บทที่ 6 ว้าวุ่น
บทที่ 6 ว้าวุ่น
“ฉันไม่ชอบเด็กแบบคุณค่ะ ไม่ต้องเข้ามาตีสนิทและไม่ต้อง..เข้ามาทำแบบนี้” วิลเลียมถูกปฏิเสธครั้งที่สองและเธอก็แย่งกระเป๋ามาถือเอง เมื่อรถจอดมุกดาก็รีบลงไปทันที วิลเลียมยังนั่งนิ่งจนรถเคลื่อนตัวออกไป ทว่าเขากลับวิ่งมาบอกคนรถให้จอดแล้วตามมุกดาไป
“ป้า! ป้าน่ะ..อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ผมไม่ได้จะจีบป้าสักหน่อย” วิลเลียมวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกมุกดาจนหญิงสาวต้องหยุดชะงักแล้วหันตัวมามองเด็กหนุ่มรุ่นน้อง ใบหน้าสวยเรียบเฉยไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดพวกนั้นเพราะเธอชินแล้วสิ
“ฉันก็ไม่ได้หวังให้คุณมาทำแบบนั้นหรอก แต่ไม่ชอบที่คุณมาจู้จี้จุกจิกกับฉัน”
“อ่า..ยัยป้านี่ ผมก็ต้องจู้จี้จุกจิกป้าอยู่แล้วไหม ก็เราเป็นบัดดี้กันนิ”
“อะไรนะคะ บัดดี้เหรอ?”
“ใช่ไง ก็ถ้าไม่เรียกบัดดี้แล้วจะให้เรียกแบบไหนเล่า ก็เราสองคนทำงานร่วมกัน ป้าทำเสร็จผมก็ทำต่อแบบเนี้ย ไม่ให้เรียกบัดดี้กันให้เรียกอะไรอะ จะให้เรียกเพื่อนป้าก็ไม่ชอบอยู่ดี เพราะผมเด็กเกินไปสำหรับป้า” วิลเลียมทำหน้าเหนื่อยสุดๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหามุกดาใกล้ๆ “ไหนอะบ้านป้าน่ะ”
“หยุดเรียกกันแบบนั้นได้แล้วนะ มีสิทธิ์อะไรมาเรียกแบบนี้”
“โอเคๆ ผมไม่เรียกป้าแล้วก็ได้ ไปเถอะยัยแว่นหนา”
“นี่!!”
“ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ไปเถอะครับพี่ มันค่อนข้างดึกแล้วและทางเข้าบ้านพี่เนี่ยมันเปลี่ยวมาก” วิลเลียมเอ่ยบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนที่มุกดาจะหันหลังให้แล้วเดินเข้ามาในซอยเล็กๆ จนมาหยุดยืนอยู่หน้าทาวน์โฮมสามชั้น จะบอกว่าเก่าก็ไม่เก่าเท่าไหร่ ตรงหน้าบ้านมีกระถางดอกไม้ซึ่งกำลังบานสวยเลย
“ขอบใจนะ กลับไปได้แล้ว”
“นี่เหรอบ้านพี่อะ สวยดีนะครับ คลาสสิกมากเลย” วิลเลียมเอ่ยชมตรงๆ ก่อนจะนึกอะไรสนุกๆ ออก “แค่กๆ อ่า..พูดกับพี่มุกนานผมเริ่มคอแห้งแล้วสิ” เขาขยับเนกไทไปมาเบาๆ และสังเกตสีหน้าคนตัวเล็กด้วย มุกดาทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วเอ่ยชวนวิลเลียม
“งั้นไปกินน้ำในบ้านฉันก่อน” มุกดาเปิดประตูรั้วให้ชายหนุ่มแล้วเดินนำมาเปิดประตูข้างในเข้ามาในบ้าน เธอเดินตรงไปเอาน้ำดื่มมาให้วิลเลียมขณะที่ชายหนุ่มกำลังสำรวจห้องพักเธออยู่ ภายในตกแต่งด้วยของทันสมัยและยังเรียบง่ายสบายตาสุดๆ ขัดกับเจ้าของบ้านจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ามุกดาจะมีสไตล์การแต่งบ้านที่ทันสมัย แต่สไตล์การแต่งตัวกลับสวนทางกันเลย
“ขอบคุณครับ” วิลเลียมรับขวดน้ำดื่มจากมือหญิงสาวมาเปิดดื่มแล้วถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาซะเลย มุกดาทำหน้าเลิ่กลั่กกับการกระทำของเขา
“ไม่รีบกลับเหรอ”
“ขอดื่มน้ำหมดก่อนนะครับพี่ พอดีวิ่งมาเมื่อกี้เหนื่อยมาก”
“ค่ะ” มุกดามองหน้าวิลเลียมด้วยความลำบากใจ ปกติเธอไม่เคยพาผู้ชายคนไหนเข้ามาในบ้านง่ายๆ หากไม่ใช่..คนรัก
“งั้นวิลไม่รบกวนแล้วครับ ขอตัวกลับก่อนนะ” วิลเลียมยกยิ้มมุมปากแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชายหนุ่มหันหลังเดินออกมาและหยุดยืนอยู่หลังประตูรั้ว “วันงานน่ะ ถ้าพี่ไม่มีใคร..ผมยังว่างนะครับ” เขายิ้มทะเล้นให้มุกดาแล้วเปิดประตูเดินออกมาทันที ริมฝีปากหนาขยับผิวปากฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะที่อีกฝ่ายทำหน้ามุ่ย
“รำคาญเด็กคนนี้จริงๆ” มุกดาปิดประตูลงกลอนแน่นหนาแล้วเดินเข้ามาในบ้าน เธอมองข้าวกล่องที่ยังไม่ได้กินอยู่ครู่หนึ่ง “แก้หิวไปก่อนแล้วกัน” เมื่อคิดอย่างนั้นเธอจึงเอาข้าวกล่องมาเปิดกินคนเดียวในห้องครัวเล็กๆ ซึ่งมีโต๊ะรับประทานอาหารตั้งอยู่ตรงกลางและมีเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่คนละฝั่งกัน มุกดานั่งกินข้าวเงียบๆ จนกระทั่งเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น เธอรีบร้อนเดินออกมาเปิดประตูบ้านดูและต้องทำหน้ามึนงงกับวิลเลียมที่เดินย้อนกลับมาอีก
“ผมลืมบอกไปน่ะ..”
“อะไรเหรอ”
“พรุ่งนี้ผมจะมารับพี่มุกไปทำงานด้วยกันนะครับ”
“ฮะ?”
“ครับ ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” เมื่อเอ่ยบอกเสร็จวิลเลียมก็รีบเดินออกมาก่อน เขาไม่อยากถูกคนหน้านิ่งปฏิเสธอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วจำไม่ได้แต่ที่จำได้คือเธอเอาแต่ปฏิเสธตลอด
“ให้ตายสิ ทำไมชีวิตฉันต้องมาวุ่นวายกับเด็กคนนี้ด้วยนะ” เสียงพึมพำหลุดออกจากริมฝีปากจิ้มลิ้มก่อนที่สาวเจ้าจะหันหลังเดินเข้ามาในบ้าน “อ่า!! ทำไมต้องมาวุ่นวายกับฉันด้วยเนี่ย เด็กน้อย!” มุกดาร้องออกมาอย่างสุดจะกลั้นและเมื่อนึกอะไรออกก็รีบขึ้นมาชั้นสอง
หญิงสาวเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายเพื่อจะลองชุดที่จะใส่ไปงานเลี้ยงวันมะรืนนี้ แต่หาอยู่นานก็ไม่มีชุดไหนพอจะใส่ไปได้เลย ด้วยเพราะเธอไม่ถนัดงานสังคมเท่าไหร่เลยไม่มีชุดราตรีสวยๆ ติดตู้เหมือนคนอื่น
“เฮ้อ~ ลำบากฉันต้องวิ่งหาชุดอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” มุกดานั่งกุมขมับอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตากลมโตเหลือบมองเสื้อสูตสีดำตัวหนึ่ง เธอได้มาในวันที่อกหักและเมาจนไม่ได้สติ ตื่นมาอีกทีก็มีเสื้อสูตตัวนี้อยู่บนไหล่แล้ว “เจ้าของเธอคือใครกันนะ..” ฝ่ามือเรียวเล็กลูบไล้เสื้อสูตสีดำเบาๆ ใบหน้าสวยเศร้าหมองเพราะมันเป็นเครื่องเตือนใจวันที่เธอโดนผู้ชายคนหนึ่งทิ้งไป
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือเธอร้องเสียงดังอยู่ชั้นล่าง มุกดารีบสาวเท้าเดินลงบันไดมากดรับสาย
(มุก..แกนอนยังอะ)
“ยังเลยแก มีไรเหรอ”
(เปล่า คิดถึงไงไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแล้ว ให้ฉันไปหาได้ไหม) ยี่หวาเพื่อนสนิทกันสุดๆ เอ่ยถามมุกดา
“มาสิ ฉันมีอะไรจะคุยกับแกพอดีเลย”
(ได้ งั้นรอฉันแป๊บนะ เดี๋ยวยัยวารีบไปเลยค่ะ)
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้มั้งวา เดี๋ยวรถมอเตอร์ไซค์ล้มอีก ไม่เข็ดรึไง)
(สบายมากค่ะ แล้วเจอกันนะเพื่อนรัก) เมื่อวางสายเพื่อนแล้วหญิงสาวก็เดินไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับมารอยี่หวาอยู่ชั้นล่าง ไม่นานเสียงมอเตอร์ไซค์ก็ขับมาจอดหน้าบ้าน
“แก~” หญิงสาวร่างท้วมในชุดสบาย เสื้อยืดกางเกงยีนส์ยืนโบกมือให้เพื่อนรักอยู่หน้าบ้านพัก มุกดาเองก็โบกมือทักทายกลับด้วยความดีใจ เธอกับยี่หวาค่อนข้างสนิทกันมากและไม่มีความลับต่อกันเลย
“กินข้าวมารึยังอะ ดูแกผอมไปนะวา”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อืม..”
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“อะไรเหรอ?” มุกดาเอ่ยถามเพื่อนรัก
“ก็เรื่องพี่พอร์ชอะ ทำใจได้แล้วใช่ไหม”
“อืม..โอเคแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ฉันกำลังปวดหัวกับเด็กฝึกงานใหม่ น่ารำคาญมาก” ยี่หวายิ้มกว้างแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“แกแน่ใจนะว่าน้องเขาไม่ได้มาจีบอะ แล้วหล่อมากไหม”
“ไม่หล่อเท่าไหร่ งั้นๆ แต่คงไม่ได้มาจีบหรอกมั้ง เมื่อกี้ก็มาส่งฉันที่บ้านและกลับไปแล้วอะ”
“เฮ้ย..นี่มันไม่ธรรมดาแล้วนะถึงขั้นมาส่งกันที่บ้าน”
“ก็ธรรมดานะ ฉันไม่ได้คิดอะไรนิ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเด็ก”
“แก! เด็กที่ว่าอะกี่ขวบแล้วคะ” ยี่หวาเบ้ปากใส่เพื่อนรัก
“ยี่สิบเจ็ด”
“นี่! เขาไม่เด็กแล้วนะยัยมุก ถ้ายี่สิบเจ็ดเด็ก งั้นอายุเท่าไหร่ถึงจะเข้าตาแกอะ” มุกดาทำหน้าเซ็งแล้วเอ่ยตอบเพื่อนรักไปเสียงหน่ายๆ
“ก็อายุมากกว่าฉันไง ชอบคนอายุมากกว่า ไม่ชอบเด็กมันน่ารำคาญ แค่นี้ก็จะบ้าตายรายวันแล้ว”
“เขาว่ากันว่ากินเด็กเป็นอมตะนะ”
“อมตะอะไรฉันไม่สนใจหรอก ไม่ชอบก็คือไม่ชอบอะวา เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ตอนนี้ฉันกำลังเครียดกับการหาชุดไปงานเลี้ยงบริษัทอยู่ กลุ้มใจมากกว่าเด็กนั่นมาวอแวอีก”
“ก็เอาที่เราถนัดอะ จะหาให้เหนื่อยทำไม”
“จริงเหรอ..”
“อืม” มุกดายิ้มให้เพื่อนรักเมื่อนึกอะไรออก สองสาวนั่งกอดเข่าคุยกันอย่างออกรสจนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนกว่าๆ และยี่หวาก็นอนค้างกับมุกดาที่บ้าน
“เฮ้อ~” ร่างบางในชุดนอนกระโปรงผ้าพลิ้วเดินนวยนาดมานั่งลงบนโซฟาข้างเตียงนอน มองยี่หวาด้วยสายตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปใบหน้าตัวเอง “ฉันอายุมากแล้ว..เด็กที่ไหนจะมาสนใจกัน และ..ถ้าคบเด็ก คนอื่นต้องหาว่าฉันเป็นแม่เขาแน่ๆ เลย” มุกดาตัดพ้อกับตัวเองเสียงอ่อนแล้วจึงเข้านอน
@เช้าวันต่อมา
ยี่หวาตื่นเช้ามาทำอาหารให้เพื่อนรักของเธอในขณะที่มุกดากำลังแต่งตัวอยู่บนบ้าน ไม่นานเธอก็เดินลงมาพร้อมชุดทำงานเรียบๆ เหมือนเดิม
“ทำไรกินเหรอ”
“แซนด์วิชทูน่าอะ นี่กินซะ”
“ขอบใจนะคะ” ในขณะที่ทั้งสองสาวกำลังเพลินกับแซนด์วิชจู่ๆ ก็มีเสียงรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน ยี่หวาเดินมาเปิดประตูและทำหน้ามึนงงก่อนจะร้องเรียกมุกดามาดูว่าใคร ทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูออกกว้างก็ต้องตกใจกับใบหน้าคมคายที่คุ้นเคย
“วะ..วิลเลียม”
“สวัสดีครับ..พี่มุก”