บทที่ 3
เจ็ดนาฬิกาเที่ยงตรงยิ่งกว่านาฬิกาปลุก กานต์ขับรถมาที่บริษัท ก็พบเจ้าไทม์ยืนรอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
วันนี้นายไทม์อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาเช่นเคย และทันทีที่เห็นเขา ไทม์ก็สาวเท้าฉับๆ ก้าวมาหา ยื่นมือออกมารับกระเป๋าเป้คู่ใจของเขากับเสื้อผ้าที่รีดจนเรียบกริบแขวนบนไม้แขวนเสื้อคลุมด้วยถุงคลุมใบหนากันฝุ่นอีกชั้น
"ยิ้มอะไรของนาย" มันอดถามไม่ได้เมื่อจู่ๆ เจ้าเด็กนี่เอาแต่มองเขานิ่งแล้วก็ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น
"เช้านี้พี่กานต์หล่อ แต่งตัวเหมือนจะไปเจรจาธุรกิจ"
เพราะวันนี้ กานต์อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงทรงสุภาพสีขาว ดูเป็นทางการกว่าปกติในทุกวันที่มักจะใส่เสื้อยืดไม่ก็เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ทั่วไป ผมเผ้าไม่เซ็ต จะมีแค่รองพื้นบนใบหน้าเล็กน้อยเท่านั้น แต่วันนี้ เหมือนกานต์จะเซ็ตผมด้วย ส่งให้การแต่งกายทั้งหมดทั้งมวลนี้ยิ่งทำให้เขาหล่อบาดตาทีเดียว
"ก็นายบอกให้แต่งแบบนี้ไม่ใช่หรือไง" กระแสเสียงกึ่งหงุดหงิดนิดๆ มองหน้าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขา
นายไทม์ตัวสูงกว่าเขาเล็กน้อย หากถ้ามองผิวเผินก็คงสูงไล่เลี่ยกัน ต่างกันตรงที่หมอนี่ดูล่ำกว่าเขาอยู่หน่อยเท่านั้น ถ้าพิจารณาดีๆ ไทม์ถือว่าหุ่นดีมากทีเดียว บางทีกานต์ยังแอบอิจฉา เพราะเคยหลอกถามเรื่องอาหารการกิน แต่นายไทม์กลับบอกว่า กินทุกอย่างปกติ แถมยังเคยเห็นอีกฝ่ายฟาดเค้กเป็นก้อนๆ ในขณะกานต์ คุมอาหารแทบตายกว่าจะได้หุ่นสมส่วนนี้มา
แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญไปกว่าช่วงตอนตีห้า เขาต้องสะดุ้งตื่นจากข้อความของเจ้านี่
ไทม์: พี่ต้องแคสต์บทยมทูตเจ้าเสน่ห์ แต่งหล่อๆ เลยนะพี่ จะได้เข้ากับตัวละคร
อ้อ...แล้วมันส่งข้อความมาตอนตีห้า ตีห้าที่เขากำลังหลับสนิท แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแจ้งเตือน
"แหะ...ผมลืมเลย เรารีบไปกันเถอะครับ" ไทม์ยิ้มแหยด้วยสัมผัสถึงคำด่ามากมายในดวงตาสีเมล็ดอัลมอนด์ชวนฝันของกานต์
พอขึ้นรถมาได้ โดยมีพลขับเป็นลุงสิงห์คนดีคนเดิม ไทม์ก็ยื่นกล่องขนาดย่อมบรรจุแซนด์วิชพอดีคำส่งให้กานต์ทันที
"มื้อเช้าครับ...ห้ามบอกว่าไม่หิว เพราะถึงไม่หิวก็ต้องกินครับ" เสียงทุ้มที่มาพร้อมรอยยิ้มและแววตารู้ทัน เป็นหนึ่งสิ่งที่กานต์หมั่นไส้นายไทม์มากที่สุด "พี่กานต์ กินสักชิ้นสองชิ้นก็ยังดี ผมให้ร้านเขาตัดเป็นชิ้นพอดีคำให้แล้วนะ"
กานต์รับกล่องแซนด์วิชมาถือไว้อย่างจนใจ
กล่องพลาสติกใสด้านในบรรจุแซนด์วิชขนาดจิ๋วจัดเรียงไว้อย่างสวยงาม ด้านบนมีไม้จิ้มเล็กๆ ติดไว้สำหรับใช้จิ้มแซนด์วิช พอเห็นแล้วก็หวนนึกถึงสมัยยังเป็นไอดอลบอยแบนด์วงเรย์ ยามนั้นกานต์และเพื่อนๆ จะต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันเพื่อความสะดวกในหลายๆ อย่าง อยู่ด้วยกันเสมือนเป็นอีกหนึ่งครอบครัว และจะมีพี่เหมกับจีน รับหน้าที่เป็นพ่อครัวประจำบ้าน โดยเฉพาะจีน ที่ลงทุนถึงขนาดสั่งซื้อกล่องข้าวสำหรับสมาชิกทุกคน แล้วทุกๆ เช้าเวลานั่งรถไปทำงาน สมาชิกทุกคนจะต้องถือข้าวกล่องติดมือไปด้วย ด้านในจะมีแซนด์วิชบ้าง ข้าวผัดบ้าง แล้วแต่ความสะดวกของพ่อครัวจำเป็น
กานต์จำได้ว่า ช่วงเดบิวต์เป็นบอยแบนด์เป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยสาหัสสากรรจ์ เพราะบางครั้งก็ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่กานต์มีความสุขที่สุดแล้ว เพราะหลังจากวงหมดสัญญา ทุกคนก็แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง แม้หลังจากนั้นจะยังคงทำงานหนักหน่วงเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามากลับเป็นความว่างเปล่า
การกลับมาที่พักแล้วพบว่าทั้งห้องมีแค่เขาคนเดียวอาศัยอยู่
การที่ตื่นเช้าโดยมีแค่เสียงนาฬิกาปลุกแทนเสียงไล่ทุบประตูห้องของเพื่อนๆ
การที่วันหยุดกลายเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ปราศจากเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
"เฮ้อ..." เสียงทอดถอนใจยาวๆ ดังขึ้นจากคนที่นั่งอยู่ข้างกานต์ แถมเวลานี้กำลังส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กานต์อีกต่างหาก
"เป็นอะไรไทม์"
"ผมน่ะไม่เป็นอะไรหรอกครับ แค่เห็นพี่ทำท่าจะถอนหายใจ ก็เลยชิงถอนหายใจตัดหน้าไปก่อน"
ดูมันตอบเขาสิ...กานต์ส่งค้อนวงใหญ่ไปให้
นายไทม์น่ะไม่ใช่คนหน้าเป็นหน้าทะเล้น แต่มีความขี้เล่นอยู่ไม่น้อย และในบางครั้งก็ช่างสังเกตจนน่าหงุดหงิด
"พี่น่ะชอบเหม่อ เหมือนคิดอะไรในหัวตลอดเวลา แล้วก็ชอบถอนหายใจบ่อยๆ ด้วย"
เรื่องถอนหายใจ ใช่ว่ากานต์จะไม่รู้ตัว...เขารู้ว่าตัวเองชอบถอนหายใจบ่อยๆ แต่เขาก็มั่นใจว่า การกระทำทุกอย่างเป็นไปด้วยความสงบเงียบและคงไม่มีใครสังเกตเห็น เพราะส่วนใหญ่มันจะเกิดขึ้นในเวลาที่เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิดเสียมากกว่า
หรือที่คิดว่าไม่มีใครสังเกตนั้น...เขาคิดผิด บางทีอาจมีคนสังเกต เพียงแต่ไม่พูดออกมา มีแค่เจ้าไทม์ที่ทักเขา
"แต่ก็ช่างเถอะ...เรื่องส่วนตัวของพี่ ผมก็ไม่อยากก้าวก่าย เราสองคนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น" ไทม์ไหวไหล่ตัดบทสั้น และเข้าเรื่องงานต่อ "อ้อ...เดี๋ยวแคสต์งานเสร็จเราไปห้างฯ กันเลยนะพี่ ผมจองร้านอาหารญี่ปุ่นที่ห้างฯ ไว้ เสร็จแล้วก็ไปที่ร้านของพี่แพรว แต่งหน้าทำผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกอีเว้นท์"
"อืม..." กานต์พยักหน้ารับคำ มองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังดูตารางงานของเขาในไอแพดพร้อมมองนาฬิกาข้อมือ สักครู่ก็ทำท่านับนิ้วเหมือนคำนวนเวลา "นายก็ถือว่าทำงานใช้ได้อยู่นะ สำหรับการมาดูแลฉันเต็มตัวครั้งแรกแบบนี้"
"ถ้าพอใจ ตอนประเมินผลการทำงาน พี่ก็ให้คะแนนผมสูงๆ หน่อยแล้วกันนะครับ อยากได้เงินเดือนเพิ่ม"
พูดทีเล่นทีจริง แต่ก็ทำให้กานต์หลุดหัวเราะจนตาแทบปิด