บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ดาวฟู้ดด้า (1)

ตอนที่ 2 ดาวฟู้ดด้า (1)

“ทำไมต้องอยากมาอยากจัดงานที่ดาวนี้ด้วยเนี่ยยยย” เสียงบ่นยาวของชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มดังขึ้นอย่างไม่ชอบใจ ทำไมนักสำรวจที่เน้นสำรวจที่ดาวระดับยูแบบเขา ต้องมีภารกิจมาที่ดาวฟู้ดด้าที่ล่มสลายแล้วด้วย ช่วงนี้รับงานเกรดต่ำไปนะคุณหัวหน้าเซน

“ก็พวกเขาบอกแล้วไงว่าอยากจัดงานรำลึกถึงดาวดวงนี้” ชายหนุ่มอีกคนนามว่าโอเว่นที่มาด้วยกันว่าอย่างหน่ายๆกับน้องเล็กของกลุ่มที่บ่นไม่หยุด

“ใช่งานรำลึกพันปี หลังจากที่อุกกาบาตมาเยือน” หญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มอย่างสเตเฟียว่า

“แต่มันก็อีกสองปีกว่าจะถึงไม่ใช่หรือไง ทำไมรีบจัง” เสียงน้องเล็กยังคงบ่นอุบ

“ทำๆ ไปเถอะน่า รับงานมาก็ทำให้สำเร็จ รีบวางอุปกรณ์เถอะ” เสียงชายอีกคนที่ดูมีอายุมากสุดในกลุ่ม(แต่ไม่ได้แก่นะ)สั่งขึ้น

“ครับ/ค่ะ หัวหน้า” ในเมื่อมีเสียงสั่งแล้ว พวกเขาก็รีบทำงานทันที โดยรีบนำอุปกรณ์ที่ใช้มาเริ่มงาน ส่วนหนึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกปล่อยให้สำรวจไปรอบๆพื้นที่ และมันไม่ได้ส่งแค่ภาพมาให้เท่านั้น มันยังสามารถตรวจวัดค่าข้อมูลต่างๆมาให้ด้วย ซึ่งพวกเขาส่วนหนึ่งก็จะรั้งอยู่จุดที่จอดยานบิน จะเคลื่อนที่ไปต่อก็ตอนที่สิ้นสุดจุดที่จะบังคับหุ่นยนต์ได้หรือไม่ก็เจออะไรน่าสนใจจนต้องเข้าไปสำรวจเอง เพราะหุ่นยนต์ก็สำรวจได้ระดับหนึ่งเท่านั้น อย่างไรเสียก็ต้องใช้คนเข้าไปร่วมด้วย

“แต่จะว่าไปก็สนุกอีกแบบนะ ได้ลอยไปลอยมา” ชายหนุ่มคนแรกที่บ่นออกมาก่อนหน้าหรือมีชื่อว่าเทียนอี้ว่าขึ้น เมื่อเขาทำท่าเหมือนว่ายน้ำไปมาบนอากาศและสายตาก็มองภาพโฮโลแกรมตรงหน้าที่ฉายออกมาจากแท็บเล็ตส่วนกลางที่เชื่อมกับอุปกรณ์ด้วย

“ทำเป็นเล่นไปได้นะเทียนอี้ ถ้าหากเกิดพลาดข้อมูลอะไรไประวังไว้เถอะ หัวหน้าไม่ปล่อยนายแน่” สเตเฟียว่าออกมาอย่างเตือนๆ

“อือๆ ผมจะจับตาดูไว้ตลอดเลย” เทียนอี้รีบเอ่ยออกมาและชูแท็บเล็ตให้อีกคนดูว่าเขาตั้งใจทำงานอยู่จริงๆ ไม่ได้แอบเล่นเกมอยู่แต่อย่างใด ถึงแม้คอนโทรลแบนด์ส่วนตัวของเขาที่อยู่บนข้อมือขวาจะเปิดเพลงคลอไปด้วยก็ตาม

“เฮ้อ จริงๆเลย” เธอได้แต่มองชายหนุ่มจากบนพื้นอย่างเหนื่อยใจ คนอื่นตอนนี้ก็แยกเดินออกไปสำรวจใกล้ๆไปด้วยโดยใช้พาหนะขนาดเล็กอย่างสกู๊ตเตอร์ แต่เธอไม่ได้ไปไหนเพราะรั้งอยู่ที่ยานกับเจ้าน้องเล็กอย่างเทียนอี้ที่ติดเล่นนั่นแหละ ไม่รู้ตอนสอบได้คะแนนเกือบเต็มได้ยังไง

“อะ นั่นๆ ตัวอะไรหละ” หลังจากฟังเพลงจนจะเข้าเพลงที่สี่แล้วเทียนอี้ก็เหมือนเจออะไรสักอย่างเข้าจากในจอแสดงภาพโฮโลแกรมที่ฉายออกมาจากแท็บเล็ตเครื่องที่เขาดูแลอยู่

“อะไรล่ะ ไม่ต้องมาล้อเล่นเลยนะ” ส่วนสเตเฟียที่นั่งอยู่บนพื้นได้โดยใช้รองเท้าเพิ่มแรงโน้มถ่วงเอ่ยออกมาเสียงเย็นอย่างไม่เชื่อใจอีกฝ่ายเสียเท่าไหร่ ก็เธอเคยโดนหลอกมาก่อนนี่นา

