บทที่3-1
อับดุล อัลซี บิน บาฮาห์ กำลังมองดูข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ไคยา เอ็กซ์เพรส ที่พาดหัวเกี่ยวกับข่าวการประชวรขององค์สุลต่าน ราเยสทำให้เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างสมใจกับข่าวคราวนั้น ทั้งที่ข่าวนั้นน่าจะทำให้เขาเป็นกังวลและห่วงใยในข่าวขององค์ประมุกแห่งไคยา เหมือนกับประชาชนคนอื่นๆ
“คนทำไม่ดีกับน้อง กำลังจะได้รับผลกรรมของตัวเองแล้วล่ะ โฮริอา หึๆ”
นัยน์ตาคมกริบมองเหม่อไปยังกรอบรูปภาพของหญิงสาวหน้าสวยคม ตามแบบสาวตะวันออกกลาง ในเครื่องแต่งกายตามแบบทันสมัย ยืนยิ้มหวานให้กับกล้อง เธอช่างดูสดใส และมีความสุขยิ่งนัก โฮริอาในอายุยี่สิบปี นักเรียนสาวอนาคตไกลเมื่อครอบครัวส่งไปเรียนต่อที่นิวยอร์คเพื่อจะได้กลับมาช่วยกิจการครอบครัว เธอเป็นผู้หญิงเกือบจะคนแรกๆ ของไคยา ที่ได้รับสิทธิทางครอบครัวในเรื่องการเล่าเรียน และมีส่วนร่วมในกิจการงานของครอบครัว เพราะพ่อและแม่ของเขา ไม่ได้คิดว่าเพศหญิงจะต้องมีหน้าที่แค่อยู่ในบ้าน เมื่อถึงวัยก็ดูแลรับใช้สามี มีลูก มีครอบครัว แต่บาฮาห์ที่มองอนาคตของบุตรสาวไว้ไกลกว่านั้น และให้อิสระลูกสาวทุกเรื่อง หวังให้โฮริอามีส่วนร่วมและช่วยเหลืองานในครอบครัว เพื่อจะได้เป็นแบบอย่างให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ในไคยา ว่าสิทธิของสตรี มีได้มากมายขนาดไหน ถ้าเกิดว่าครอบครัวสนับสนุน
“หวังว่าวิญญาณของน้องคงจะมีความสุขนะ ในที่สุดคนชั่วที่ทำกับน้องก็กำลังจะได้รับความทรมานเหมือนๆ กับที่น้องต้องได้พบเจอ”
เสียงทุ้มนั้นเอ่ยอย่างสมใจ เขายิ้มเกือบจะเป็นแสยะเมื่อมองพินิจดูรูปพระบรมฉายาลักษณ์ ขององค์สุลต่านอีกหน ก่อนจะคว่ำหน้าหนังสือพิมพ์เสียให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อจะได้ไม่ต้องอารมณ์เสีย ความแค้นนี่มันไม่ดีเลย เขารู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เขาก็ห้ามมันไม่ได้ แม้จะละหมาดก็แล้ว สวดขอพรก็แล้ว ให้ลืมความแค้นนี่ไปเสีย แต่มันก็ฝังอก ฝังใจนัก คิดถึงทีไรก็เจ็บปวดหัวใจอย่างถึงที่สุด น้องสาวสุดที่รักของเขาต้องมีจุดจบของชีวิตอย่างน่าอนาถ แถมเขายังเกือบจะเสียหลานชายไปด้วย จะไม่ให้แค้นไม่ให้เจ็บปวดได้อย่างไรกัน
เสียงเคาะประตูห้องทำงานของอับดุล อัลซีดังขึ้น ทำให้เขาละความสนใจจากเรื่องเก่าที่ทำให้หัวใจเจ็บยอกทุกหนเมื่อคิดถึงทันที ก่อนจะเอ่ยอนุญาต คนที่เปิดประตูห้องทำงานของเขาเข้ามาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคมสัน นัยน์ตาสีดำเข้มจัด ดูคมกริบและเฉลียวฉลาดยิ่งนัก รูปหน้าเรียวได้ส่วน รับกันอย่างเหมาะเจาะราวกับประติมากรรมจากช่างศิลป์ชั้นเลิศ เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม ชนิดหาตัวจับได้ยาก และมักจะมีข่าวตามหน้าสังคมอยู่เสมอๆ กับดารานางแบบมากหน้าของไคยา ทั้งยังมีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจบ่อยๆ เพราะเขาเป็นนักบริหารหนุ่มที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก บริษัทสัมปทานน้ำมันของอับดุล อัลซีที่ได้เป็นบริษัทสัมปทานขนาดใหญ่ ส่งออกน้ำมันมากที่สุดในประเทศ มีทายาทเพียงคนเดียวอย่างอัสลาน จะไม่ให้เขากลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม ที่มีแต่คนมารุมล้อมได้อย่างไรกัน
“เอ...วันนี้ทำไมมาถึงห้องทำงานของลุงได้กันล่ะหลานรัก ลุงนึกว่าเจ้านะมัวแต่วุ่นวายเรื่องที่นางแบบจากเวทีปารีสแฟชั่นวีค มาตบตีกับนางแบบชื่อดังของไคยาเสียอีก”
“โธ่...”
อัสลานลากเสียง พลางยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องวุ่นวายที่ทำให้เขาต้องหนีเรื่องยุ่งชั่วคราว เรียกได้ว่าหนีกันข้ามประเทศกันเลยทีเดียว เพราะเขาหนีจากสองสาวจอมตื้อ ไปหาเพื่อนสนิทสมัยเรียนถึงอเมริกา นี่ก็เพิ่งจะกลับมาไคยาได้หมาดๆ เมื่อคืนนี้เอง
“ไม่มีแล้วล่ะครับลุง ผมเคลียร์แล้วเรียบร้อย รับรองว่าไม่มีใครไปยุ่งที่บ้านเราอีกแล้วแน่นอนเลยครับ” ชายหนุ่มทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ ตรงกันข้ามกับผู้เป็นลุง ซึ่งมองหลานชายคนเดียวกับสายตายิ้มๆ นี่คือทายาทคนเดียวของครอบครัว ที่เขาแสนจะภาคภูมิใจในตัวของหลานชายคนนี้ อัสลานไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยแม้แต่หนเดียว ทั้งเรื่องการเรียน และการทำงาน
“ไม่คิดจะรับใครเป็นภรรยาที่หนึ่งหรือยังไงกันอัสลาน ถึงสองคนนั้นจะตกลงกันไม่ได้ ก็เลือกมาเป็นเมียทั้งคู่เสียเลยสิ”
“ไม่ไหวล่ะครับลุง ผมคิดจะมีภรรยาเพียงแค่คนเดียว ลุงเองก็มีป้าไอนายาคนเดียวนี่ครับ ผมไม่เคยเห็นลุงรับภรรยาใหม่มาเลยสักที”
“ทำมาย้อนนะ”
อับดุล อัลซีว่าเย้าๆ ครอบครัวเขามักจะติดธรรมเนียมมีภรรยาแค่คนเดียว แม้ตามหลักศาสนาอิสลามจะอนุญาตให้มีภรรยาได้ถึงสี่คนก็ตามที และเหมือนกับจะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัว จึงทำให้ตระกูลของเขามีกันไม่มากนัก สายตรงก็เหลือเพียงแค่เขาและอัสลานเท่านั้นก็ว่าได้
