บท
ตั้งค่า

บทที่3-2

“เรื่องนั้นแหละครับลุง ผมอยากทำธุรกิจเพิ่มเติม นี่ตอนที่หลบภัยอยู่ก็คุยกับคาลอส หมอนั่นก็อยากจะมาเปิดธุรกิจที่ไคยา การท่องเที่ยวกำลังบูมมาก ผมกับคาลอสอยากจะทำโรงแรมระดับห้าดาวน่ะครับลุง ทำแข่งกับโรงแรมใหญ่ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ตอนนี้ หึๆ เผื่อจะได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับวีไอพี อ้อ...แล้วจะได้เอาไว้รับรองแขกของเราด้วย ลุงว่าดีไหมครับ?”

“ตามใจเลย อัสลานที่มันก็เป็นเงินของหลานด้วยครึ่งหนึ่ง ลูกเชื่อว่าหลานจะทำมันได้สำเร็จ อ้อ...ว่าแต่คิดจะทำงานใหญ่อีกแล้ว แล้วคนช่วยงานเจ้าล่ะอัสลาน หาเลขานุการใหม่ได้หรือยัง คนเก่าเพิ่งลาออกไปนี่”

“ยังไม่ได้เลยครับ กำลังให้ฝ่ายบุคคลช่วยๆ ดูให้อยู่ ผมอยากได้คนทำงานกับผมเพิ่มอีกสักสองคน ให้ออกสนามกับผมคนหนึ่ง แล้วก็อยู่ประจำออฟฟิศคนหนึ่ง พักนี้คงจะได้ออกไปดูงานบ่อยๆ ติดต่อประสานงานบ่อยๆ ด้วย”

“ก็เจ้าหนีงานไปนี่นา” ผู้เป็นลุงว่าเย้าๆ

“เดี๋ยวก็คงจะหาได้นั่นแหละ ลุงว่ารับเลขานุการสาวๆ หน่อยก็ดีนะอัสลาน มันจะช่วยในการเจรจาธุรกิจได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หึๆ ไม่เชื่อก็ลองดู”

“ถ้าอย่างนั้นหาให้ผมคนหนึ่งสิครับลุงอัลซี”

อัสลานยิ้มน้อยๆ ชักจะนึกสนุกในการบอกสเปคของเลขานุการคนใหม่ อยากจะรู้ว่าอับดุล อัลซีจะหาให้เขาได้จริงๆ ไหม

“ผมอยากได้สาวๆ สวยๆ เอาแบบหมวยนิด ๆก็ดีนะครับ น่ารักดี ตัวเล็กหน่อย แต่ขอที่ฉลาดๆ แล้วก็ต้านทานเสน่ห์ของผมอยู่ เพราะเกิดว่ามาหลงเสน่ห์เจ้านายอย่างผมแล้วล่ะก็...”

“ลุงกลัวว่าออฟฟิศจะแตกเอา หึๆ”

อับดุล อัลซี เอ่ยก่อนที่หลานชายจะทันพูดจบแม้จะหมั่นไส้พ่อตัวดีนิดๆ ข้อที่หลงตัวเองมากก็ตามที แต่เขาก็ยอมรับว่าชื่นชมในหน้าตาอันเปี่ยมเสน่ห์ของอัสลาน ที่ได้ส่วนดีมากจากทั้งทางบิดาและมารดา โดยเฉพาะนัยน์ตาคมกริบเปล่งประกายระยับไปด้วยความมุ่งมั่น แสนจะมั่นใจในตนเองนั้น ช่างละม้ายคล้ายกับ...

เพียงแค่คิดเขาก็เม้มริมฝีปากอย่างพยายามระงับอารมณ์ที่วาบขึ้นมา เอาน่า....อับดุล อัลซีบอกตนเอง อย่างน้อยๆ คนชั่วที่ทำเลวร้ายกับน้องสาวของเขารวมถึงหลานชาย ก็กำลังจะได้ผลกรรมแห่งวาระสุดท้ายของตนเองแล้ว แม้ว่าบางส่วนของอัสลาน จะคล้ายคลึงกับคนชั่วนั่น แต่จะยังไงเขาก็จะถือว่าเลือดทุกหยดของหลานชายเป็นของครอบครัว บิน บาฮาห์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่น

“เอ...องค์สุลต่านประชวรหนักเลยหรือยังไงกันครับนี่ลุงอัลซี แล้วแบบนี้ ทางบ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไรกันครับนี่ เห็นว่าองค์สุลตาน่าเองก็ไม่มีพระโอรสเสียด้วยสิ จะมีปัญหาเรื่องการสืบทอดราชบัลลังก์หรือเปล่าหนอ” คำเอ่ยเปรยๆ ของหลานชาย ที่กำลังกางหนังสือพิมพ์อ่าน ทำให้ผู้เป็นลุงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะกระแอม พลางเอ่ยลอยๆ เสียงเรียบ

“อัสลาน อย่าพูดแบบนั้น ไม่ดีเลยนะหลาน”

“ผมรู้ครับว่ามันไม่ดี แต่ว่าแค่พูดตามหลักความเป็นจริง เฮ้อ...ประเทศเราปกครองระบบประชาธิปไตยก็จริง แต่มีองค์พระสุลต่านเป็นประมุกของประเทศ ทุกอย่างต้องผ่านท่าน ถ้าท่านล้มแล้ว ก็คงจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย องค์สุลตาน่าองค์นี้ไม่มีรัชทายาทสืบทอดเสียด้วยสิครับ องค์ชายการิมเอง เอ่อ...เราก็รู้ๆ กันอยู่ในวงใน แม้ทางราชสำนักพยายามจะปิดบัง ว่ายังไงองค์ชายก็ขึ้นเป็นรัชทายาทไม่ได้แน่ๆ ประเทศเราคงจะวุ่นวายน่าดูเลยนะครับลุง”

“ไหงมาชวนคุยเรื่องข่าวแบบนี้กันนะอัสลาน เราน่ะสนใจเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ นี่มันเรื่องการบ้านการเมือง เค้าก็คงจะจัดการกันได้เรียบร้อยนั่นแหละ เราไม่ต้องห่วงไปหรอก เรามีหน้าที่แค่เสียภาษี ทำตัวเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศนี้ก็พอแล้ว เรื่องพวกนี้มีคนจัดการอยู่แล้วล่ะ”

“แต่เรื่องแบบนี้ก็เรื่องใกล้ตัวนะครับลุง แล้วถ้าเกิดการผลัดบ้านเมืองขึ้นมาจริงๆ มันอาจจะมีผลกระทบกับพวกเราบ้าง ไม่มากก็น้อยนั่นแหละครับ ดูอย่างตอนที่รัฐบาลร่างกฎหมายใหม่ๆ ออกมา ก็ยังส่งผลกระทบกับธุรกิจของเราเลยนะครับลุง”

คำเอ่ยของหลายชายนั้นสะดุดใจคนฟังเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่เรื่องผลกระทบกับธุรกิจหรอกนะที่อับดุล อัลซีนึกกังวล แต่มันเป็นเรื่องอื่นมากกว่า ลูกชายขององค์สุลต่าน ราเยส ไม่ได้มีเพียงแค่พระองค์เดียวอย่างที่ประชาชนชาวไคยาทราบกันหรอก อับดุล อัลซีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือ แล้วสั่นหน้าน้อยๆ

“พอๆ อย่าพูดกันเรื่องนี้เลย ลุงไม่ค่อยชอบคุยเรื่องการบ้านการเมืองสักเท่าไหร่ ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆ เราก็มีคนช่วยอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงไปนักหรอก ลุงเองก็รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในราชสำนักอยู่บ้าง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ต้องมีคนเตือนให้รู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว”

“ไม่คุยก็ไม่คุยครับลุง”

อัสลานเห็นใบหน้าบึ้งตึงของผู้เป็นลุงแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างนึกสงสัย ว่าทำไมเขาถึงมีทีท่าไม่ค่อยจะพอใจนักแบบนี้ อัสลานไม่อยากทำให้อับดุล อัลซีไม่พอใจ เลยชวนคุยเรื่องอื่นไปเสีย ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ว่าทำไมทุกคราวที่เอ่ยถึงเรื่องสุลต่านผู้เป็นประมุกแห่งไคยา ลุงอับดุล อัลซีถึงมีทีท่าแบบนี้ทุกทีไป

.........................................................................................................................................................................

“สืบเจอลูกของนังโฮริอาแล้วหรือ?”

สรุเสียงเกรี้ยวกราดที่ตรัสออกมาทำให้นางสนองโอษฐ์ ถึงกับตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความหวาดเกรงในอำนาจ ของสตรีสูงศักดิ์ที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้านาง

“พะ เพคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการมันเสียเลยสิ หึๆ เจอจนได้สินะ มาเจอเข้าตอนที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานพอดี ต้องให้แน่ใจว่าเราจะเจอมันก่อนที่ท่านพี่จะสืบหามันพบ นี่ท่านกำลังให้คนสืบหาว่าลูกของนังแพศยานั่นยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เรากลัวนักว่าถ้าเจอเข้าก่อนที่พวกเราจะจัดการได้ แผนการของเราจะไม่สำเร็จ” พระนางเม้มโอษฐ์เล็กน้อย พระหัตถ์กำเข้าหากันแน่น เมื่อตรัสออกมาถึงตรงนี้

ไอ้ลูกของนังแพศยาโฮริอา นึกว่ากำจัดไปได้แล้ว อุตส่าห์จัดการมันตอนกำลังท้องอ่อนๆ พี่ชายของมันคงจะช่วยเหลือปกปิดกันไว้นานเกือบสามสิบปีแบบนี้ อับดุล อัลซี มีอิทธิพลมากไม่น้อย เพราะตระกูลของเขาเองก็ร่ำรวย ติดอันดับต้นๆ ของไคยา มีคนช่วยเหลือยังไง ก็ไม่มีอะไรที่รอดหูรอดตาพระนางไปได้

“หม่อมฉันจะให้คนรีบไปจัดการให้เร็วที่สุดเลยเพคะ องค์สุลตาน่า”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไป จัดการเสี้ยนหนามตำใจของเราให้เรียบร้อย ไม่ต้องเลือกวิธีการหรอก หึๆ เหลืออีกเพียงแค่คนเดียว แค่คนเดียว เราอยากจะรู้ว่ามันมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ลูกของนังผู้หญิงจากเมืองไทยนั่น”

“ทางเรากำลังตามสืบอย่างเร่งด่วนเลยเพคะ นางสนมขององค์ราเยส มารายงานกับหม่อมฉันว่า องค์ราเยสจ้างนักสืบมือดีที่สุด แล้วก็ เอ่อ...ท่านราชองค์รักษ์เองก็อาสาช่วยด้วยตนเองด้วย ถึงกับจะไปสืบค้นเรื่องของนังพุทธชาดที่เมืองไทยด้วย”

“เรื่องของนังพุทธชาด เราค่อนข้างจะแน่ใจว่า ลูกชายของมันไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยแน่ๆ น่าเสียดายที่ท่านพี่โปรดมันมาก ถึงขนาดเฝ้าไม่ห่างตอนที่มันท้อง เราเลยกำจัดมันไปได้ไม่ง่ายเหมือนคราวนังโฮริอาที่ท่านพี่ไม่รู้ว่ามันตั้งท้อง ที่ยังพอมีโอกาสได้ใส่ร้ายจัดการมันได้ ว่ามันเล่นชู้กับ...” พระเนตรสีเข้มหรี่ลง เมื่อนึกถึงราชองค์รักษ์ของพระสวามี บุรุษหนุ่มหน้านิ่งขรึม ติดดุดัน ที่มักจะทำนิ่งเฉยใส่พระองค์ แม้จะใส่ความจนชายาที่สองอย่าง โฮริอา กระเด็นออกไปจากวังทั้งที่ตั้งท้องอ่อนๆ ได้ แต่พระองค์กลับทำร้าย ราชองค์รักษ์ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระญาติห่างๆ ขององค์ราเยสไม่ได้เลยสักนิด คราวชายาโฮริอา องค์ราเยสไม่ทราบว่านาง ตั้งครรภ์ เมื่อมารู้จากปากของอนุชา ก็ถึงกับคลุ้มคลั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับ ให้สืบค้นหาตัวชายาองค์นี้เป็นการใหญ่ แต่พบเพียงแค่พระศพ ซึ่งอับดุล อัลซี ประกาศกร้าวว่าจะไม่มีทางคืนให้กับองค์ราเยสเป็นอันขาด ด้วยอำนาจของตระกูล บิน บาฮาห์ ที่มีมากพอสมควร รวมถึงเส้นสายในกองทัพ ความสนิทสนมกับองค์อนุชามาซาน องค์ราเยสจึงต้องยินยอม ตามคำขอทั้งน้ำตาของอับดุล อัลซี ว่าของจัดการศพของน้องสาวด้วยตนเอง และไม่ขอให้คนในพระราชวัง ไปข้องเกี่ยวใดๆ กับครอบครัวของเขาอีก

องค์ราเยสทราบเพียงว่า นางเสียชีวิตพร้อมกับลูกในครรภ์ก็เพียงเท่านั้น แล้วทรงพระโทมนัสอยู่ถึงหนึ่งปีเต็มๆ จนทรงพระประชวร และเมื่อตอนนั้น ก็มีนางพยาบาลชาวไทย มาเป็นเหมือนกับโอสถขนานเอกของพระองค์ นั่นก็คือ พุทธชาดนั่นเอง และนั่นก็สร้างความร้าวราวพระทัยให้กับองค์สุลตาน่า ฟาติมาห์ เป็นยิ่งนัก พระองค์จึงคิดหาทางกำจัดเสี้ยนตำใจหนที่สอง ด้วยวิธีที่ร้ายกาจกว่าเดิม

และเมื่อองค์ราเยสทรงพระประชวรหนักหนนี้ ด้วยโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษาหาย และด้วยความที่พระองค์มีโอรสเพียงแค่องค์เดียว กับชายาที่สี่ ซึ่งเป็นพระญาติห่างๆ กับองค์สุลตาน่า ก็ทำให้พระองค์ทรงวิตกกังวลนัก เกี่ยวกับอนาคตของบ้านเมือง ว่าจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ และตอนนี้อำนาจทั้งหลายก็ตกอยู่ในมือขององค์สุลตาน่า ฟาติมาห์ ที่ออกทำงานแทนพระสวามีมานานนับปีตั้งแต่พระองค์ทรงประชวร

นั่นเอง ทำให้มีข่าวเล็ดลอดออกมาจากผู้หวังดีว่า พระองค์ยังมีโอรสอีกสองพระองค์ กับชายาที่สอง และชายาที่สาม และยังมีชีวิตอยู่ ทำความตื่นเต้นดีพระทัยให้กับองค์ราเยสยิ่งนัก แต่พระองค์เกรงว่าพระมเหสีของพระองค์จะทรงทราบเรื่องนี้เข้า จึงให้สืบค้นหาเป็นการ ‘ลับ’ อย่างถึงที่สุด แต่หูตาขององค์สุลตาน่าก็มีอยู่ทั่ววังหลวง จึงไม่พ้นไปได้ พระนางก็ทรงทราบเรื่องหนามที่ตำพระทัยนี้ด้วยเช่นกัน และกำลังคิดหาวิธี ‘กำจัด’ ก่อนที่องค์ราเยสจะพบตัวพระโอรส

“จัดการให้เร็วที่สุดนะ เนฮาห์ ก่อนที่ท่านพี่จะพบมัน แล้วก็รู้ว่าลูกของนังโฮริอาอยู่ที่ไหน”

“ได้เพคะ”

พระเนตรสีเข้มหรี่ลงอย่างสมใจ ก่อนจะแย้มโอษฐ์ยิ้มน้อยๆ หนนี้ พระนางเอื้อมพระหัตถ์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พลางกดหมายเลขที่จำได้จนขึ้นพระทัย

“องค์ฟาติมาห์ หม่อมฉันดีใจเหลือเกิน ที่พระองค์โทรศัพท์มาแบบนี้”

เสียงทุ้มที่ดังมาตามสายทำให้แย้มพระสรวลมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยไปด้วยพระสุรเสียงหวานนัก

“เราคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านคาริม”

“หม่อมฉันก็เช่นกัน เราจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่ หม่อมฉันแทบจะนับวันรอแล้วตอนนี้”

“ที่เดิม วันอาทิตย์หน้า” สุรเสียงเอ่ยออดอ้อนนัก ยามเอ่ยกับชายชู้รักอย่าง นายกรัฐมนตรีคาริม

ฉากหน้าขององค์สุลตาน่าฟาติมาห์ผู้งดงามและเฉลียวฉลาด รักพระสวามียิ่งนัก กลับกลายเป็นหญิงที่แสนจะทะเยอทะยาน และพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อตนเอง โดยไม่เลือกวิธีการ ไม่เลือกทั้งสิ้นว่าจะต้องเหยียบย่ำ หรือทำลายล้างใครบ้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel