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นของข้าไม่ว่าที่ใด”

เขาจับนางให้หันหลัง ตลบกระโปรงของนางขึ้นแล้วยัดแท่งหยกเข้ามาในร่องรักอย่างรวดเร็ว

เป็นเพราะเขาไม่ได้เล้าโลม และกำลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่นทำให้ช่องทางรักของนางไร้น้ำหล่อลื่น เมื่อถูกแท่งหยกใหญ่โตแทงพรวดเข้ามาเช่นนี้จึงทำให้นางแสบร้อนภายในช่องรักยิ่งนัก

“นายท่าน ข้าเจ็บ”

“จำให้ดี เจ้าคือสตรีของข้าผู้ใดก็อย่าบังอาจแตะต้อง”

เขากระแทกเข้าไปอีกครั้ง นางรู้สึกว่าช่องรักคล้ายจะฉีกขาด แท่งหยกของเหวินเฟยเทียนใหญ่โตนัก และเขาก็ไม่ปรานีนางเลยแม้แต่น้อย

น้ำตาของนางไหลออกมาทางหางตา เปล่งเสียงสะอื้นออกมาเล็กน้อย

“อ้ะ นายท่าน ข้าเจ็บเจ้าค่ะ อึก!”

นางถูกเขาจับใบหน้าให้เอี้ยวมาข้างหลัง จากนั้นริมฝีปากเย็นกระด้างก็บดจุมพิตลงมาอย่างหนักหน่วง เขาล้วงลิ้นเข้าไปในโพรงปากตวัดดูดเลียปลายลิ้นของนางอย่างกระหาย ก่อนจะลากลิ้นออกมาเลียน้ำตาของนางจนเหือดแห้ง แล้วกลับมาจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างดูดดื่มรุนแรง

นางไม่สามารถต้านทานเขาได้อีกแล้ว จึงได้แต่อ้าปากรับจุมพิตป่าเถื่อนนี้แต่โดยดี ได้ยินเสียงครางพึงพอใจเมื่อนางเริ่มตวัดลิ้นตอบรับเขา ริมฝีปากเคล้าคลึงและสะโพกที่อัดลงมาอย่างรุนแรงก็ผ่อนน้ำหนักลงเป็นช้า ๆ

“เจ้าเป็นของข้าใช่หรือไม่ ตอบข้ามา”

“เจ้าค่ะ ข้าเป็นของท่าน”

“ดี จำไว้ให้ดี”

ทว่าไม่นานนิ้วของเขาก็ขยับไปบี้ขยำตุ่มเสียว มือหนึ่งบีบคลึงถันของนางจากภายนอก ทำให้นางบังเกิดอาการเสียวสะท้านขึ้นมาโดยพลัน

“เห็นหรือไม่ มีเพียงข้าที่รู้ว่าต้องสัมผัสเจ้าตรงที่ใดจึงจะทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้ายอมรับเถิดว่ามีเพียงข้า”

นางกัดปากไม่อยากเปล่งเสียงครางออกมาให้เขาได้ใจ ทว่าเมื่อถูกระหน่ำแทงระรัวทั้งบีบบี้ติ่งไตหวานไม่หยุด นางก็ปล่อยเสียงครางออกมาแล้ว

คงเพราะอารมณ์ที่ดิบเถื่อนในร่างกาย ทำให้เขากระแทกนางระรัว เพียงไม่นานก็ดึงแก่นกายออกมา ฉีดพ่นน้ำรักไปจนเลอะแก้มก้นของนาง

หลังจากปลดปล่อยน้ำเชื้อออกมาแล้ว เขาจัดการดึงกางเกงของตนเองขึ้นมาจนเรียบร้อย

ขาของเฉินลี่จูสั่นระริก รู้สึกอับอายและอดสูนางตลบกระโปรงของตนเองลง

“นายท่าน ยกโทษให้ข้าแล้วใช่หรือไม่”

ใบหน้าของเขายังคงเฉยชา เขาไม่หันมามองใบหน้าของนางด้วยซ้ำ นางจึงได้ยินน้ำเสียงเย็นชาห่างเหินของเหวินเฟยเทียนดังขึ้น

“คุกเข่าสำนึกความผิดของเจ้าเสีย”

จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องปิดประตูดังปังอย่างไร้ไมตรี ครานี้น้ำตาของนางไหลพรากลงมาเป็นเม็ดถั่ว กัดฟันเอาไว้ไม่ให้เสียงร้องไห้เล็ดรอดออกไปให้เขารู้ว่านางอ่อนแอเพียงใด

ความน้อยอกน้อยใจพลันบังเกิดขึ้นมาในใจ ที่แท้นางก็ไม่มีความสำคัญกับเขาจริง ๆ ใช่หรือไม่ เขาจึงได้ลงโทษนางเช่นนี้

ลมอันหนาวเย็นพัดโชยกระทบใบหน้า ทว่าร่างกายของนางกลับไม่ได้รู้สึกหนาวเท่าหัวใจในยามนี้

นางดึงกางเกงของตนเองขึ้นมาด้วยมือที่สั่นระริก ก่อนจะคุกเข่าลงทั้งร้องไห้

อาการปวดท้องเริ่มกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง นางฝืนทนอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้ร่างโงนเงนล้มลงไป

เจ็บปวดทั้งร่างกายทั้งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างเหลือแสน

เสี่ยวเฉียนฝืนขัดคำสั่งแอบมาดูคุณหนูของตน พบว่านางกำลังคุกเข่าอยู่หน้าประตูอย่างน่าสงสารพลันน้ำตาไหลออกมา

“คุณหนูของบ่าว ไหนบอกว่าคุณชายจะไม่ลงโทษท่าน แล้วนี่คือสิ่งใด ไยจึงใจร้ายเพียงนี้”

เสี่ยวเฉียนปาดน้ำตา ค่อย ๆ เดินไปอย่างเงียบเชียบกระทั่งชนกับซูมิ่งเข้า

“อุ้ย”

ซูมิ่งถามเสียงเย็น ใบหน้าบึ้งตึงน่าหวาดกลัว

“เจ้ามาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วยเหตุอันใด”

เสี่ยวเฉียนมีสีหน้าตกใจ กระนั้นก็ยังขอให้เขาช่วยเหลือ

“ท่านพี่ซู ช่วยข้าด้วยเถิด ข้าเกรงว่าคุณหนูจะทนไม่ไหวอากาศก็หนาวยิ่ง ท่านนำสิ่งนี้ไปให้คุณหนูแทนข้าที ยานี่และก็...ใช่แล้วเสื้อคลุม”

นางรีบถอดเสื้อคลุมของตนเองออกมาฝากให้ซูมิ่งนำไปให้เฉินลี่จู

เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างมีน้ำใจ ตรงกันข้ามกับสีหน้าเรียบเฉยเย็นชาของเขา

“เจ้ารีบกลับไปเถิด หากคุณชายรู้ว่าเจ้ามายุ่มย่ามแถวนี้คงรู้ใช่หรือไม่ว่านอกจากเจ้าจะถูกโบยแล้วยังจะทำให้คุณหนูลำบากมากยิ่งขึ้น”

นางรีบพยักหน้า

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว ท่านอย่าลืมนะ ฝากให้คุณหนูด้วย อาการปวดท้องของคุณหนูยังไม่ทุเลา อากาศยังหนาวเพียงนี้ท่านช่วยดูแลนางแทนข้าด้วย”

“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยดูให้ก็แล้วกัน”

“ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณพี่ซู ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลยเจ้าค่ะ”

ซูมิ่งนำเสื้อคลุมของเสี่ยวเฉียนมาให้เฉินลี่จูพร้อมทั้งยาลูกกลอน

“คุณหนูเฉิน ท่านกินนี่เถิด สาวใช้คนดีของท่านห่วงท่านมาก”

“เสี่ยวเฉียนหรือ”

นางรีบปาดน้ำตารับยามาทันใด

“ใช่ เสี่ยวเฉียน”

“ขอบคุณพี่ซูที่มีน้ำใจแก่ข้า”

ซูมิ่งยิ้มเล็กน้อยแล้วส่งถ้วยน้ำอุ่นให้นางดื่ม

นางรีบรับมากินทันใดหลังจากนั้นก็ถูกมือที่เย็นเยียบของตนเอง

“ยังมีเสื้อคลุมนี่ นางก็ให้ข้านำมาให้ท่าน”

ในมือของซูมิ่งคือเสื้อคลุมของเสี่ยวเฉียน เป็นเสื้อที่เฉินลี่จูซื้อให้สาวใช้คนนี้ของนาง

เนื้อผ้าอบอุ่นและหอมกรุ่น เฉินลู่จูน้ำตาซึมรับเสื้อคลุมมาพร้อมกล่าวขอบคุณซูมิ่งเบา ๆ

นางคลุมเสื้อคลุมของเสี่ยวเฉียนทับอีกชั้นหนึ่งทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นมามาก

เมื่อได้กินยาอีกหนึ่งเม็ดอาการปวดท้องก็ทุเลาลงไปมาก นางฝืนทนอดกลั้นคุกเข่าต่อไปอีกหวังว่าตนเองจะอดทนจนกว่าจะพ้นคืนนี้ได้

ทว่าฝืนทนได้เพียงสองชั่วยามร่างเล็กก็โงนเงนล้มลงไปนอนฟุบอยู่บนพื้นเย็นเยียบ

ซูมิ่งตกใจที่เห็นนางฟุบหมดสติ จึงถือวิสาสะจับชีพจรของนาง พบว่าไม่มีปัญหาก็โล่งใจ เพราะยามนี้ดึกมากแล้วนางคงไม่อาจฝืนทนต่อความง่วงได้อีกต่อไป

“คุณชาย นางหลับไปแล้วขอรับ คุณชายจะปล่อยให้นางอยู่ด้านนอกจริง ๆ หรือขอรับ”

คนที่อยู่ด้านในยังคงเงียบสงบไม่ปริปาก เนิ่นนานกว่าน้ำเสียงกระด้างของเขาจะดังขึ้นมา

“ปล่อยนางไว้ตรงนั้นให้นางได้รู้สำนึก”

ซูมิ่งได้แต่มองนางอย่างสงสาร เขาไม่กล้าแตะต้องร่างกายของนางอีกด้วยกลัวว่าจะทำให้ใครบางคนคลุ้มคลั่งขึ้นมา จึงได้แต่ถอดถอนหายใจแล้วปล่อยให้นางนอนอยู่บนพื้นอันหนาวเย็นเช่นนั้นต่อไปจนถึงรุ่งสาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel