บทที่ 5 ‘ป้าโหดหน้านิ่ง’
บทที่ 5 ป้าโหดหน้านิ่ง
'เหมือนถูกลากมาตบกลางสี่แยกไฟแดงเลยแฮะ' วิลเลียมยิ้มแหยๆ ให้รุ่นพี่แล้วจึงหันกลับมา แต่เมื่อนึกอะไรออกก็เอ่ยบอกหญิงสาวอีก
“แต่ผมน่ะ ยี่สิบเจ็ดแล้วนะครับ”
“แล้วยังไงเหรอ?” มุกดาทำหน้าซื่อถามกลับทำเอาวิลเลียมไปต่อแทบไม่ถูก เขาแสยะยิ้มมุมปากแล้วทำหน้าทะเล้นแก้สถานการณ์ไปก่อน
‘อ่า…ยัยป้าแว่นไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยนะเนี่ย นอกจากจะตามทันแล้วยังเป็นนักฉีกหน้าแห่งออฟฟิศเลยมั้ง แต่ก็น่าสนใจดีนะ’
“ว่าแต่พี่มุกเนี่ย..ยังไม่มีแฟนเหรอครับ” วิลเลียมยืนขึ้นมาเกาะขอบที่กั้นระหว่างโต๊ะทำงานทำหน้าอ้อนถามมุกดาอีกครั้งแต่คำตอบคือความเงียบที่หญิงสาวไม่สนใจเลย “ขอโทษครับที่ถามจู้จี้เกินไป”
“เอาตรงๆ นะ ฉันไม่ชอบคุณ”
‘อัก! อัก! เหมือนถูกนวมซัดเข้าที่หน้าอย่างจังจนเริ่มยืนไม่อยู่แล้ว อ่า!! ยัยป้านี่กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้ เธอมีรสนิยมยังไงกันแน่วะ ไม่ชอบเหรอคนหล่อรวยอะป้า!!’
“อ๋อ..ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ป้า เอ๊ย! พี่โกรธเลยนะครับ ว่าแต่วันงานใกล้จะถึงแล้วพี่มุกหาชุดได้หรือยังครับ”
“ไม่ต้องถามเรื่องส่วนตัวหรอกค่ะ ทำงานคุณเถอะ” เมื่อเธอว่ามาแบบนั้นวิลเลียมจึงนั่งลงแล้วแยกเขี้ยวใส่มุกดา เขาไม่ได้ทำงานอย่างที่เธอบอกแต่เปิดคอมพิวเตอร์เล่นเกมหน้าตาเฉย และก็ถูกมุกดาดุไปหลายทีเหมือนกัน
16:00
“อื้อ~ ในที่สุดก็เลิกงานสักที” วิลเลียมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไปมาอยู่ในโต๊ะทำงานท่ามกลางความมึนงงของพี่ๆ ทุกคน เขาตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่รู้ตัว “ทะ..ทำไมเหรอครับพี่?”
“นี่ไอ้เด็กใหม่ น้องคงยังไม่รู้อะไรใช่ไหม”
“ครับ?” ท่อนแขนแกร่งยกขึ้นมากอดคอวิลเลียมไว้แล้วพาเขาเดินออกมาด้านนอก
“ที่นี่เขาไม่มีใครเลิกงานตรงเวลาหรอกนะ และอีกอย่างนายเป็นเด็กใหม่ นายจะมาเลิกงานก่อนรุ่นพี่ได้ยังไงกัน ไปเก็บเอกสารให้เรียบร้อยและทำงานต่อ”
“ฮะ! แล้วผมต้องกลับบ้านกี่โมงเนี่ย?”
“หนึ่งทุ่มนะน้อง”
“หนึ่งทุ่ม โห พวกพี่ทำงานกันหนักขนาดนี้ ต้องได้เงินเดือนเยอะแน่เลยครับ”
“ไม่หรอก ก็ปกตินั่นแหละ”
“อ่า..ผมพอจะเข้าใจอะไรแล้วครับพี่ งั้นผมขอไปทำงานต่อก่อนนะครับ” วิลเลียมเดินเข้ามาในออฟฟิศอีกครั้ง เขาหันมายิ้มให้มุกดาแต่เธอก็เอาแต่ทำหน้านิ่งไม่รับยิ้มเขาเลย ‘ยัยป้าโหดหน้านิ่ง’
มาเฟียหนุ่มนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานคิดอะไรเพลินๆ แล้วเลื่อนเก้าอี้มาหามุกดาซึ่งเธอยังนั่งทำงานราวกับเป็นเวลางานปกติ ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะเลิกงานกลับบ้านเลย
“หิวไหมครับป้า”
“ไม่ค่ะ”
“แต่ผมหิวจังเลยครับ” เมื่อพูดจบวิลเลียมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหมายจะสั่งอาหารแต่ทว่าในตอนนั้นมุกดาก็ยื่นขนมให้เขา มันเป็นแครกเกอร์เปล่าๆ ไม่มีไส้ไม่มีอะไรทั้งนั้น
“กิน..รองท้องไปก่อน”
“อ๋อ..ครับ ขอบคุณครับ” วิลเลียมวางโทรศัพท์ลงแล้วแกะขนมกิน เขายิ้มออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้และหันมาสะกิดมุกดาให้กินด้วยกันแต่เธอก็ปรายตามองเขาเท่านั้น ‘ป้าก็ไม่ได้โหดร้ายอะไรขนาดนั้น สงสัยเริ่มเอ็นดูเราแล้วใช่ไหมล่ะ..(?)’ วิลเลียมเคี้ยวขนมเสียงดังจนทำให้มุกดาไม่มีสมาธิ
“เคี้ยวให้เบาๆ หน่อยแล้วหันกลับไปโต๊ะตัวเองได้แล้ว อย่าวุ่นวายและอย่า..กวนประสาทฉัน”
“ขอโทษครับป้า” ‘เหอะ! ยัยป้าโหดหน้านิ่ง!’ ใบหน้าหล่อเหลาพลันบูดบึ้งที่หญิงสาวกล้าว่าให้แบบนั้น เขากดโทรศัพท์สั่งอาหารมาหลายอย่าง ไม่นานเดคก็เอาอาหารขึ้นมาส่ง “ทุกคนครับอาหารมาส่งแล้วครับ…” วิลเลียมเลิกคิ้วให้มุกดาก่อนที่จะวางกล่องข้าวปูผัดพริกลงตรงหน้าเธอ
“ฉันยังไม่หิว..อ๊ะ!” มุกดาหน้าเสียเพราะท้องร้องเสียงดังมาก วิลเลียมแสยะยิ้มมุมปากแล้วทำการแกะข้าวกล่องให้เธอ
“กินเยอะๆ นะครับป้า กว่าจะเลิกงานก็อีกหลายชั่วโมงเลย” เขาทำท่าตักข้าวใส่ปากก่อนจะเดินไปร่วมโต๊ะอาหารกับรุ่นพี่ แต่คนตัวเล็กไม่ได้กินน่ะสิ
“ต้องแบบนี้สิวะ เป็นน้องต้องรู้จักเลี้ยงข้าวพวกพี่แบบนี้สิ”
“ครับ..”
“ว่าแต่บ้านวิลคงรวยมากสินะ ถึงสั่งอาหารแพงๆ แบบนี้มาเลี้ยงพวกพี่ได้”
“อ๋อ..ไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอกครับ” วิลเลียมยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วผายมือไปยังอาหารตรงหน้า “กินเยอะๆ นะครับพี่ๆ ขอบคุณที่ทำงานหนักเพื่อวีอาร์กรุ๊ปเรา”
“นายก็พูดเหมือนเป็นเจ้าของไปได้” หัวหน้าหนุ่มเดินอ้อมมากอดคอวิลเลียมจากทางด้านหลัง
“อ๋อ..ผมก็พูดไปแบบนั้นแหละครับ เพราะเห็นพี่ๆ ทำงานหนักเลยรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเลย”
“มันต้องแบบนี้สิวะน้องชาย”
“ครับผม”
“ว่าแต่ว่าในนี้มีใครเคยเห็นท่านประธานใหญ่ไหม” พลอยเอ่ยถามทุกคนหน้าจริงจังมาก วิลเลียมหุบยิ้มทันทีแทบจะได้แล้วหันมองหน้าทุกคน
“เคยได้ยินมาว่าท่านประธานเป็นมาเฟีย และเขามีภรรยาเป็นหมอที่สวยมากๆ เลยนะ มีลูกชายคนหนึ่ง ลูกก็เป็นมาเฟียด้วยนะเห็นเขาบอกว่าหล่อมากๆ”
