บทที่ 2
เพอรี่หันกลับมาให้ความสนใจกับมิสซิสอดัมสันที่ยังยืนรออยู่ตรงหน้าโต๊ะอีกครั้ง ยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะสั่งงานต่อ
“เรื่องอื่นๆ คุณก็รู้หมดแล้วนี่นะ คุณอดัมสัน ผมเชื่อใจคุณว่าจะสามารถทําได้โดยเรียบร้อย” เขาเหลือบตา มองนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเป็นการยุติการสนทนากับแม่บ้านทางอ้อม
สเตฟานี่ก้าวเลี่ยงไปเสียทางหนึ่ง เพื่อให้แม่บ้านเดินผ่านออกไป จากการพูดจาที่ดําเนินกันอยู่ต่อหน้าเธอก็พอจะประมวลได้บ้างแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น นอกเสียจากห้องชุดส่วนตัวแล้ว ห้องพักในโรงแรมถูกจับจองไว้จนหมดสิ้น และห้องชุดดังกล่าวเป็นห้องที่จัดสํารองไว้เป็นพิเศษสําหรับเจ้าของโรงแรมแห่งนี้กับแขกส่วนตัวของเขาเท่านั้น แต่ก่อนที่เธอจะหันเอ่ยปากถามว่าแขกสําคัญคนนั้นเป็นใคร เสียงเพอรี่ก็ดังขึ้น
“เธอก็เหมือนกันนะ สเตฟานี่ ถ้ามีปัญหาอะไรละก็ รอไว้ก่อน...นอกเสียจากจะมีแขกหนีออกจากโรงแรมโดยไม่จ่ายค่าที่พักเท่านั้น แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ พี่ก็ยังไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น ขอให้ผ่านไอ้เวลาวินาศสันตะโร 3 วันนี้ ไปเสียก่อน” เขาส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ
“ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก” สเตฟานี่รับรองออก ไป “เพียงแต่อยากจะรู้ว่ามันกําลังเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้เท่านั้น ใครกันคะที่กําลังจะมาพักโรงแรมเรา? เวลานี้ห้องพัก ก็เต็มหมดแล้วนี่...มองไม่เห็นว่าจะรับแขกได้อีกยังไงกัน”
เพอรี่เอนหลังพิงเก้าอี้ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาซึ่งเป็นสีฟ้า เช่นเดียวกับสีดวงตาเธอ กวาดไปทั่วเรือนร่างงามระหงของน้องสาว ซึ่งอยู่ในสเวตเตอร์สีขาว กระโปรงสั้นสีเขียวอย่างพึงใจ รอยยิ้มอ่อนๆ ฉาบขึ้นบนริมฝีปากเมื่อเขาเหลือบขึ้นมองใบหน้าสเตฟานี่ ซึ่งล้อมกรอบอยู่ด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอีกครั้ง
“บร็อคน่ะสิ เกิดจะอยากมาพักที่นี่อย่างกะทันหันขึ้นมา เพิ่งจะโทรศัพท์มาเมื่อชั่วโมงครึ่งนี่เองว่าจะมาถึงนี่ตอนบ่าย 2 โมง ขับรถมาจากบอสตัน” เพอรี่เล่าให้น้องสาวฟัง สีหน้าเครียดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
“พุทโธ่เอ๊ย...” สเตฟานี่ทําเสียงล้อเพื่อให้พี่ชายคลายความกังวลลง “ฉันก็เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทําไมทุกคนถึงได้ลุกลี้ลุกลนกันนัก ก็เพราะว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่กําลังจะมาตรวจตราทรัพย์สมบัติของนี่เอง”
“ใช่...เธอก็เห็นเป็นเรื่องตลกได้สิ แต่เธอก็ควรรู้ไว้ด้วยนะว่า แคนฟิลด์ เป็นคนที่ละเอียดพิถีพิถันที่สุดต้องดีที่สุดด้วย และถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ละก็ คนที่จะต้องอธิบายคือพี่เอง” เพอรี่ยกมือขึ้นนวดขมับ
“แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทําไมพี่ถึงต้องมานั่งกังวลใจมากมายขนาดนี้ด้วย” เธอเดินอ้อมไปหลังเก้าอี้ที่เขานั่งลงมือนวดต้นคอให้ “อย่าลืมสิว่า 3 เดือนหลังนี่ ฉันเป็นคนดูแลเรื่องบัญชีมาตลอด แล้วฉันก็รู้ดีที่สุดว่าโรงแรมมันดําเนินกิจการไปได้ขนาดไหน รับรองว่าบร็อค แคนฟิลด์ จะมาตําหนิเรื่องงาน หรือการบริหารโรงแรมของพี่ไม่ได้เป็นอันขาด”
“กิจการมันดําเนินไปดีจริงพี่เห็นด้วย” เขาตอบอย่างยอมรับ อารมณ์เครียดผ่อนคลายลงมา เมื่อได้รับการปรนนิบัติจากน้องสาว “ถ้ารายการจองมีต่อไปถึงฤดูเล่นสกีละก็ รับรองว่าปีนี้เป็นปีทองแน่”
“มันก็แปลว่าฉันพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ?” สเตฟานี่ย้อนถาม
“ไอ้เรื่องการที่จะพิสูจน์ว่ามันผิดหรือไม่ผิด ก็ขึ้นอยู่ต่อเมื่อมันสําเร็จเรียบร้อยไปเสียก่อนหรอกน่า เพอรี่พูดเป็นเชิงเตือนน้องสาว “บร็อคจะเป็นคนตัดสินเอง เมื่อเขาเดินทางมาถึงครั้งนี้”
“รับรองว่าไม่มีทางตําหนิเราได้แน่” สเตฟานี่ออกจะมั่นใจมาก เพราะการบริการของโรงแรมนี้ไม่มีข้อที่แขกผู้มาพักจะถือตําหนิได้ แม้แต่แขกที่เอาใจยากที่สุดก็ยังพอใจ “พี่รู้ไหมว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสแรก ที่ฉันจะได้พิสูจน์ฝีมือให้มนุษย์ผู้สุดประเสริฐอย่างบร็อค แคนฟิลด์ได้เห็น?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “พี่ทํางานที่นี่มานานเท่าไหร่แล้วนะ? 5 ปีใช่ไหม? ทุกคนที่นี่เวลาเอ่ยถึงเขาเหมือนเอ่ยถึงพระเจ้ายังงั้นแหละ ยิ่งพวกผู้หญิงด้วยแล้วพอได้ยินแค่ชื่อก็สั่นไปตามๆ กันเลย สงสัยว่าจะหล่อมาก” สเตฟานี่หัวเราะออกมา “ฉันได้ยินมาว่า เขาเป็นอภิมหาเศรษฐีที่อยู่เหนือมนุษย์คนไหนๆ ทั้งสิ้น เอาละ คราวนี้ ฉันก็จะได้เห็นด้วยตาตัวเองเสียที่ว่า บร็อค แคนฟิลด์น่ะเป็นอย่างที่ใครๆ เขาพูดกันหรือเปล่า”
“เขาก็เป็นอย่างที่พูดกันนั่นแหละ แล้วก็ยังมีคุณสมบัติประการอื่นๆ รวมอยู่ด้วย” พี่ชายเอื้อมมาจับมือ รั้งร่างน้องสาวให้ออกมายืนอยู่ข้างเก้าอี้ พินิจพิจารณาใบหน้าของสเตฟานี่อยู่เป็นครู่ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า “กลางวันนี้พี่จําเป็นจะต้องออกไปทานอาหารกลางวันข้างนอก เพราะฉะนั้นก็ขอมอบหมายให้เธอทําหน้าที่ต้อนรับเขาแทน ถ้าพี่กลับมาไม่ทัน”
“ฉัน...รึ?” สเตฟานี่ทําสีหน้าแปลกใจ
“ก็มันจําเป็นต้องมีใครสักคนคอยต้อนรับเขานี่ คอนนี่ก็แย่ โดนเขามองหน่อยก็จะเป็นลมตายเสียให้ได้อยู่แล้ว” เพอรี่อธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วิคเองก็ออกเวรกลับบ้านไปแล้ว” เขาหมายถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่เวรกลางคืน “พี่มอง ไม่เห็นใครหรอก ว่าแต่เธอรังเกียจไหมล่ะ?”
“ไม่รังเกียจอะไรหรอก แต่ว่าฉันจะต้องทําอะไรบ้างล่ะ นอกจากการคอยต้อนรับเขาน่ะ?” แม้ว่าเธอจะเต็มใจรับมอบหมายในหน้าที่ครั้งนี้ แต่สเตฟานี่ก็อดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำขึ้นมาไม่ได้ เมื่อนึกไปถึงคําวิจารณ์ที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับบุรุษผู้เป็นเจ้าของโรงแรมซึ่งเธอทํางานอยู่
“ก็แค่พาเขาไปที่ห้องพัก แล้วก็ตรวจตราให้แน่ใจเสียก่อนว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้พรักพร้อมแล้วเท่านั้นละ คอนนี่เขาก็จัดการเรื่องดอกไม้แล้ว ส่วนมิสซิสอดัมสันก็จัดการเอาแชมเปญแช่ถังน้ำแข็งมีเนยแข็ง มีผลไม้เตรียมไว้ให้พร้อม เพียงแต่ว่าเขาจะต้องการอะไรเพิ่มเติมเท่านั้น”
“เล่นไม่ยากนี่นะ” เธอยักไหล่
“แต่ก็ต้องระวังตัวสักหน่อยเหมือนกันนะ สเตฟานี่” พี่ชายแนะนําด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งทําให้เธอไม่เข้าใจในคําเตือนประโยคนั้น
“รับรองว่าฉันจะไม่ยอมพูดอะไรที่มันไร้สาระ ให้เขาเสียกําลังใจหรอกน่า” ปกติเธอก็ไม่ใช่คนพูดจาพล่อยๆ อยู่แล้ว สเตฟานี่เป็นคนฉลาดรู้จักการควรไม่ควรและจะไม่พูดเรื่องที่จะทําให้ตัวเองเสียหายแน่
“พี่รู้ว่าเรื่องนั้นสําหรับเธอน่ะรับรองได้” เพอรี่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ที่พี่ตั้งใจจะบอกก็คือเธอควรจะอยู่ห่างๆ บร็อค แคนฟิลด์ไว้สักหน่อย เขาน่ะมันคนประเภทชอบเล่นเหลี่ยมกับผู้หญิง ก็เหมือนนักการพนันที่ชอบเล่นไพ่นั่นแหละ เอาชนะได้ทุกตาเสียด้วยสิ เขามันคนรวย เป็นคนรูปหล่อมีเสน่ห์ แล้วก็มีอิทธิพลอยู่ในตัวด้วย”
“ฉันได้ยินเรื่องทํานองนี้ ของเขามาบ้างเหมือนกัน” สเตฟานี่ตอบอย่างยอมรับ
“พี่ไม่อยากให้เธอไปยุ่งเกี่ยวกับเขา เพราะรู้ว่าจะไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากความผิดหวัง พี่ขอพูดด้วยความจริงใจ ว่าไม่ได้คิดจะใช้อํานาจในความเป็นพี่ชายกับเธอหรอก” สีหน้าของเพอรี่เหมือนเขากําลังยิ้มให้กับตัวเอง “แต่ที่พี่พูดก็เพราะรู้ว่า ถ้าเขาเห็นเธอเข้าเมื่อไหร่ก็จะต้องเกิดความคิดบ้าๆ ขึ้นมาเมื่อนั้น และเธอเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องผู้ชายมาก่อนเสียด้วย โดยเฉพาะคนเจ้าชู้แบบเขา
“จะมีประสบการณ์หรือไม่มีก็เถอะ รับรองว่าฉันดูแลตัวเองได้น่า” สเตฟานี่มิได้ข้องใจกับการที่เพอรี่จะห่วงใยในตัวเธอ เพราะถ้าจะพูดกันตามจริงแล้ว เธอก็ออกจะภูมิใจเสียด้วยซ้ำที่พี่ชายพยายามจะป้องกันเธอไว้รอยยิ้ม จึงฉาบขึ้นบนเรียวปาก “เพราะเหตุนี้ใช่ไหมพี่ถึงไม่เคยพาเขาไปทานอาหารเย็นที่บ้าน ตอนที่ฉันเสนอขึ้นเมื่อเขามาที่นี่ครั้งก่อน”
“มันก็มีส่วนอยู่นะ” พี่ชายยอมรับไปตามความจริง “แต่ปกติแล้วบร็อค เขาไม่ใช่คนประเภทที่ชอบกินอาหารทำเองที่บ้านหรอก เขามันเป็นคนประเภทที่พิเศษสุดอยู่ ก็เหมือนกับเพชรที่ได้รับการเจียระไน มาอย่างดีแล้วนั่นแหละ แข็งแกร่ง แล้วก็ได้ความรู้สึก”
“นั่นสิ และเพชรก็ย่อมจะไม่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกสินแร่เหล็กที่คลุกอยู่กับดินทรายเสียด้วยสิ” สเตฟานี่สรุปอย่างเข้าใจ
“ก็ทํานองนั้นแหละ” เพอรี่คล้อยตาม “เอาละ พี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอก็แล้วกัน” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงกึ่ง ล้อ “ตอนนี้เห็นจะต้องหาหัวข้อที่จะไปพูดให้สมาชิกที่สโมสรฟังเสียทีแล้ว”
สเตฟานี่ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องอยู่แล้วแต่ก็ชะงักอยู่
“แล้วพี่จะกลับมาที่โมงล่ะ...สมมุติว่าบร็อคเขาเกิดถามขึ้นมา?”
“ก็คงจะสักบ่ายโมงครึ่ง ถึงสองโมงนั่นแหละ”
“บางทีเขาอาจจะมาถึงช้ากว่านั้นก็ได้” เธอพูดก่อนที่จะเดินออกประตูไป