บทที่ 7 คลับคล้ายคลับคลา
บทที่ 7 คลับคล้ายคลับคลา
“สวัสดีครับ..” วิลเลียมโบกมือทักทายมุกดาอีกครั้ง เขาผายมือไปยังรถยนต์ที่ตนเองขับมาแล้วเลิกคิ้วให้ มุกดาคงคิดว่าเขาพูดเล่นสินะถึงได้ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผีแบบนี้ “ไปกันยังครับพี่มุก”
“นะ..นี่นายมาจริงๆ เหรอ” มุกดาหันมามองหน้ายี่หวาด้วยความมึนงง ต่างจากเพื่อนที่เอาแต่อมยิ้มแล้วลากแขนมุกดาเข้ามาด้านใน
“นี่ ถ้าเด็กจะหล่อและแบดขนาดนี้นะ ฉันยอมให้เด็กมันหลอกเลยนะแก”
“บ้าอะไรเล่า นี่มันไม่ได้เล่นๆ นะ นี่มันเรื่องใหญ่สำหรับฉันเลยนะวา”
“เรื่องใหญ่อะไร ออกจะหล่อ แกไม่เปิดใจสักที บางทีเด็กมันอาจจะจริงจังก็ได้นะ..” ยี่หวายิ้มให้เพื่อนอย่างมีอะไรในใจก่อนที่เธอจะรีบดันตัวมุกดาออกมาจากบ้าน ตอนนี้อยากสนับสนุนให้เพื่อนกินเด็กแล้ว
“ฝากเพื่อนด้วยนะคะ”
“นี่ยัยวา!”
“บาย…ตั้งใจทำงานนะเพื่อน” ยี่หวาโบกมือให้เพื่อนแล้วรีบปิดประตูบ้านทันที ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบอีกครั้ง วิลเลียมยิ้มทะเล้นก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้มุกดา
“เชิญครับพี่”
“นี่ เราต้องคุยกันนะ” มุกดาชักสีหน้าใส่เด็กหนุ่มรุ่นน้องแต่วิลเลียมกลับเดินมาลากแขนเธอขึ้นรถอย่างถือวิสาสะทั้งที่มุกดายังไม่ได้เอ่ยปากว่าจะไปด้วย เขาปิดประตูทันทีเห็นจะได้แล้ววิ่งอ้อมมาขึ้นรถฝั่งคนขับ
“คาดเข็มขัดด้วยสิครับ” ไม่รอให้มุกดาคาดเข็มขัดเองวิลเลียมก็จัดการให้เธอเลย ใบหน้าของทั้งสองเกือบสัมผัสกันอยู่รอมร่อจนมุกดาไม่กล้าหายใจ เธอกลั้นลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งเพราะวิลเลียมกำลังคาดเข็มขัดให้ “เรียบร้อยแล้วครับพี่”
“นี่ นายไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวฉันแบบนี้นะ อีกอย่างนายกำลังล้ำเส้นรู้ไหม ฉันไม่ได้ตอบตกลงว่าจะไปทำงานกับนายเลย ทำไม่ถึงได้ดื้อดึงแบบนี้วิลเลียม”
“แฮ่ๆ ก็แค่อยากให้พี่มุกนั่งรถไปทำงานด้วยกัน พอดีบ้านพี่มุกก็เป็นทางผ่านไปที่ทำงานพอดีน่ะครับ”
“แต่ฉันไม่ได้อยากไปกับคุณ ไม่ต้อง..มาวุ่นวายกับฉันได้ไหมคะ”
“แต่..ขอโทษครับ” วิลเลียมทำหน้าสำนึกผิดแล้วขับรถออกมาจากหน้าบ้านมุกดา ภายในรถถูกกดดันจากความเงียบของคนข้างๆ จนวิลเลียมรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เขาไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เอาเสียเลย.. นอกจากการฝึกซ้อมแล้วเขาก็ไม่อยากสัมผัสความรู้สึกนี้ด้านนอกสนามอีก
‘อ่า..ยัยป้านี้ ตั้งใจจะเงียบใส่เราเป็นการประท้วงรึไงเนี่ย ยิ่งเงียบยิ่งรู้สึกอึดอัด อะไรกันวะ!’
มาเฟียหนุ่มเริ่มขยับเนกไทตัวเองเบาๆ จนคนข้างกายต้องเหลือบตามองความเคลื่อนไหวของเขา มุกดาเริ่มหันหน้ามามองวิลเลียมตรงๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาเพื่อทำลายความเงียบ
“นายกับฉันเคยเจอกันที่ไหนไหม”
“ผมเหรอ?”
“ใช่”
“เอ่อ..ผมว่าน่าจะไม่เคยนะครับพี่ ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยมั้งครับ”
“ทำไมฉันคุ้ยหน้านายแบบนี้นะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง” มุกดาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา เธอใช้สมองอย่างหนักเพื่อนึกให้ออกว่าเคยเจอวิลเลียมที่ไหน แต่แล้วก็นึกไม่ออกเลย มันคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเขาและรอยยิ้มเขามันติดตา..แต่เจ้าของรอยยิ้มนั้นเธอกลับจำหน้าไม่ได้เนี่ยสิ
“พี่เคยเจอคนหน้าคล้ายผมเหรอครับ?”
“เปล่าหรอก สงสัยฉันจำคนผิดมั้ง” มุกดาเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้นตรงๆ เพราะเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าใช่คนๆ เดียวกันไหม วิลเลียมลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วตั้งใจขับรถจนถึงบริษัท แต่ก่อนจะลงรถเขาก็รั้งแขนหญิงสาวไว้
“พรุ่งนี้ก็ถึงวันงานแล้ว พี่มุก..มีคนควงหรือยังครับ”
“…” มุกดามองหน้าเด็กหนุ่มรุ่นน้องเงียบๆ ก่อนที่จะแกะมือหนาออกจากแขนแล้วเดินเข้ามาในบริษัทโดยไม่ตอบคำถามวิลเลียม
มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ
‘ยัยป้าหน้าโหด..ยิ้มก็ไม่ยิ้ม ทำยังไงถึงจะได้เห็นรอยยิ้มนะ แต่วันนี้แต่งตัวเรียบๆ ก็น่ารักไปอีกแบบ หวังว่าพรุ่งนี้จะแต่งตัวสวยๆ ไปงานบ้างนะยัยแว่นหนา’ เขาอมยิ้มให้กับความคิดตัวเองแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ ทว่าเดคกลับเดินมาขวางทางเขาไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้ครับนาย ตอนนี้คุณฟลุ๊คอยู่กับลูกน้องในบริษัท”
“ฮะ! มาอีกแล้ว มีอะไรนักหนาวะทำไมมาบ่อยแบบนี้”
“ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“แบบนี้มันก็เหนื่อยสิวะ..ต้องคอยมาหลบอยู่แบบนี้” วิลเลียมเท้าเอวบ่นด้วยความเบื่อหน่ายแต่ในขณะนั้นหางตาก็เหลือบเห็นลูกน้องพ่อซึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ เขาไม่มีเวลาหลบเลยจำเป็นต้องเผชิญหน้าตรงๆ
“นายน้อยมาตรวจงานเหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มก้มศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายหลังจากเอ่ยถามแล้ว วิลเลียมยิ้มแหยๆแล้วพยักหน้าให้
“ใช่ ฉันมาตรวจงานแล้วก็มาสั่งงานที่นี่ ทำไมเหรอ”
“เปล่าครับ ผมไม่เห็นลูกพี่แจ้งมาเลยว่านายจะเข้าบริษัท ขออภัยในความสะเพร่าของพวกผมด้วยนะครับ”
“อ่า..ไม่เป็นไร นายไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันกับเดคไปตรวจงานกันเอง” วิลเลียมหันมาสะกิดเดคเบาๆ
“อ๋อ..ใช่ครับ เดี๋ยวผมพาเจ้านายไปตรวจงานเอง ไม่ต้องห่วงครับ”
“ครับผม” เมื่อจบบทสนทนาแล้วเดคก็พาผู้เป็นนายเดินเข้ามาในบริษัท ทั้งสองมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายแล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมๆ กัน
“นายครับ หัวใจผมจะวายแล้วนะครับ”
“เอาน่า สนุกดีออก”
“สนุกอะไรครับ เสี่ยงตีนเสี่ยงลูกปืนแบบนี้มันน่าสนุกตรงไหนครับ”
“เอาน่า..อย่างน้อยนายก็ได้ถูกกระทืบก่อนฉันนะเว้ย ควรภูมิใจนะ” มือหนาตบไหล่เดคเบาๆ เป็นการปลอบแต่ลูกน้องหนุ่มกลับเหลือบตามองแล้วถอนหายใจยาวๆ อย่างปลงตก เพราะคิดว่าต้องเจอกับสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนี้อีกแน่นอน
“เจ้านายนะเจ้านาย..เมื่อเช้าก็วุ่นวายพอแล้ว ไหนจะมาตอนนี้อีก” เดคได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่คนเดียว
เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้
วิลเลียมผิวปากเดินลงมาจากชั้นสอง มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตรงไปยังโรงจอดรถหน้าบ้าน เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้งและหยุดอยู่ตรงหน้ารถคันหนึ่งซึ่งเป็นรถคันเก่าปลายฝัน
“คันนี้แหละ เหมาะสุดแล้ว” วิลเลียมชี้นิ้วไปยังคันตรงหน้าก่อนจะกระดิกนิ้วเรียกให้เดคเอากุญแจมาให้ แต่ในตอนนั้นเสือโคร่งพันธุ์ผสมตัวใหญ่ก็เดินเข้ามาคลอเคลียขาเขา “เฮ้ เดี๋ยวขนติดขากางเกงหรอก” วิลเลียมเดินหนีออกมาก่อนจะให้ลูกน้องขับรถออกมาให้
“นายแน่ใจเหรอครับว่าจะขับรถคันนี้ไปทำงานน่ะ”
“แน่ใจสิ ถ้าเอารถพวกนั้นไปมีหวังคนได้ตั้งข้อสงสัยแน่”
“ครับ..” เดคจำใจต้องพยักหน้าตามแล้วยื่นกุญแจให้ผู้เป็นนาย “อย่าดื้อนะครับ นายหญิงสั่งมา”
“ดื้ออะไร ไม่ใช่เด็กแล้วนะเว้ย”
“รู้ครับ งั้นผมจะตามนายไปแล้วกัน”
“อืม แค่นั้นแหละ” วิลเลียมเลิกคิ้วให้ลูกน้องแล้วขับรถไปรับมุกดาที่บ้าน
ปัจจุบัน
วิลเลียมเดินอาดๆ เข้ามาในออฟฟิศแล้วหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ในโต๊ะทำงานตัวเอง แต่เขาไม่เห็นมุกดาเลยเนี่ยสิ มาเฟียหนุ่มหันมองไปทั่วที่ทำงานก่อนจะสะดุดตากับร่างบางที่กำลังยืนกดน้ำร้อนอยู่
‘เจอแล้ว..’
“กินข้าวเช้ามาหรือยังครับพี่..”
“กินมาแล้วน่ะ เป็นแซนด์วิช”
“อ๋อ..ครับ” วิลเลียมเหลือบตามองหญิงสาวตลอด ไม่ว่าเธอจะเดินไปไหนจนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง วันนี้ในห้องรับประทานอาหารดูแปลกตาไปเพราะมุมที่มุกดาชอบมานั่งกินข้าวคนเดียวมันมีกระถางกล้วยไม้วางอยู่ ทำให้ที่ตรงนี้ไม่ดูเป็นมุมอับและยังมีตู้กดน้ำมาตั้งใกล้ๆ อีกต่างหาก
“ว้าว..ดูสดชื่นขึ้นเยอะเลยนะครับ ว่าไหม” วิลเลียมแสร้งถามคนตัวเล็กทั้งที่ทุกอย่างเป็นคำสั่งเขาเอง
“ค่ะ สวยดี” เธอตอบมาสั้นๆ จนวิลเลียมจับสังเกตได้ สีหน้ามุกดาเหมือนคนกำลังมีเรื่องหนักใจอยู่ตลอดเวลาแต่เขาไม่กล้าถามมาก
“ว่าแต่ว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นน่ะ พี่มุกจะไปงานกี่โมงดีครับ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ‘ฉันจะบอกนายไปได้ยังไงว่ายังไม่มีชุดไปงานเลย..เฮ้อ~ ไม่ได้อยากไปสักหน่อย ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหนเลย’ มุกดาย่นหัวคิ้วเข้าหากันจนยุ่งแล้วก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับพี่มุก วันนี้วิลขอตัวไปทำงานต่อก่อน” วิลเลียมรีบลุกออกไปจากโต๊ะอาหารแล้วหายไป มุกดามองตามเขาก่อนจะดึงสายตากลับมามองดอกกล้วยไม้สีขาวสวย
“ถ้าเราไม่ไปงานพรุ่งนี้ จะมีใครว่าอะไรไหมนะ เฮ้อ~” ‘แต่ทำไมฉันคุ้นหน้าวิลเลียมจัง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสักที คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเขาที่…?’
“เฮ้อ! นึกไม่ออกหรอก แต่คุ้นมาก”