บทที่ 2-1
หญิงสาวนอนก่ายหน้าผาก มองเหม่อไปยังเพดานห้อง ก่อนจะถอนใจอย่างกลุ้มๆ อีกสองวันเธอก็ต้องย้ายออกไปจากที่นี่แล้วสินะ บ้านของเธอเอง ที่เธออยู่มาแต่เล็กแต่น้อย แต่กลับกลายเป็นสมบัติของคนอื่นไปอย่างง่ายดาย เพียงแค่ลายเซ็นในหนังสือมอบอำนาจของบิดาเธอ ก็พลิกชีวิตไปเสียทุกอย่าง ทำให้จันทร์กระจ่างไม่เหลืออะไรเลย มีเพียงแค่เงินฝากนิดหน่อยติดตัวก็เท่านั้น
ไหนจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด บริษัทที่เธอทำงานอยู่เกิดภาวะสั่นคลอน จนต้องยุบแผนกของเธอทั้งแผนก เพื่อจำกัดจำนวนคน และรวมงานเข้าด้วยกัน ทำไมหวยความซวยถึงได้มาออกกับเธอซ้ำๆ แบบนี้กันหนอ จันทร์กระจ่างไม่มีกระจิตกระใจจะไปหางานทำเลย เพราะความเหนื่อยหน่ายหัวใจ จนท้อแท้ไปหมดแบบนี้
เสียงกดออดดังขึ้นที่หน้าบ้าน ทำให้คนที่นอนเหม่ออยู่สะดุ้งเล็กน้อย แล้วถอนใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ จะเป็นเค้าลางความซวยอะไรอีกล่ะนี่ อย่าบอกนะว่ามารดาเลี้ยงไปก่อหนี้ไว้โดยใช้ชื่อเธอ เหอๆ ถ้าเป็นแบบนั้นอีก จันทร์กระจ่างก็จะยืดอกรับความซวย แล้วก็หัวเราะเยาะกับโชคชะตาที่กลั่นแกล้งเธอเสียเหลือเกิน
ร่างบางเดินลากเท้าเล็กน้อย เหมือนกับคนหมดแรง ไปยังประตูรั้วหน้าบ้าน คนมากดออดยืนยิ้มรออยู่ตรงฝั่งตรงกันข้าม เมื่อเห็นเจ้าของบ้านเดินมา อีกฝ่ายก็ส่งเสียงดังทักทายขึ้นเลยทันที
“ยายแต้วหลานน้า โอ๊ย! ดีใจจริงๆ ไม่ได้เจอกันนานขนาดไหนแล้วนี่”
“น้าแอ๋ว”
เมื่อเห็นว่าเป็นใคร อาการทอดอาลัยของจันทร์กระจ่างก็หายไปเลยทันที เธอรีบเปิดประตูให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เมื่อเจอกันแบบตัวต่อตัวไม่มีประตูรั้วมาขวางกั้น สองน้าหลานที่จากกันไปนาน ก็โผเข้ากอดกันอย่างแนบแน่น อย่างแสนคิดถึง
“คิดถึงจริงๆ นะ ไม่ได้เจอกันมากี่ปีแล้วนะหลานน้า นี่น้าเพิ่งจะได้ข่าวเรื่องพ่อเรา เสียใจด้วยนะลูก น้ามาไม่ทันวันเผา เพราะกว่าจะได้เมลของหลานก็ตั้งเกือบสองอาทิตย์แล้ว น้าเสียใจจริงๆ มาไม่ทัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้าแอ๋ว น้าแอ๋วจะมาอยู่กี่วันคะหนนี้”
เธอยิ้มกว้าง พลางกอดผู้เป็นน้าอย่างแสนคิดถึง อโนชายิ้มตอบหลานสาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริง เมื่อเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังเล็กด้วยกัน อโนชามองไปรอบๆ บริเวณบ้านหลังเล็ก แต่มีเนื้อที่กว้างขวางของครอบครัวอย่างจำได้
“คงจะพักอยู่สักอาทิตย์น่ะ เอ...ต้นมะม่วงต้นนั้นยังอยู่อีกหรือนี่ น้าจำได้ว่าตอนที่มาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วมาพักกับพี่เขย ปีนเก็บลูกมันกินบ่อยๆ”
“เอ่อ...”
จันทร์กระจ่างมีสีหน้าสลดลงเลยทันที เธอเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อความเป็นจริงกระแทกโดนเข้าอย่างจังว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่สมบัติของเธออีกแล้ว ทำให้หญิงสาวน้ำตาคลอ ความอัดอั้นที่มีมาแล้วหลายวันกำลังจะหลั่งไหลออกมา เมื่อเจอเข้ากับญาติสนิทอย่างอโนชา ซึ่งเป็นคนที่จันทร์กระจ่างรู้สึกว่าเป็นครอบครัวคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่
“มีอะไรหรือเปล่าแต้ว หน้าตาไม่ค่อยดีเลย อ้าวๆ ร้องไห้ทำไมล่ะลูก”
คนเอ่ยทักอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าจู่ๆ หลานสาวของเธอก็หน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอจนต้องปาดเช็ดมัน สักพักก็ไหลลงมาพรากๆ จนเธอต้องดึงมากอดไว้
“ยายแต้ว มีอะไรบอกน้าสิลูก ใจเย็นๆ”
“ฮือๆ น้าแอ๋วขา แต้วไม่มีอะไรเหลือแล้ว หมดแล้วค่ะ หมดแล้วจริงๆ”
คำรำพันของหลานสาวพร้อมกับน้ำตาอันมากมายนั้นทำให้อโนชาตกใจมาก แม้จะไม่ค่อยได้พบเจอกันนัก เพราะอโนชาไปทำงานที่ดินแดนแถบตะวันออกกลาง แต่ก็ยังติดต่อกับหลานรักคนนี้เสมอ และรู้เรื่องราวของจันทร์กระจ่างรวมถึงนิสัยใจคอของหลานสาวดี หลานสาวเป็นคนเข้มแข็งมาก แต่นี่ร้องไห้โฮน้ำตาเป็นเผาเต่าขนาดนี้ จะต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆ
“บอกน้าสิ มีอะไร”
อโนชาโอบหลานสาวไว้ พร้อมกับลูบเรือนผมสลวยให้เบาๆ จันทร์กระจ่างมองหน้าน้าสาว แล้วเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงสั่น
“บ้านนี้ บ้านสวน น้าบิ๋มขายไปหมดแล้วค่ะน้าแอ๋ว แล้วแต้วก็ตกงาน ฮือๆ ตอนนี้แต้วไม่เหลืออะไรแล้วค่ะน้าแอ๋ว แต้วจะทำยังไงดีคะ”
“โธ่...”
ผู้เป็นน้าครางเสียงแผ่ว ใจตกแป้วตามหลานรักไปเลยทันที ดูเหมือนการกลับมาเยี่ยมบ้านของเธอหนนี้ จะมีเรื่องใหญ่รออยู่สินะ
...........................................................................................................................................................................
อโนชามองดูหน้าหวานๆ ของหลานสาวอย่างพินิจ เธอไม่ได้พบจันทร์กระจ่างมาก็หลายปีแล้ว ตอนนี้แม่หลานสาวโตเป็นสาวเต็มตัว อายุครบเบญจเพสแล้วสินะ นัยน์ตาของเธอมองกวาดไปทั่วรูปหน้าเรียว ที่แต่งแต้มด้วยเครื่องหน้าได้ส่วนของหลานสาว คิ้วเรียว จมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อย นัยน์ตาโตแจ๋วสีน้ำตาลเข้ม ปากอิ่มเรื่อ ผมยาวประบ่า ล้อมกรอบหน้ายิ่งเน้นรูปนั้นให้เด่นชัดและน่ารักน่ามองนัก แม้เจ้าตัวจะทำหน้าเหนื่อยๆ แต่ก็ยังสวยน่ารักในสายตาของน้าสาว ที่ไม่ได้เจอหลานสาวคนนี้มานาน
“แล้วนี่แต้วคิดหรือยัง ว่าจะทำอะไรต่อน่ะ เค้าให้เงินเดือนล่วงหน้ามาไหมลูก”
“ให้ตามกฎของกรมแรงงานนั่นแหละค่ะ เฮ้อ...”
แม่หลานสาวล้มตัวนอนแผ่บนโซฟาเหมือนคนหมดแรง ก็หมดแรงแล้วจริงๆ ไหนบ้านจะไม่มีซุกหัวนอน แถมงานก็ไม่มีจะทำอีก หัวเธอตื้อไปหมด อย่างคนคิดอะไรไม่ออก
“เฮ้อ...”
อโนชาถอนหายใจบ้าง เมื่อมองดูสภาพของหลานสาวคนเดียวของเธอ แม้ว่าพี่สาวของเธอจะจากไปนานแล้ว แต่เธอก็ยังคงติดต่อกับพี่เขย และหลานสาวไม่ขาด เนื่องจากเธอถือว่าทั้งสองคนคือครอบครัวของเธอที่เหลืออยู่ ยิ่งชีวิตในต่างแดนที่ต้องจากบ้านจากเมืองไปทำงานทางโน้น บางทีก็เหมือนไร้ญาติขาดมิตร เหงาและเคว้งคว้าง เนื่องจากวัฒนธรรมประเพณีที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงผู้คนที่ต่างชาติ ต่างภาษาและศาสนา มันก็ทำให้อโนชาเหงามาก เธอเพิ่งจะเลิกรากับแฟนหนุ่มที่เป็นชาวไคยามาหมาดๆ กะจะมาเมืองไทยเพื่อรักษาแผลใจ แต่ก็ได้รับข่าวร้ายน่าช็อกคือพี่เขยที่ป่วยมานานเสียชีวิต และเมื่อมาถึงเมืองไทยก็ได้รับข่าวที่ช็อกซ้ำเข้าไปอีก คือเรื่องของจันทร์กระจ่าง ที่ตกงานพร้อมๆ กับไม่มีบ้านจะอยู่ มารดาเลี้ยงโกงทุกอย่างไปอย่างหน้าด้านๆ แถมถ้าจะฟ้องร้องเอาความอะไรกัน ก็คงจะยากและเหนื่อยเปล่า เพราะหนังสือมอบอำนาจมีลายเซ็นอันถูกต้องของณัฐ