เด็กดีงั้นเหรอ !?
รถเก๋งญี่ปุ่นสีขาวคันเล็กเปิดไฟเลี้ยวแล้วหมุนพวงมาลัยหักเข้าจอดเทียบที่หน้าบ้านหลังสุดท้ายในซอยของโครงการบ้านจัดสรรชื่อดังแห่งหนึ่งแถบชานเมือง
ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออก ร่างเล็กบอบบางผิวขาวจัดอย่างคนมีสายเลือดแผ่นดินใหญ่จากฝั่งพ่อ สวมเชิ้ตขาวทับด้วยสูทสีแดง กระโปรงสอบแค่เข่าสีเดียวกับสูทซึ่งเป็นเครื่องแบบของบริษัท ใบหน้าสวย นัยน์ตาคมหวานจากทางฝั่งแม่ที่มีเชื้อสายมอญ หากบัดนี้ดวงตานั้นฉายชัดถึงความหงุดหงิดตึงเครียด คิ้วได้รูปขมวดมุ่น เธอยืนกอดอกจ้องมองผ่านประตูรั้วเข้าไปในบ้านด้วยความหงุดหงิดเต็มทน
ลิวาดา หรือหลิว คือชื่อของเธอ
ปีนี้เธออายุย่างยี่สิบหก พ่อของเธอเสียชีวิตไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังจากนั้นเมื่อต้นปีแม่ก็แต่งงานใหม่กับชาวต่างชาติวัยเกษียณคนหนึ่งที่ชื่อลุงเท็ด เขาเคยแต่งงานกับสาวไทยและเลิกรากันไปหลายปี มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนอายุน้อยกว่าเธอหกปีที่ชื่อ แดเนียล
ลุงเท็ดจัดได้ว่าเป็นชาวต่างชาติที่พอมีพอกินค่อนไปทางร่ำรวย เขาซื้อบ้านหลังใหญ่ในโครงการมีชื่อเสียงแล้วพาแม่กับเธอเข้ามาอยู่ด้วย และให้แม่ของเธอลาออกจากงานพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อมาดูแลเขาพร้อมให้เงินเดือนใช้ซึ่งมากกว่าเงินเดือนเดิมของแม่ถึงสามเท่า หลิวเองยินดีที่แม่จะมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตและคอยดูแล และลุงเท็ดก็ดีกับท่านเหลือเกิน เรื่องเหมือนจะจบอย่างมีความสุขเช่นในนิยาย แต่กลับมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นจนกระทั่งเธอไม่สามารถอยู่ร่วมชายคาเป็นครอบครัวที่นี่ได้ตามที่แม่ต้องการ
ทั้งหมดทั้งมวลมีสาเหตุมาจากไอ้เด็กลูกครึ่งตัวเท่าควายคนนั้น คนที่มีฐานะเป็นน้องชายต่างสายเลือดของเธอ
แดเนียล หรือนายแดนตัวแสบนั่น
“ หลิว เข้าไปดูบ้านให้แม่หน่อยนะลูก ไปนอนวีคละครั้งก็ยังดี เข้าไปสักวันศุกร์ ค้างสักคืน เสาร์เย็น ๆ ค่อยกลับ แม่กับลุงเท็ดต้องบินไปบ้านลุงที่ต่างประเทศเพื่อจัดการเอกสารภาษีบางอย่างและถือโอกาสไปเยี่ยมญาติด้วยสักสองเดือน แดเนียลอยู่บ้านคนเดียว ”
นั่นคือคำวอนขอแกมบังคับของผู้เป็นแม่ที่โทรหาเธอ ทั้งที่บ้านหลังเบ้อเริ่มนี้ตั้งอยู่ในโครงการอันมีชื่อ บริการจากส่วนกลางนั้นมีทั้งกล้องวงจรปิด ทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกวัน ทว่าสิ่งเหล่านั้นอาจไม่สามารถป้องกันเรื่องวุ่นวายจากคนที่อยู่ในบ้านได้
แดเนียลอยู่บ้านคนเดียว นั่นมันคือเหตุผลวายป่วงที่เธอต้องมาที่แห่งนี้ทั้งที่ไม่อยากเหยียบย่างมาอีกแม้สักครั้ง
“ เด็กนั่นมันจะเผาบ้านหรือไงล่ะแม่ ถึงต้องให้หลิวไปดูด้วย ” นั่นคือสิ่งที่เธอถามประชดประชัน และคำตอบที่แม่ให้กลับมาคือ
“ ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรถึงขั้นนั้น แดนอาจจะมีเกเรเสเพลบ้างตามประสา มีจัดปาร์ตี้บ้างอะไรบ้าง แม่แค่กลัวว่าจะเละเทะเกินเลยไปสักหน่อย เอาน่า ก็แค่ไปดูน้องบ้างจะเป็นไรไป ไหน ๆ ก็เป็นพี่เป็นน้องกันแล้ว ”
ใครอยากจะเป็นพี่เป็นน้องกับนายนั่นกันล่ะ !
เธอแย้งอยู่ในใจ
“ แดนน่ะเป็นเด็กดีนะหลิว แม่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลิวต้องมองน้องในแง่ร้ายขนาดนั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ลุงเท็ดกับแม่เดือดร้อน ”
เด็กดีงั้นเหรอ !?
แต่จะโทษแม่ก็ไม่ได้ เพราะท่านไม่ได้เจออย่างที่เธอเจอกับแดเนียลนี่นา เด็กนั่นมันร้ายเกินอายุ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าหวานก็ร้อนวูบ สลัดศีรษะตัวเองแรง ๆ เพื่อหวังขับไล่ความรู้สึกบ้า ๆ นั้นให้หลุดหายจากความทรงจำเสียที
ความรู้สึกที่น้องชายต่างสายเลือดคนนั้นตราตรึงไว้บนร่างกายของเธอในคืนนั้น !
“ หลิว ฟังแม่อยู่หรือเปล่า ทำไมเงียบ ” ปลายสายส่งเสียงเรียกเมื่อไม่มีการตอบรับจากลูกสาว เธอรีบดึงตัวเองให้พ้นจากภวังค์ทันที
“ อยู่จ้ะแม่ อยู่ โอเค เดี๋ยวหลิวเข้าไปดูให้ แม่ไม่ต้องห่วงนะ เดินทางปลอดภัยเที่ยวให้สนุก ฝากบอกลุงเท็ดด้วย ”
“ ขอบใจมากนะลูก ”