“จริงๆ ลองเปิดดูจากเครื่องของผมสิ” แต่คราวนี้เทียนอี้ยืนยันหนักแน่นไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด พร้อมส่งสายตาจริงจังให้หญิงสาวรุ่นพี่ที่มองขึ้นมาจากพื้นด้วย

“อะๆ จะดูก็ได้” สเตเฟียยอมเชื่อและเลือกลดหน้าจอหลักที่เธอดูอยู่ให้เล็กลงแล้วเปิดภาพจากหุ่นยนต์จากเครื่องที่เทียนอี้ดูแลขึ้นมาดู

“เห็นหรือยัง ฝั่งขวาของภาพเหมือนจะมีอะไรลอยอยู่ด้วย เดี๋ยวผมจะให้หุ่นยนต์เข้าไปใกล้กว่านี้” เทียนอี้ว่าขึ้น พร้อมที่ภาพเลื่อนเข้าไปใกล้มากขึ้นทั้งจากการเคลื่อนที่เข้าไปของหุ่นยนต์และการซูมภาพด้วยอีกส่วน

“นั่น นั่นมันคนไม่ใช่หรือ” สเตเฟียจ้องภาพอย่างตั้งใจ และโพล่งออกมาเมื่อเห็นชัดแล้วว่าสิ่งที่เทียนอี้ชวนดูคืออะไร

“จริงด้วย เด็กหนุ่มคนหนึ่ง สวมชุดนักเรียนอยู่ด้วย” เทียนอี้ที่สำรวจชัดแล้วว่าออกมา

“เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ เราต้องไปช่วยเขาก่อน ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” สเตเฟียว่าขึ้นพร้อมกับรีบติดต่อไปหาเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนที่แยกย้ายไปคนละด้านทันที

“เราเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งในทิศตะวันออกห่างจากยานประมาณ 103 กิโลเมตร กับอีก 149 เมตร ขอให้คนที่อยู่ใกล้ช่วยเข้าไปตรวจสอบด้วย” เสียงของหญิงสาวพูดออกไปตามเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมต่อกันทันที

“รับทราบ!” และอีกสามคนที่ออกไปสำรวจก็เร่งเดินทางไปยังทิศทางที่หญิงสาวร่วมทีมว่าทันทีพร้อมเปิดภาพจากจอหุ่นยนต์เครื่องที่เที้ยนอี้รับผิดชอบและดูแผนที่นำไปทางอีกด้วย

ด้านเพเนียสที่สลบไปตั้งแต่ตอนเที่ยงของเมื่อวาน วันนี้เขาตื่นขึ้นมารับรู้คร่าวๆ ว่าเป็นตอนสายๆ แล้วก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในที่แปลกๆ เสียได้ แปลกขนาดไหนนะหรือ ขนาดที่ว่าตัวเขาลอยได้นะสิ และรอบๆ ตัวก็มีเศษซากเศษหินอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด นี่คงจะทำให้เขาสมกับคำว่าขยะแห่งดวงดาวสินะ

“นี่ฉันต้องมาตายอยู่ที่นี่gหรอเนี่ย” เพเนียสมองไปรอบๆ เขารู้ได้เลยว่าไม่อาจทำอะไรได้สักอย่าง ถึงแม้ตัวจะลอยได้แต่ไม่ใช่ว่าจะขยับไปไหนได้ง่ายๆ เสียหน่อย และยังเคลื่อนที่คล้ายหนอนด้วยเพราะมือเท้าเขาถูกมักติดกัน เขาเหมือนเมฆที่ลอยไปตามลมช้าๆก็เท่านั้น ไหนจะบาดแผลที่สู้เอาเป็นเอาตายกับคนพวกนั้นอีก รอดมาได้ก็มาตายที่ใหม่อย่างนั้นหรือ แล้วเขาจะมีทางรอดทางไหนบ้างเนี่ย มองไปทางไหนก็ไม่เห็นสิ่งที่จะช่วยให้เขาไปได้เลย

“หมดสิ้นแล้วสินะ” เพเนียสได้แต่เอ่ยปลงตกกับชีวิต ทั้งชีวิตเขายังไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ไปเรียนที่ดาวระดับบีเพื่อที่จะได้มีความรู้ก้าวไกลก็ไปเจอกับพวกแบ่งชนชั้น จะย้ายโรงเรียนก็ไม่ได้อีกเพราะไม่มีเงินมากพอ แล้วเขาจะมาตายในที่ที่ไม่มีใครหาเจออีกนะหรือ แล้วพวกคนชั่วที่ตั้งใจจะปล่อยให้เขาตายแบบนั้นหละ จะให้พวกมันได้เสวยสุขจริงๆนะหรือ

“เจอแล้ว เป้าหมายห่างออกไปเพียง 500 เมตร” หนึ่งในทีมสำรวจอย่างซึลยอนเอ่ยขึ้นให้เพื่อนร่วมทีมได้รู้แล้วรีบเร่งสกู๊ตเตอร์ลอยเข้าไปหาเป้าหมายหรือก็คือคนที่เห็นในภาพนั่นเอง

“ฉันก็จะถึงแล้ว ระวังตัวด้วย” หัวหน้าเซนที่ยังมาไม่ถึงก็รีบว่าออกมาอย่างเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะคนร้ายหรือคนโชคร้ายกันแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel