บทที่ 8 ของขวัญ
บทที่ 8 ของขวัญ
หลายนาทีต่อมา
พลอยเดินยิ้มหน้าบานตรงมาหามุกดาซึ่งเธอกำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ และเอ่ยถามเสียงหวานแกมขำ
“นี่..ป้ามุกของฉันมีชุดสวยๆ ไปงานรึยังอะ ถ้าไม่มีตอนเย็นเราไปหาซื้อไหม”
“ยังเลย แต่เดี๋ยวเพื่อนเอามาให้ใส่ ไม่เป็นไรหรอก”
“อ๋อ..”
“อืม..ขอบใจนะที่ชวน”
“ป้าอะ พรุ่งนี้แต่งตัวสวยๆ นะป้า พรุ่งนี้พลอยว่าป้าต้องได้รางวัลแน่นอน”
“ไม่หรอก” มุกดาตอบกลับแบบถ่อมตัวแล้วหันมาทำงานต่อ พลอยยิ้มให้ก่อนจะตวัดสายตามองวิลเลียม ซึ่งชายหนุ่มก็กำลังมองเธออยู่พอดี
“น้องวิล..ว่าแต่พรุ่งนี้น่ะมีคนควงแล้วใช่ไหมคะ” วิลเลียมยิ้มแหยๆ แล้วหันมองมุกดาก่อนจะเอ่ยตอบพลอยไปตรงๆ
“มีแล้วครับ”
“เอ้า~ พี่อุตส่าห์รอให้น้องวิลชวนอยู่ เฮ้อ~ วาสนาพี่กับน้องวิลไม่บรรจบกัน เสียใจ..” พลอยแสร้งเบะปากแล้วเดินออกไป วิลเลียมได้แต่มองอย่างยิ้มๆ ก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้มาหามุกดา
“พี่มุกครับ พรุ่งนี้ให้วิลไปรับไหม”
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอง”
“อ๋อ..งั้นเราเจอกันที่งานเลยดีกว่าเนอะ แต่งตัวสวยๆ นะครับพี่~” วิลเลียมยกมือขึ้นมาผสานกันไว้ระดับหน้าอกแล้วทำตาปริบๆ อ้อนมุกดาจนหญิงสาวหลุดขำออกมาจริงๆ
“นายทำแบบนี้กับคนอื่นจนชินแล้วสินะ”
“เปล่าๆ ไม่เคยทำเลยต่างหาก นี่พี่มุกเป็นคนแรกเลยนะครับเนี่ย”
“หึหึ..ฉันจะเชื่อแล้วกันนะ อ๋อ แล้วก็งานน่ะนายยังทำไม่เรียบร้อยนะ ตั้งใจด้วยล่ะ” วิลเลียมทำหน้าจ๋อยแล้วเลื่อนเก้าอี้มาที่โต๊ะตัวเองก่อนจะเอ่ยตอบมุกดาไปเสียงเอื่อย
“ครับพี่~ ผมจะตั้งใจกว่านี้ครับ”
“ค่ะ ตั้งใจด้วย” มุกดาเลื่อนแว่นตาลง มองหน้าวิลเลียมตรงๆ ก่อนที่ตนเองจะหันกลับมาทำงานจนเสร็จ พอถึงเวลาพักเที่ยง จากที่เคยเงียบเหงานั่งกินข้าวคนเดียว แต่สองวันมานี้เธอไม่เคยเหงาเลย เพราะมีเด็กช่างพูดคนหนึ่งมานั่งกินด้วยประจำ
“พี่มุกครับวิลอยากลองกินลูกชิ้นอะ กินด้วยกันไหมเดี๋ยววิลเดินไปซื้อ”
“ไม่เอา ลูกชิ้นแป้งเยอะ”
“ได้ไงอะ ไม่รู้แหละเดี๋ยววิลสั่งมาให้พี่มุกด้วย” วิลเลียมเดินออกไปก่อนโดยไม่ทันมองสีหน้าเบื่อหน่ายของมุกดา เขามันจุ้นจ้านจริงๆ
‘หึหึ..ปากบอกกลัวอ้วน เอาอะไรมาอ้วนวะ กินข้าวอย่างกับแมวดมแบบนี้ น่ารำคาญยัยแว่นชะมัด’
วิลเลียมเท้าเอวยืนรอลูกชิ้นปิ้งไม่นานก็ได้ เขาถือเดินมาหามุกดาและถือวิสาสะหยิบลูกชิ้นไปวางใส่จานข้าวเธอหนึ่งไม้
“กินเลยครับ กินเลยอร่อยนะ”
“นายนี่มันจุ้นจ้านไม่พอยังจะ..” หญิงสาวกัดฟันแน่นแล้วก้มมองลูกชิ้นที่เขาส่งให้ เธอเลือกที่จะพ่นลมหายใจออกหนักๆ แทนการพูดต่อ ก่อนที่จะหยิบลูกชิ้นขึ้นมากัดกินและนั่นก็ทำให้วิลเลียมยิ้มไม่หุบ เมื่อกินข้าวอิ่มทั้งสองก็แยกย้ายกันไป
17:00
“อื้อ~ เสร็จแล้วครับพี่คนสวย” วิลเลียมบิดกายไปมาเบาๆ แล้วจึงหยิบเอกสารบนโต๊ะทำงานยื่นให้มุกดา หญิงสาวรับมาเปิดดูแล้วพยักหน้าให้
“โอเคค่ะ เก่งขึ้นมากเลย”
“นี่พี่ชมผมเหรอ”
“ค่ะ ทำงานเก่งก็ต้องชม เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” ชายหนุ่มรุ่นน้องหุบยิ้มกับประโยคถัดมาของมุกดา “ทำหน้าแบบนั้น คาดหวังอะไรกับคำตอบฉันอยู่เหรอ”
“เปล่า…งั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย พี่ๆ ครับผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ มีธุระสำคัญจริงๆ ครับ”
“โอเค แต่วันหลังไม่ได้แล้วนะ” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น วิลเลียมก้มศีรษะให้ทุกคนก่อนจะถือกระเป๋าเดินออกมาจากออฟฟิศ เขาและเดคพยักหน้าให้กันเบาๆ
“นายครับ งานพรุ่งนี้ผมว่านายไม่รอดแน่นอน”
“ได้ไงวะ กำลังสนุกเลยนะ ไม่รอดได้ไง”
“พรุ่งนี้ผมคิดว่านายใหญ่ต้องให้ลูกน้องไปคุ้มกันมากกว่าสิบคนแน่นอน และอีกอย่างนายใหญ่อาจจะเปิดตัวเจ้านายในวันพรุ่งนี้เพราะ..เจ้านายเป็นประธานบริษัทลูกแห่งนี้” วิลเลียมทำหน้าเซ็งกับคำพูดจริงจังของลูกน้อง
“นี่! นายน่ะเลิกพูดอะไรที่มันจริงจังได้แล้ว น่ารำคาญชะมัด”
“นายครับ ถูกลงโทษไม่ได้สนุกเหมือนตอนนี้นะครับ”
“เออๆ รู้แล้วน่า..พล่ามมากอยู่ได้” เดคได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ให้กับความดื้อรั้นของผู้เป็นนาย หากเจ้านายตัดสินใจแล้วมีหรือลูกน้องอย่างเขาจะห้ามปรามได้ “ไปดูเครื่องประดับกันดีกว่า..”
“เครื่องประดับแบบไหนครับ”
“ถามมากอีกแล้ว เดี๋ยวกูพาไปก็เห็นเองนั่นแหละ”
“ครับนาย” เมื่อพูดจบทั้งสองหนุ่มก็เดินมาที่ลานจอดรถ วิลเลียมรับหน้าที่ขับเองทำเอาเดคนั่งตัวแข็งทื่อไปตลอดทางกับการขับรถหวาดเสียวของผู้เป็นนาย เท้าเขาแตะพื้นค่อยรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เดคยกมือทาบอกแล้วพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อะไรกัน…แค่นี้เอง”
“ขับแบบนี้ ยมบาลคงเพิ่มรายชื่อเราลงบัญชีหนังหมาแล้วมั้งครับ”
“เหอะ! ตลกมากไหม”
“นายเห็นผมทำหน้ายังไงครับ” เดคหันตัวมามองหน้าผู้เป็นนายด้วยสีหน้าเรียบเฉยสุดๆ วิลเลียมแสยะยิ้มแล้ววางมือลงบนบ่าแกร่ง
“หึหึ..นายนี่มัน..” ดวงตาคมกริบกลอกกลิ้งไปมาด้วยความระอาก่อนที่จะเดินนำเดคเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทั้งสองเดินตรงไปยังร้านเครื่องประดับที่เป็นร้านประจำของย่าและแม่ พอเดินเข้ามาในร้านวิลเลียมก็ถูกต้อนรับอย่างดี
“วันนี้คุณวิลเลียมอุตส่าห์มาที่นี่เอง ไม่ทราบว่าต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
“ขอดูชุดเครื่องเพชร..เอ่อ..อะไรก็ได้ที่สวยๆ เหมาะกับผู้หญิงวัย..สามสิบสามปี”
“นี่เจ้านายรู้จักอายุป้าแว่นได้ไงครับ”
“มันจะไปยากอะไรวะ..” มุมปากหนายกยิ้มร้ายกาจ
เมื่อหลายชั่วโมงก่อน
วิลเลียมยืนฉี่อยู่ในห้องน้ำเขาผิวปากร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีก่อนที่รุ่นพี่คนหนึ่งจะเดินเข้ามายืนฉี่ข้างๆ มาเฟียหนุ่มหันมายิ้มให้แล้วชวนคุย
“เอ่อพี่ครับ ผมขอถามอะไรอย่างได้ไหมครับ”
“มีไร ถ้าตอบได้นะถามมาเลย”
“พี่มุกดาเนี่ย เขามีแฟนหรือยังครับ”
“เคยมีแต่เลิกแล้ว แฟนทิ้งไปมีคนใหม่”
“น่าสงสารนะครับ” วิลเลียมลอบกลอกตาไปมาเพราะเรื่องนี้เขารู้แล้ว แต่เรื่องที่อยากรู้ไม่ใช่แบบนี้น่ะสิ “พี่เขาเป็นอะไรเหรอครับ ถึงเลิกกันน่ะ” วิลเลียมเอ่ยถามต่อ
“ไม่รู้ว่ะ น่าจะเป็นเพราะอายุห่างกันมั้ง”
“แล้ว…พี่มุกดาอายุเท่าไหร่เหรอครับ” วิลเลียมกระซิบถามเสียงเบา
“ครบสามสิบสามอีกไม่กี่เดือนนี้แหละ”
“อ๋อ..” ‘โหป้า อยู่มายังไงสามสิบสามปีเนี่ย ไม่คิดจะมีลูกมีผัวบ้างเหรอ ถ้ามีลูกป่านนี้คงวิ่งเร็วแล้ว’ วิลเลียมพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกมาล้างมือเมื่อทำธุระเสร็จ “สามสิบสามปี..หึหึ” มุมปากกระตุกยิ้มบางๆ อย่างคาดเดาอะไรไม่ได้ก่อนที่เขาจะเดินออกมา
ปัจจุบัน
“สร้อยเรามีหลายแบบมากเลยครับ มีทั้งเซตรวมต่างหูด้วย และแยกเป็นสร้อยต่างหาก” พนักงานหนุ่มแนะนำสินค้าด้วยท่าทางสุภาพ วิลเลียมเพ่งมองชุดเครื่องประดับอันหนึ่ง
“อันนี้ก็สวยดี”
“คุณวิลตาถึงมากครับ อันนี้เพิ่งทำเสร็จใหม่ เป็นการออกแบบโดยช่างมากฝีมือ”
“งั้นเอาอันนี้”
“ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้” มาเฟียหนุ่มยิ้มมุมปาก มองสร้อยเพชรที่ตนเองเพิ่งซื้อ ในเซตมีต่างหูคู่หนึ่งและมีสร้อยเพชรเส้นไม่ใหญ่มากนัก เหมาะสำหรับคนตัวเล็กๆ อย่างมุกดา
“รบกวนห่อใส่กล่องของขวัญแล้วนำไปส่งให้หน่อยนะครับ ไม่ต้องออกนามใครและแปะโน้ตตามที่ผมเขียนไว้” เมื่อจ่ายเงินเสร็จเขาก็เดินออกมาพร้อมกับเดค ทั้งสองหนุ่มเดินตรงไปยังโซนขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“นายครับ พอแล้วนะครับ จะเต็มรถเข็นแล้วครับนาย”
“เออๆ จุ้นจ้านชะมัด..จุ้นจ้านเหรอ..หึ!” เมื่อนึกถึงตอนที่ถูกมุกดาด่าว่าจุ้นจ้านวิลเลียมก็หลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดายจนเดคมึนงงกับภาพที่เห็น
“หัวเราะทำไมเหรอครับ?”
“เปล่า..ไปจ่ายเงินแล้วเอาของไปใส่รถด้วย” วิลเลียมโยนบัตรเครดิตให้ลูกน้องแล้วเดินออกมาก่อน รอยยิ้มยังคงค้างบนริมฝีปากหนาเมื่อนึกถึงแว่นหนาเตอะและใบหน้าจริงจังของมุกดาในตอนที่เคี่ยวเข็ญเขาเรื่องงาน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ติ๊ง!
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นหนึ่งครั้ง มุกดาที่กำลังจะทำอาหารต้องรีบเดินออกมาดู เธอยิ้มให้ชายหนุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านแล้วเดินออกมาหา
“มีอะไรเหรอคะ”
“ผมมาส่งของครับ”
“ของอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้สั่ง”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมรับหน้าที่มาส่งอย่างเดียว” มุกดาทำหน้ามึนงง เธอไม่กล้ารับกล่องจากเขา “รับเถอะครับ ผมต้องไปส่งของอีก”
“ค่ะๆ” เธอจำใจต้องรับกล่องมากอดไว้ กล่องสี่เหลี่ยมใบไม่ใหญ่นักแต่ก็ไม่ได้หนักอะไร ภายนอกห่อด้วยกระดาษเรียบๆ สีน้ำตาล “ใครส่งอะไรมานะ..” เธอไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานก็เปิดกล่องดู เมื่อเปิดออกก็เห็นกระดาษโน้ตก่อนอันดับแรกซึ่งมีข้อความสั้นๆ เขียนไว้ว่า ‘โปรดสวมใส่ฉัน..’ มุกดาวางกระดาษโน้ตไว้แล้วเปิดกล่องผ้ากำมะหยีออกเพื่อดูของด้านใน
“ฮะ!..สร้อย..เพชรเหรอ?”