บทที่ 3 มิติ?
บทที่ 3
มิติ?
“นายหญิง นายหญิง นายหญิง!”
“ใคร?”
“มายาเอง มายาอยู่ในตัวท่าน ตอนนี้ผนึกส่วนหนึ่งถูกทำลายลงแล้ว ข้าออกมาได้แล้ว เย่ ๆ ”
“ผนึก? เจ้าชื่อมายา? เจ้าอยู่ในตัวข้า?“ ไป๋เฟยหรงกรอกตาขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย คราวนี้ตัวอะไรโผล่มาอีก ร่างนี้ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์หรอกหรือ? ทำไมความลับเยอะเสียจริง
“ใช่ข้าคือมายา มายาเป็นจิตวิญญาณแห่งมิติของนายหญิง ท่านลองตั้งจิตให้มั่นแล้วจะสัมผัสได้ถึงมายา” มายาส่งเสียงอย่างตื่นเต้น
ไป๋เฟยหรงรีบทำสมาธิ โคจรพลังจิตสัมผัสกับมิติในจิตวิญญาณทันที แต่เดี๋ยว! เอ๊ะ..ไม่สิ! ร่างนี้เป็นคนไร้พลังไม่ใช่หรือ แต่ทำไมนางถึงรู้สึกมีพลังไหลวนอยู่ในร่างกายล่ะ? เอาเถอะช่างมันก่อน นางทำกำลังเข้าสมาธิทำจิตให้นิ่งสงบแต่จู่ๆ ก็รู้สึกถึงแรงดึงดูด
พรึบ!
เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก นี่หรือสิ่งที่เรียกว่ามิติ มิติตรงหน้ามันช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก เหมือนกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด ภายในมิติมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีจวนขนาดกลางหนึ่งหลัง ด้านข้างจวนมีน้ำตกสีม่วงใสแวววาวดูลึกลับ ด้านหน้ามีแปลงสมุนไพรที่มีสมุนไพรปลูกอยู่เกือบเต็มพื้นที่
มายาเหลือบมองนายหญิงที่ตื่นตะลึง เผยยิ้มแป้น เอ่ยเสียงหวาน “นายหญิงชอบหรือไม่?”
ไป๋เฟยหรงได้สติ หรี่ตามองเจ้าสิ่งมีชีวิตตรงหน้า “เจ้าก็คือจิตวิญญาณของมิติหรือ??” ตรงหน้านางคือเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มอายุประมาณ ห้าหกขวบ แต่ที่ต่างจากเด็กทั่วไปก็คือมีใบหูที่ยาวๆ แหลมๆ มีเขี้ยวน้อยๆ ข้างปาก กลางหน้าผากมีจุดสีดำแต้มอยู่ ตัวป้อมๆ กลมๆ ช่างเป็นรูปร่างที่ แค่ก เหมือนกับตัวการ์ตูนยางรถมิชลินในยุคที่นางจากมาเหลือเกิน
"แค่กๆ เอ่อ"
“นายหญิงต้องรออีกสามวันท่านถึงจะสามารถฝึกพลังได้ ตอนนี้ท่านต้องเก็บตัวอยู่ในนี้เสียก่อน” การทะลวงระดับพลังข้างนอกอาจเป็นอันตรายแก่ท่านได้ เพระมันจะยิ่งใหญ่เกินไป อาจจะดึงดูดพวกแมลงหวี่แมลงวันมาได้ อันนี้มายาแค่คิดแต่ไมได้พูดออกไป
“ไม่ใช่ว่าร่างนี้ฝึกพลังไม่ได้? นางเป็นเพียงขยะไม่ใช่หรือ?”
มายาส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นเพราะเกร็ดมังกรทองที่ผนึกท่านไว้ต่างหาก.”
“ช่างเถอะ ก่อนอื่นเจ้าลองอธิบายเกี่ยวกับมิติแห่งนี้ให้ข้าฟังที” ตอนนี้นางอยากรู้มากกว่า ว่าภายในที่แห่งนี้มีอะไรที่นางสามารถทำได้บ้าง
“อย่างที่นายหญิงเห็นที่นี่จะมีพลังปราณที่เข้มข้น ความบริสุทธิ์เหมาะสำหรับการฝึกพลังอย่างมาก ตอนนี้นายหญิงเพิ่งจะปลดผนึกได้ แถมระดับพลังก็น้อยนิดเหลือเกิน ดังนั้นที่นี่จึงมีแค่จวนขนาดเล็ก ด้านในมีเพียงแค่ห้องพักผ่อนและห้องหลอมโอสถ
ส่วนด้านนี้คือน้ำตกผลึกนิล เป็นน้ำตกระดับสูง สรรพคุณดั่งน้ำทิพย์เทวาของสรวงสวรรค์ ชำระล้างความสกปรกของจิตวิญญาณ ช่วยเพิ่มพลังจิต และยังเป็นส่วนผสมสำคัญของการปลูกสมุนไพรและการหลอมโอสถ ด้านหน้าคือแปลงสมุนไพรทั้งหมดเป็นสมุนไพรหายาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังเป็นเพียงระดับต่ำเท่านั้น อย่างสุดท้ายคือท่านสามารถปรับเวลาภายในมิติได้ ตอนนี้สูงสุดคือที่นี่หนึ่งวันเท่ากับโลกภายนอกหนึ่งเค่อ ในวันข้างหน้าอาจจะมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับระดับพลังของท่าน”
“อืม...ดี เช่นนั้นถ้าพลังข้ายิ่งสูงมิตินี้ก็จะยิ่งมีประโยชน์ยิ่งขึ้นใช่หรือไม่? หึ นี่มันการโกงพลังกันชัดๆ ถ้าเช่นนี้คนที่มีมิติจะไม่เก่งดุจเทพเซียนกันหมดเลยหรือไง?”
“ผิดแล้วเจ้านาย เท่าที่มายารู้คนที่มีมิติมีแค่สองคน และหนึ่งในนั้นคือท่าน”
“พิเศษขนาดนี้เชียว?” ไป๋เฟยหรงเลิกคิ้วด้วยความสนใจ “เพราะร่างของข้าคนเก่าไม่สามารถฝึกพลังได้ ข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับพลังเลย พลังในโลกนี้แบ่งเป็นอย่างไร”
“พลังของที่นี่แบ่งเป็น หกสีด้วยกัน ไล่ความต่ำของพลังเจ้าค่ะ ตั้งแต่ สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วงและพลังสูงสุดของที่นี่คือสีแดง ทุกระดับจะมี ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ไล่ตามความเข้มข้นของสีพลัง แคว้นที่ท่านอยู่ตอนนี้ มีพลังสีแดงแค่คนเดียวคือฮ่องเต้คนก่อน แต่ตอนนี้คนผู้นั้นเก็บตัวอยู่แต่ในส่วนลึกของวัง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกส่วนฮ่องเต้คนปัจจุบันมีแค่พลังสีม่วงเท่านั้น ขนาดท่านพ่อท่านที่เป็นถึงแม่ทัพแห่งแคว้นพลังยังอยู่แค่สีน้ำเงินขั้นต่ำเอง”
ไป๋เฟยหรงแอบยกมุมปากขบขันน้อยๆ “เจ้านี่รู้ทุกเรื่องเลยนะ รอบรู้ขนาดนี้เก็บไว้มีแต่ประโยชน์”
มายาที่ได้ยินคำชมก็ยิ้มแป้น รีบพูดต่อทันที “ยังมีอีกนะนายหญิง สิ่งที่สำคัญมากๆ อีกอย่างคือรากวิญญาณ รากวิญญาณมีทั้งธรรมดาและแบบหายาก แบบธรรมดาแบ่งเป็น
ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม้ รากพิเศษมีสามอย่าง รากวิญญาณแสง รากวิญญาณความมืด และอย่างสุดท้ายรากสุดท้ายคือรากที่ไม่เคยปรากฏบนโลกนี้ ว่ากันว่ามนุษย์ไม่สามารถมีรากวิญญาณนี้ได้ นั่นคือรากวิญญาณมิติ”
“แต่เจ้าเป็นจิตวิญญาณมิติไม่ใช่หรอ? อย่างนั้นข้าก็ต้องมีรากวิญญาณมิติสิเจ้าจะบอกว่ามนุษย์ไม่มีได้อย่างไร? สรุปว่าเจ้าพูดจริงหรือพูดจาไปเรื่อย?”
ข้าเป็นจิตวิญญาณเก่าแก่นะนายหญิง แน่นอนว่าย่อมรู้ทุกเรื่องที่นายหญิงอยากรู้ ไม่ได้พูดไปเรื่อยสักหน่อย แต่บางเรื่องข้ายังไม่สามารถบอกนายหญิงได้ เมื่อถึงเวลานายหญิงก็จะทราบเอง”
ไป๋เฟยหรงเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึง ในใจนางกำลังเริ่มหงุดหงิด “เอาล่ะ ข้าจะไปฝึกพลัง ดังนั้นเจ้าปรับเวลาสูงสุดให้ข้า ห้ามรบกวน”นางไล่เจ้ามายาออกไป แล้วสงบจิตสงบใจเข้าสู่การฝึกพลังอย่างเต็มกำลัง
การฝึกพลังสำหรับนางไม่ยากจนเกินไป ในโลกก่อนการที่จะออกไปทำภารกิจแต่ละครั้งนางก็มักจะทำสมาธิเป็นวัน ทำให้จิตนางนิ่งสงบมั่นคงมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เพียงแค่พ้นกำหนดปรับร่างกายสามวันตามที่เสียงนั้นบอก พลังที่อัดแน่นในร่างกายก็ปะทุออกมา
ปัง!
แสงเจิดจ้ารอบกายสีเหลืองอ่อนค่อยๆ ล้อมรอบตัวของไป๋เฟยหรง เพียงแต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ระดับสีจากเหลืองอ่อนค่อยๆ ไล่ไปจนเหลืองเข้ม
ปัง!
พลังของนางไม่ยอมหยุดแค่นั้นจากเหลืองเข้มเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างรวดเร็ว จากสีเขียวจางก็ค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะยังไม่จบง่ายๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
จากเขียวเข้มเข้มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าจาง ยังคงเข้มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นฟ้าเข้มแล้วก็ค่อยๆ นิ่งไป
ถ้ามีใครสักคนรู้ว่าการฝึกยกระดับพลังครั้งเดียวของไป๋เฟยหรงสามารถเลื่อนระดับได้ถึงสามระดับภายในครั้งเดียว แถมนางยังใช้เวลาเพียงแค่สามวันเท่านั้น นอกจากคนเหล่านั้นจะมองว่านางไม่ใช่ขยะแล้ว ยังจะมองว่านางคืออัจฉริยะลูกรักสวรรค์เสียด้วยซ้ำ
ไป๋เฟยหรงปรับพลังให้คงที่ก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางรู้สึกว่าร่างกายของนางตอนนี้มีพลังปราณอบอุ่นหมุนเวียนอยู่ ความรู้สึกร่างกายเบาสบายแบบนี้ นางชอบมันมาก
“หึ! ขั้นหลังสีเขียวหรอ? สามขั้น? ยังไม่พอ แต่ไม่เป็นไรข้ายังมีเวลาอีกเยอะ”
เมื่อสามารถฝึกพลังได้แล้ว นางจะทำให้พวกที่คอยเหยียบย่ำนางได้รู้ว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าขยะ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ร่างนี้ต้องเผชิญ ต้องทนทุกทรมานแทบตายทั้งเป็นจากคนที่เป็นครอบครัว นางรู้สึกแค้นเหมือนว่าตอนนี้นางไม่ใช่คนเดิมแต่กลายเป็นไป๋เฟยหรงเต็มตัวเสียแล้ว ทั้งร่างกาย จิตวิญญาณ หรือแม้แต่ภาษาที่ไม้คุ้นชิน นางไม่รู้สึกผิดแปลกสักนิด นางถือคติที่ว่ามีแค้นก็ต้องชำระ ใครดีมานางดีตอบ แต่ถ้าใครร้ายมา อย่าว่านางโหดเหี้ยมถ้านางต้องเอาคืน ต่อให้มือต้องเปื้อนเลือดมากเพียงใดก็ไม่เป็นไร อย่างไรแต่เดิม นางก็ไม่ใช่คนดีมีศีลธรรมอะไรอยู่แล้ว