บทที่ 5
"อ๊ายยยยย น้องจีนของพี่แพรว"
เสียงแหลมใสของหญิงสาวดีไซเนอร์มากฝีมือเจ้าของห้องเสื้อแพรวพราว แดนเนรมิตดังขึ้นพร้อมพาร่างเพรียวระหงในชุดจั๊มสูทที่ออกแบบได้อย่างเก๋ไก๋และตัดเย็บด้วยตัวเองเดินเข้ามาหาจีนทันที่ที่สองหนุ่มก้าวเข้ามาในร้าน
"แหม... พี่แพรว พอเห็นจีนแล้วลืมผมเลยนะ" กานต์อดแซวเสียไม่ได้
"ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วจ้ะ คนโปรดของพี่นี่นา ตอนแข่งเดอะ เดบิวต์พี่เสียตังโหวตไปไม่รู้เท่าไหร่" พี่แพรวรับด้วยสีหน้าระรื่นทั้งยังขยิบตาให้หนุ่มลูกเสี้ยวที่ย่นจมูกใส่เธอได้อย่างน่ารัก "อ้อ...เกือบลืมเลย น้องจีน...ยินดีด้วยนะคะเรื่องเรากับคีตา"
"ขอบคุณครับพี่แพรว นี่ผมจะคุยกับพี่แพรวเรื่องนี้ด้วยครับ"
"แพรวพราว แดนเนรมิตยินดีให้บริการเป็นอย่างยิ่งค่ะน้องจีน อ้อ...กานต์จ๊ะ เด็กของเรามารอแล้วนะ อยู่ในห้องพักแน่ะ"
พี่แพรวหันมาบอก แน่นอนว่า 'เด็ก' ที่พี่แพรวหมายถึงคือ เจ้าไทม์ แต่พอใช้คำว่า 'เด็กของเรา' มันก็ให้รู้สึกจั๊กจี้ชอบกล แต่ก็คร้านที่จะแก้คำ จึงทำเพียงแค่เดินแยกตัวไปทางด้านหลังร้าน ซึ่งถูกกั้นเป็นห้องที่พี่แพรวใช้สำหรับพักผ่อน หรือนั่งคิดงาน บางทีก็นั่งแก้งานให้ลูกค้า
ห้องพักนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอมีเนื้อที่ให้เดินเหินสะดวก ด้านในห้องแบ่งสัดส่วนชัดเจน มีโซฟาหลังขนาดสามคนนั่งที่สามารถกางเป็นเตียงนอนได้ตั้งอยู่มุมสุดของห้อง และตรงนั้นเองที่มีร่างสูงของไทม์นั่งพูดคุยกับบรรดาช่างหน้าช่างผมอยู่ ข้างๆ ไทม์คือหญิงสาวร่างเล็กในชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินผมสั้นตัดหน้าม้าที่ส่งให้ดวงหน้าดูละมุนน่ารักละม้ายคล้ายเด็กญี่ปุ่นกำลังเจื้อยแจ้วกับชายหนุ่มอย่างออกรส
"พี่กานต์มาแล้วหรือครับ ทำไมไม่โทรเรียก ผมจะได้ไปรับ" ไทม์เอ่ยทักเมื่อเห็นกานต์เดินเข้ามาในห้องทั้งยังขยับตัวลุกขึ้นเพื่อให้กานต์นั่งโซฟา ส่วนตนก็คว้าเก้าอี้ว่างมานั่งแทน
"เดินมากับจีนน่ะ" ตอบเรียบๆ กันไปเอ่ยทักทายช่างแต่งหน้าทำผมของตนเล็กน้อย ทั้งยังส่งยิ้มให้หญิงสาวที่โบกมือทักตน "ขอนั่งพักแป้บหนึ่งแล้วกันนะ ยังมีเวลาเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนเสื้อ"
"ที่จริง ชุดที่พี่กานต์ใส่ตอนนี้ก็ดูดีแล้วนะคะ เชิ้ตดำ กางเกงขาว หล่อเท่ออร่ามาก" หญิงสาวชื่อ 'หมิง' เอ่ยเชิงแสดงความคิดเห็นพ่วงท้ายด้วยการชมความหล่อเหลาดุจแวมไพร์ของกานต์
หมิงเป็นนักศึกษาฝึกงานของพี่แพรว ตอนนี้เรียนแฟชันดีไซน์อยู่มหาวิทยาลัยปีสี่ เป็นเด็กที่เรียนรู้งานไว ทำงานคล่อง พี่แพรวชมให้ฟังอยู่ตลอด แถมยังมีมนุษยสัมพันธ์ดี แล้วดูท่าว่าตอนนี้จะคุยกับเจ้าไทม์ถูกคอเสียด้วย
"มันไม่ใช่แบรนด์ที่พี่ทำงานด้วยวันนี้น่ะสิ ขืนใส่ออกงาน ผู้ว่าจ้างได้สาปส่งแน่" กานต์ตอบติดตลกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อรู้สึกว่านั่งได้สักพักแล้ว เขาเดินไปยังห้องลองเสื้อเพื่อทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า
อีเว้นท์ของเขาวันนี้เป็นของแบรนด์น้ำหอมชื่อดังที่เขาเป็น พรีเซนเตอร์อยู่ และแม้จะขายน้ำหอม แต่แบรนด์นี้ก็ยังแตกไลน์ธุรกิจไปอีกสองสามอย่าง หนึ่งในนั้นคือเสื้อผ้าที่ใช้ชื่อแบรนด์เดียวกับน้ำหอม ฉะนั้น การออกงานครั้งนี้กานต์เลยเลือกเสื้อผ้าของแบรนด์มาใส่ อย่างน้อยๆ ก็ถือเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรใส่ใจต่อแบรนด์ที่ไว้วางใจในตัวเขา
อ้อ...ที่จริงกานต์มีตำแหน่งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอยู่ด้วย อันที่จริงก็ไม่สามารถใส่เสื้อของแบรนด์อื่นออกสื่อได้เหมือนกัน เพียงแต่ในกรณีนี้ถือเป็นข้อยกเว้น เพราะมีการเจรจาตกลงกันก่อนจะเซ็นต์สัญญาแล้ว กานต์สามารถใส่เสื้อของ แบรนด์อื่นได้กรณีที่ถือพรีเซนเตอร์แบรนด์นั้นๆ โดยการถือพรีเซนเตอร์จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่เครื่องแต่งกาย
กานต์เปลี่ยนกางเกงเป็นยีนส์สีเข้มธรรมดา เลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวมีชื่อแบรนด์ของผู้ว่าจ้าง เอาชายเสื้อเข้าในกางเกง และแน่นอนว่าเข็มขัดที่เขาใช้ก็เป็นของแบรนด์ผู้ว่าจ้างเช่นกัน
ช่างหน้าช่างผมพร้อม น้องหมิงเองก็เข้ามาช่วยดูความเรียบร้อยให้กานต์เหมือนที่ผ่านๆ มา ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ทุกอย่างก็เรียบร้อย
"เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ พี่อยากดื่มเครื่องดื่มอะไรมั้ยครับ ผมกับหมิงจะไปร้านกาแฟตรงหัวมุม" กระแสเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะกานต์นั่งคุยกับพี่แพรวบริเวณมุมรับแขกของร้าน
จีนกลับไปแล้ว ก่อนกลับก็ยังส่งเสียงเอ่ยลากานต์ ครั้นพอแต่งตัวเสร็จ กานต์ก็ออกจากห้องพักที่ถูกใช้เป็นห้องแต่งตัวชั่วคราวมานั่งคุยกับพี่แพรวถึงอาการที่เกิดจากอุบัติเหตุของพี่จี๊ด
"ไม่ล่ะ ขอบใจ...นายไปเถอะ" ตอบปฏิเสธทั้งอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสองหนุ่มสาวที่พากันเดินออกจากห้องเสื้อ ในมือของ หมิงถือกระดาษจดเมนูเครื่องดื่มของพี่ๆ ในร้านติดไปด้วย
ท่าทางพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของคนทั้งคู่ เป็นอะไรที่ทำให้พี่แพรวอมยิ้มนิดๆ และหันไปเอ่ยกับกานต์
"สองคนนี้ดูสนิทกันดีนะ ดูท่าว่ายัยหมิงจะชอบเด็กของเราเข้าแล้วล่ะมั้งกานต์"
"คงไม่มั้งพี่ ผมก็เห็นน้องหมิงเขาสนิทกับทุกคนแบบนี้ตลอด"
"สนิทแบบนี้น่ะใช่ แต่สายตาที่มองน่ะไม่เหมือนมองคนอื่น แถมเด็กเรามันเอาใจเก่งจะตายไป ใครอยู่ใกล้ก็ต้องชอบเป็นเรื่องธรรมดา"
แพรวพราวพูดไม่ผิดหรอก คนอย่างไทม์ใครอยู่ใกล้เป็นต้องตกหลุมรัก พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนสุภาพ เอาใจคนเก่ง แถมหน้าตาก็ไม่ได้ ขี้ริ้ว ออกจะหล่อตี๋อินเตอร์เสียขนาดนั้น...ไม่ต้องเข้ามาทำความรู้จักอะไรหรอก เอาแค่บังเอิญเจอแบบไม่รู้จักกัน ก็คงมีคนมองตามเหลียวหลังจนคอเคล็ดกันบ้างแหละ
"งั้นพี่ก็คงต้องเตือนๆ น้องหมิงหน่อยแล้วล่ะครับ นายไทม์เป็นคนประเภทแอร์ส่วนกลาง บริการทุกระดับประทับใจ ผมไม่อยากให้น้องหมิงเสียใจ"
"เราก็ช่างเปรียบเทียบนะ แต่..." พี่แพรวเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงหน้าคมเฉี่ยวเคียงคอนิดๆ พินิจมองใบหน้าหล่อคมของหนุ่มลูกเสี้ยวแล้วยิ้มบางนัยน์ตาพราวจนกานต์เลิกคิ้วสูงเหมือนจะถามว่า...แต่อะไร "เราก็ไม่ปฏิเสธเลยเนอะ"
"ปฏิเสธอะไรครับ"
"พี่พูดว่าไทม์เป็น 'เด็ก' ของเราตั้งหลายครั้ง เราไม่ปฏิเสธสักครั้งเดียว ก็เลยคิดว่า..."
"ไม่มีอะไรให้คิดทั้งนั้นแหละครับพี่แพรว ผมขี้เกียจปฏิเสธต่างหาก"
"พี่ล้อเล่น..." เห็นคนตรงหน้าเริ่มเสียงเครียดขึ้นมา แพรวพราวก็คร้านที่จะแกล้งต่อ แต่ก็ยังไม่วายแหย่เข้าให้อีกว่า "แต่เราก็โสดสนิทเลยนี่กานต์ ไม่ลองพิจารณาไทม์หน่อยหรือ พี่ว่าถ้าตัดเรื่องเป็นผู้ช่วยออกไป เขายืนข้างเราก็ดูเหมาะสมดีนะ"
"ไม่เอาหรอกพี่ ผมไม่อยากมีแฟนที่ชอบทำตัวเป็นแอร์ส่วนกลาง"
ตอบพลางเปิดขวดน้ำเปล่าดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะปลายตามอง 'แอร์ส่วนกลาง' ที่เดินหิ้วถุงเครื่องดื่มพะรุงพะรังเข้ามา ขณะที่น้องหมิงเดินตัวปลิว ในมือมีแค่แก้วกาแฟของตนเท่านั้น
และเสี้ยววินาทีนั้น กานต์รู้สึกฉุนนายไทม์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้