บทย่อ
บร็อค แคนฟิลด์ นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง เจ้าของโรงแรม ไว้ท์ มัวร์ อินน์ ซึ่งอยู่ในบริเวณภูเขาไว้ท์ เมาน์เท่นบร็อค แคนฟิลด์ นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง เจ้าของโรงแรม ไว้ท์ มัวร์ อินน์ ซึ่งอยู่ในบริเวณภูเขาไว้ท์ เมาน์เท่นแห่งนิว อิงแลนด์ ได้แต่งตั้งให้ เพอรี ฮอลล์ ครูสอนสกี เป็นผู้จัดการโรงแรมสุดหรูแห่งนี้ของเขา ในการมาตรวจงานเพื่อปรับปรุงโรงแรมปีนี้ เขาได้พบกับ สเตฟานี่ ฮอลล์ น้องสาวคนเดียวของเพอรี่ ด้วยความบังเอิญของเหตุการณ์ และแล้ว กามเทพก็จงใจให้นักธุรกิจผู้เครียดเคร่ง ได้พบรักกับสาวน้อยแห่งเทือกเขา ไว้ท์ เมาน์เท่น ในท่ามกลางบรรยากาศแห่งขุนเขาตอนต้นฤดูใบไม้ร่วง ขณะที่แมกไม้ผลัดใบจากสีเขียวชอุ่ม เป็นน้ำตาลแกมทอง
บทที่ 1
ขณะนี้ มันมีความโกลาหลอย่างผิดสังเกตบังเกิดอยู่ภายนอกห้องทำงานของสเตฟานี่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงใจกลางของ โรงแรมหรูหราแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า ไว้ท์ บัวร์ อินน์ จากห้องทำงานนั้น เธอสามารถจะมองเห็นแผนกต่างๆ ที่ควบคุมอยู่ ได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านประตูออกไป จะเป็นแผนกต้อนรับซึ่งเผชิญหน้าอยู่กับประตูทางเข้า ทำให้สามารถมองเห็นแขกของโรงแรมที่ผ่านเข้าออกอย่างถนัดชัดเจน ฟากหนึ่งของห้องโถงคือแผนกห้องพัก ส่วนห้องทำงานที่อยู่ถัดไปคือห้องทำงานของเพอรี่ ฮอลล์ พี่ชายของเธอเอง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของโรงแรม และเป็นทั้งหัวหน้าของเธอด้วย
เมื่อ มิสซิสอดัมสัน หัวหน้าห้องรับประทานอาหาร เดินอย่างรีบร้อนผ่านห้องไป ความพิศวงสงสัยของสเตฟานี่ก็เพิ่มมากขึ้น มันจะต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ แม้ว่าเธอจะเพิ่งเข้ามาทำงานในโรงแรมแห่งนี้เพียงแค่ 3 เดือน แต่สัญชาตญาณแห่งการรับผิดชอบในหน้าที่ทำให้เธอบังเกิดความใคร่รู้อย่างแรงกล้า
เธอหมดความสนใจในบัญชีรายรับ-จ่ายของโรงแรม ที่กางอยู่ตรงหน้า ดินสอที่ถืออยู่ในมือถูกเหน็บเข้ากับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเหนือซอกหู ถ้าจะว่าไปแล้วถ้ากิจการของโรงแรมดำเนินไปตามปกติแผนกบัญชีจะเป็นแผนกสุดท้ายที่จะได้รับรู้ถึงความเป็นไปที่เกิดขึ้นภายในโรงแรมแห่งนี้ เนื่องจากเพอรี่เป็นพี่ชายของเธอเอง สเตฟานี่จึงไม่คิดที่จะทนนั่งเพียงเพื่อรอรับรายงานอยู่ได้ จำเป็นที่จะต้องรู้ให้ได้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น
เธอผุดลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เดินออกไปยังห้องโถงภายนอก เมื่อกวาดตามองไปทางแผนกต้อนรับดวงตาคู่สีฟ้าใสก็จับสังเกตความรู้สึกบนใบหน้าของพนักงานประจำเคาน์เตอร์อยู่ ทุกใบหน้าดูจะสำแดงออกถึงความตื่นเต้นด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงว่า กำลังจะมีแขกซึ่งเป็นบุคคลสำคัญเข้ามาพักในโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมันยิ่งสร้างความงงงันให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก ทุกห้องของโรงแรมได้มีแขกเข้าพักเต็มหมดแล้ว แขกทุกคนที่เดินทางมาพักยังโรงแรมแห่งนี้ ก็เพื่อชมความงามอันมหัศจรรย์ของเทือกเขา ไว้ท์ เม้าเท่นส์ ในฤดูใบไม้ร่วง และยังมีรายการจองล่วงหน้ายาวเหยียดไปจนถึงช่วงฤดูหนาวด้วยซ้ำ
ความพิศวงที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากความไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุของความรีบเร่งทั้งมวลที่กำลังเกิดอยู่ เธอคลำเข็มกลัดที่ประดับอยู่ตรงช่วงคอเสื้อระหว่างเนินทรวงอย่างใจลอยขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่เดินตรงไปยังห้องทำงานของพี่ชาย ประตูห้องทำงานของเขาเปิดกว้างทิ้งไว้ เธอก้าวเข้าไปหยุดอยู่แค่หน้าประตูไม่ต้องการจะขัดจังหวะ ขณะที่เพอรี่กำลังสั่งงานมิสซิสอดัมสันอยู่
"เอาแชมเปญแช่ใส่ถังน้ำแข็งเลยนะ" เสียงเขาสั่งแม่บ้าน ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาจดคำสั่งลงในสมุดโน้ต เพอรี่ก็เช่นเดียวกัน ตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับรายละเอียดต่างๆ ในการรับรองครั้งนี้ซึ่งบันทึกไว้ในสมุดที่กางอยู่ ตรงหน้าไม่ได้ยอมเงยขึ้นมองสเตฟานี่ที่เข้ามายืนอยู่ในห้องแล้วด้วยซ้ำ เรือนผมสีน้ำตาลปรกรุ่ยร่ายอยู่เหนือหน้าผาก ซึ่งทำให้เขาต้องเสยให้มันเข้าที่อยู่ตลอดเวลา "แล้วก็จัดเนยแข็งชนิดต่างๆ ใส่ถาดไว้จะได้เป็นเครื่องแกล้ม อ้อ...อย่าลืมผลไม้ด้วยล่ะ...แล้วคุณก็ควรไปตรวจให้แน่ใจเสียด้วยว่า ในห้องเก็บไวน์น่ะ มีชนิดที่เขาโปรดปรานเป็นพิเศษด้วยหรือเปล่า สั่งลูกน้องในแผนกของคุณให้เตรียมพร้อมไว้ ผมต้องการให้ทุกคนอยู่คอยบริการให้พร้อมหน้า เผื่อว่าเขาเกิดจะอยากรับประทานอาหารในห้องอาหารของโรงแรมตอนค่ำวันนี้ขึ้นมา...ผมไม่ต้องการให้...อ้อ....ดอกไม้..." เพอรี่ร้องออกมาอย่าเพิ่งนึกได้ "ผมเกือบลืมไอ้เรื่องดอกไม้ไปแล้วสิ" เขาเอื้อมมือไปกดกริ่งเรียกเลขานุการให้เข้ามาหาในทันที
สีหน้าของเลขานุการสาวสวยที่โผล่เข้ามาในห้อง ทำงานนั้นออกจะเผือดซีดและอื่นๆ อย่างไรพิกล ท่าทาง ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเอางานเอาการขึ้นกว่าปกติ นอกจากวัย ซึ่งออกจะน้อยกว่าใครในพวกพนักงานของโรงแรม แห่งนี้แล้ว คอนนี่ ยอร์ค เป็นสาวน้อยที่มีความสามารถในการทำงานมากคนหนึ่ง ปมด้อยของเธอมีอยู่เพียงว่า ไม่ใคร่จะเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น เช่นที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
"คะ มิสเตอร์ ฮอลล์" สีหน้าของคอนนี้บอกความ รู้สึกทั้งกริงเกรงและอึดอัดใจอย่างยิ่ง
เพอรี่เพิ่งจะมองเห็นสเตฟานี่ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมองคอนนี่ แต่ดูเหมือนเขาจะมิได้ให้ความสนใจในการปรากฏตัวของน้องสาวในครั้งนี้เท่าใดนัก
"โทรศัพท์ไปที่ร้านดอกไม้นะ บอกเขาว่า เราต้องการให้เขาจัดช่อกุหลาบที่สวยที่สุดให้ช่อหนึ่ง และให้นำมาส่งให้ที่นี่ภายใน...เอ้อ...ผมให้เวลาชั่วโมงครึ่ง ถ้าเขามาส่งไม่ได้ คุณไปรับเอง" เพอรี่ออกคำสั่งห้วนๆ
"ได้ค่ะ" คอนนี่ผงกศีรษะรับ แต่ยังยืนอยู่กับที่ มิได้มีท่าว่าจะออกไปปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ
เพอรี่ ซึ่งปกติแล้วค่อนข้างจะเป็นคนใจเย็นอยู่มากกับความเป็นคนไม่ใคร่มั่นใจในตนเองของเลขาฯ สาวเหลือบตาขึ้นมองอย่างไม่พอใจ
"อ้าว...แล้วทําไมยังมัวยืนงงอยู่อีกละครนี่ ไปรีบๆ สั่งให้มันเสร็จๆ เสียสิ เร็วเข้า...เวลายิ่งมีอยู่น้อย”
"ดิฉันทราบค่ะ...แต่...เอ้อ..." คอนนี่เกิดติดอ่างขึ้นมา
"อะไรอีกเล่า?" เพอรี่ตวาดให้อย่างเสียอารมณ์ "ผมไม่มีเวลามาเสียกับคุณนะ"
น้ำเสียงเช่นนั้น ทําให้สเตฟานี่ต้องมองหน้าพี่ชายอย่างแปลกใจ เพอรี่แก่กว่าเธอ 6 ปี ตลอดเวลาที่เป็นพี่น้องกันมา เขาเป็นคนสุขุมใจเย็นอย่างที่สุด ไม่เคยยอมให้สถานการณ์มาสร้างความหวั่นไหวได้เลย เขาเป็นเสียยิ่งกว่าพี่ชาย เป็นที่พึ่งซึ่งน่าอบอุ่นใจที่สุดเท่าที่เธอจําได้ ทั้งนี้เพราะชีวิตของเขาและเธอได้ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันอย่างมากมาย แม่ตายลงตั้งแต่สเตฟานี่อายุเพียงแค่ 4 ขวบ และเพอรี่ก็ทำหน้าที่แทนแม่มาตลอดทั้งทำอาหารดูแลบ้าน ในขณะที่พ่อต้องออกไปทำงานหาเงินอย่างหนัก คือเป็นครูผู้ฝึกสอนให้กับนักเล่นสกี และตอนกลางคืนก็ยังเป็นบาร์เทนเดอร์อีกด้วย
เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อสเตฟานี่อายุ 17 ปีเต็ม ขณะที่เพอรี่ซึ่งกำลังจะได้รับปริญญาทางด้านกฎหมายอยู่แล้วและสเตฟานี่ก็สมัครเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วนั้น อุบัติเหตุจากการเป็นครูผู้ฝึกสกีก็ได้เกิดขึ้น และทำให้พ่อต้องกลายเป็นคนพิการ เพอรี่จําต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน และสมัครงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการของโรงแรมแห่งนี้แทน ขณะที่สเตฟานี่ต้องเลิกเรียน เพื่ออยู่พยาบาลพ่อที่บ้านแต่ในที่สุด เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา โรคปอดบวมก็พรากพ่อไปอีกคนหนึ่ง จะด้วยอะไรก็ตามความตายของพ่อ ก็ช่วยทำให้ชีวิตของสองพี่น้องคลายความยุ่งยากในชีวิตลงได้มาก
สเตฟานี่ยังไม่สามารถจะปรับตัวเองให้เข้ากับอิสรภาพที่ได้รับมาได้ดีเท่าไรนัก เนื่องจากต้องคร่ำเคร่งอยู่แต่กับสภาพความรับผิดชอบภายในบ้านมานานปี มันเท่ากับเป็นการทำลายทั้งวันและวัยแห่งความสดชื่นไปอย่างน่าเสียดาย แต่สิ่งหนึ่งอันเป็นประสบการณ์ที่ได้รับมาก็คือ เนื่องจากเธอรับทำบัญชีให้กับบริษัทเล็กๆ ในตอนกลางคืนเพื่อเป็นการหารายได้อยู่กับบ้าน ทำให้เธอสามารถเข้ารับตำแหน่งสมุห์บัญชี คนเดิมลาออกไปด้วยเกษียณอายุ และกับความไม่ใคร่พอใจนักที่พี่ชายของเธอซึ่งได้รับตำแหน่งผู้จัดการของโรงแรมเมื่อปีกลาย รับเธอซึ่งเป็นน้องสาวเข้ามาทำงานในตำแหน่งของเขา
สเตฟานี่รักงานที่ทำอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ ได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่หรูหรา ที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ได้ทำงานอยู่กับพี่ชายที่รัก เธอให้ทั้งความเคารพนับถือในตำแหน่งหน้าที่ของเขา ซึ่งต้องควบคุมดูแลกิจการทั้งหมดของโรงแรมแห่งนี้เพียงลำพัง เพอรี่สามารถรักษาความใจเย็นไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ แม้จะต้องพบกับปัญหายุ่งยากต่างๆ ตั้งแต่เรื่องในครัวจนถึงการบริหารงานโรงแรมที่มีพนักงานมากมายรวมอยู่ด้วย ดังนั้นการที่สเตฟานี่แปลกใจกับสีหน้า ท่าทางหรือน้ำเสียงของพี่ชายในครั้งนี้ ก็เนื่องจากมันไม่เคยปรากฏมาก่อน
"คือ...เพียงแต่ว่า...ดิฉันไม่แน่ใจว่า..." คอนนี่ไม่อาจอธิบายความตั้งใจของตัวเองออกมาอย่างติดต่อได้จนจบประโยค
"ผมไม่ได้มีเวลาให้คุณทั้งวันนะ เพราะฉะนั้น ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาให้มันเสร็จๆ เสีย" เพอรี่สั่ง
"คือเรื่องนัดหมายของคุณน่ะค่ะ" เลขานุการเอ่ยขึ้น อย่างตกอกตกใจกับน้ำเสียงขู่เข็ญของเจ้านาย
"อ้าว...ก็ผมสั่งแล้วไงว่าให้ยกเลิกไปทั้งหมด ริม ฝีปากเครียดขึ้นอย่างไม่พอใจ
"ค่ะ...แต่..." คอนนี่กัดริมฝีปากไว้
ท่าทางของเพอรี่ในยามนี้เหมือนเขากำลังนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจเพื่อสกัดกั้นความโกรธ
"แต่อะไร คอนนี่?" เขาถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง
"คือวันนี้ ตอนเที่ยงคุณได้รับเชิญไปพูดให้สมาชิกฟังตอนเวลาอาหารกลางวันน่ะค่ะ" คอนนี่อธิบายด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน "เขาเชิญมาตลอด 2 เดือนนี้ แล้วคุณก็ตอบรับไปแล้วด้วย ตอนนี้เขาหาใครมาแทนไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นการยกเลิกแบบกะทันหันเกินไป"
"แล้วก็เป็นวันนี้ด้วย?" เพอรี่ครางออกมา
"ใช่ค่ะ" สีหน้าของคอนนี่บอกความร้อนใจ "แล้วจะให้ดิฉันทำยังไงล่ะคะ?"
"จะทำอะไรล่ะ? ไม่มีอะไรที่จะทำได้เลยแล้ว" เขาถอนใจเบาๆ "ถึงยังไงผมก็ต้องไปรายการนี้ แต่สำหรับ
รายการอื่นให้ยกเลิกทั้งหมดก็แล้วกัน อ้อ...แล้วก็อย่าลืมเรื่องดอกไม้ล่ะ”
"ค่ะ" เลขาฯ สาวผงกศีรษะรับคำสั่ง ก่อนจะพาตัวให้หายออกไปจากห้อง