“เจ้าก็อายุน่าจะมีครอบครัวได้แล้วนะอัสลาน ตระกูลเราเหลือกันแค่นี้เท่านั้นเอง อ้อ...นับลุงจามาลของหลานอีกคน เราก็มีกันแค่นี้แล้วล่ะ หึๆ แถมแต่ล่ะคนโสดกันทั้งนั้นด้วยสิ”
“ผมจะรอลุงแต่งงานใหม่ก่อน ค่อยมีเมียก็ยังไม่สายครับ ตอนนี้ยังเลือกไม่ได้ว่าจะให้ใครมาเป็นแม่ของลูกดี” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นอยากจะลองเลือกสาวๆ ในสต็อกของน้าจานาของหลานดูบ้างไหมล่ะ เดี๋ยวลุงจะบอกให้ รับรองว่าจะต้องมีสาวๆ มารยาทดี นามสกุลดี นิสัยคัดแล้ว หน้าตาสวย มาให้เลือกไม่ขาดสายแน่ๆ”
“ผมจะเลือกเมียที่ผมรักนะครับลุง ไม่ใช่เลือกผู้หญิงมาไว้เพียงแค่มีลูก ฟังลุงพูดถึงสาวๆ ของน้าจานาแล้วผมนึกถึง เฮ้อ...เวลาที่ลุงเลือกตัวเมียมาให้เจ้าจาเร็ตของผมเสียจริงๆ” ชายหนุ่มหมายถึงแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาว นิสัยขี้อ้อนนิดๆ เอาแต่ใจหน่อยๆ ตัวโปรดของเขา ที่เป็นพ่อพันธุ์ระดับแชมป์ จึงมีคนอยากจะมาขอทาบทามบ่อยๆ แต่ก็ต้องเลือกตัวเมียให้มันด้วยว่าเหมาะสมกันไหม โดยคนที่จู้จี้และหวงเจ้าเหมียวมักจะเป็นอับดุล อัลซีมากกว่าหลานชายเสียอีก
“เอาน่า...ไว้ถึงเวลาแล้วไม่ยอมหาเมียสักที ยังทำตัวลอยไปลอยมาเลือกไม่ได้อยู่แบบนี้ รับรองว่าลุงจะบอกจานา ให้จัดการหาสาวๆ มาให้เจ้าเลือกจริงๆ นั่นแหละ”
“โธ่...ไปห่างๆ เรื่องนี้กันเถอะครับลุงอัลซี ผมมีเรื่องจะปรึกษานะครับ ถึงได้เข้ามาหาแบบนี้ เลิกพูดเรื่องว่าที่ภรรยาของผมสักทีเถอะครับ ถึงจะยังไงผมก็ไม่ยอมสละความโสดง่ายๆ หรอกครับ หึๆ รอไว้สักสี่ห้าสิบปีก็ยังไม่สายนี่ครับลุง”
“เอ้าๆ ไม่พูดก็ไม่พูด แต่ถ้าสี่สิบแล้วเจ้ายังไม่ยอมมีคู่ ลุงจะหาคู่ให้เอง ยังไงก็อยากจะมีหลานชายไว้สืบตระกูล ลุงมันหมดไฟเรื่องแบบนี้แล้ว จามาลก็อีกคน ลุงว่ากำลังจะจับคู่ให้อยู่นี่แหละ”
คนพูดนัยน์ตาเป็นประกายวับเลยทันที เมื่อนึกถึงน้องชายคนล่ะพ่อของตนเองอย่างจามาล ที่นับได้ว่าเป็นครอบครัวอีกคนหนึ่งของเขา ที่ยังครองตัวเป็นโสดไม่เลิกเหมือนกัน จนอายุปาเข้าไปสี่สิบปีแล้วก็ยังไม่ยอมเลือกคู่ครองสักที นี่ครอบครัวเขาคงจะเป็นครอบครัวหนุ่มหวงอิสรภาพกันไปแล้วสินะ ส่วนตัวเขาตั้งแต่ที่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน อับดุล อัลซีก็เหมือนกับจะฝังความรักของตนเองตามภรรยาไป เขาไม่เคยคิดที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกเลย
“ว่าแต่จะปรึกษาเรื่องอะไรล่ะ เรื่องลงทุนอีกหรือเปล่า?”