“ในนี้มีใครหล่อไปกว่าน้องวิลของพี่พลอยไหมนะ” พลอยเดินมาหาวิลเลียมด้วยท่าทางเขินอายก่อนจะหยิบไก่ทอดให้วิลเลียม
“ผมไม่หล่อขนาดนั้นหรอกครับพี่ๆ”
“ว่าแต่วิล นายไม่ได้มีญาติทำงานที่นี่ใช่ไหม ทำไมหน้านายคุ้นๆ จัง” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยถามวิลเลียม
“ไม่เลยครับพี่ ไม่มีใครเลยครับ พ่อแม่ผม..เอ่อ..พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันน่ะครับ ผมเลยต้องมาสมัครงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง” ในขณะที่เขาพูดเดคก็ทำหน้าระอาอย่างหนัก
“กินต่อเถอะครับพี่ๆ” วิลเลียมเดินออกมาสูบบุหรี่ข้างนอก เขาถอนหายใจหนักๆ แล้วหันมองมุกดาซึ่งเธอกำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน จึงยกมือข้างที่คีบบุหรี่ขึ้นมาให้เธอดู “ยัยป้าหน้าโหด” วิลเลียมแสยะยิ้มให้กับสรรพนามที่ใช้เรียกมุกดา เมื่อสูบบุหรี่เสร็จก็เดินเข้ามาด้านในแต่กลิ่นฉุนของบุหรี่ทำหญิงสาวต้องปิดจมูกไว้
“เหม็นบุหรี่ค่ะ”
“ขอโทษครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเอาอะไรมาฉีดดับกลิ่นให้นะครับป้า”
“ค่ะ” มุกดาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย และหันมาทำงานต่อจนเสร็จ เธอไม่ได้กินข้าวที่วิลเลียมให้มาจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานจริงๆ ทุกคนลงไปชั้นล่างหมดแล้วเหลือเพียงมุกดาคนเดียวที่ยังเก็บของอยู่
“ชักช้าอีกแล้วยัยป้า” วิลเลียมที่ยืนรออยู่เริ่มบ่นเพราะความช้าของมุกดา ทั้งที่ในออฟฟิศปิดไฟหมดแล้ว แต่เธอก็ยังเปิดไฟโทรศัพท์เพื่อเก็บของต่อ และไม่นานก็หอบทั้งงานและกระเป๋าพะรุงพะรังเดินออกมา
“นายยังไม่กลับอีกเหรอ”
“พอดีลิฟต์เต็มครับ เลยรอก่อน” เขาโกหกเธอเพราะตั้งใจยืนรอมุกดาอยู่หน้าลิฟต์ต่างหาก ก่อนที่จะยื่นมือไปช่วยแต่ถูกหญิงสาวปฏิเสธ แต่ด้วยความไวของวิลเลียมเขาจึงเอากระเป๋าเธอมาถือ “ให้ผมช่วย”
“ค่ะ ขอบคุณนะ” มุกดากับวิลเลียมก้าวเข้ามาในลิฟต์พร้อมกัน ทั้งสองตกอยู่ภายใต้ความเงียบไม่มีใครปริปากพูดอะไรจนมุกดาหันไปเห็นรอยสักที่โผล่พ้นคอเสื้อชายหนุ่ม เธอพยายามเพ่งมองให้ชัดแต่วิลเลียมก็หันมามองก่อน
“มีอะไรเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ”
“งั้นให้ผมไปส่งพี่ที่บ้านนะ ไหนๆ ก็ดึกแล้ว หรือพี่เอารถมาเอง?”
“เปล่า นั่งรถเมล์มา”
‘ยังมีคนนั่งรถเมล์มาทำงานอีกเหรอวะเนี่ย เฮ้อ~ โบราณตั้งแต่การแต่งตัวจนถึงการนั่งรถเมล์มาทำงาน’
“ขับรถไม่เป็นเหรอครับ?”
“ค่ะ ขับไม่เป็นและไม่มีรถด้วย”
‘อ๋อ..พอจะเข้าใจละ ป้านะป้า..’
“งั้นผมนั่งไปเป็นเพื่อนนะ เดี๋ยวจะหารถกลับเองครับ” เมื่อออกมาจากลิฟต์วิลเลียมก็รีบถือกระเป๋ามุกดาเดินออกมายืนรอรถเมล์หน้าบริษัท ทำมุกดาปฏิเสธไม่ได้กับความดื้อรั้นของเขา ไม่นานรถโดยสารประจำทางก็มา ทั้งสองคนเดินขึ้นมานั่งข้างๆ กันโดยมุกดานั่งริมหน้าต่าง
‘ดึกขนาดนี้เนี่ยนะนั่งรถเมล์กลับบ้าน คนก็ไม่ค่อยจะมี คนขับไว้ใจได้ด้วยเหรอ..ยัยป้าหน้าโหดก็ยอมทำจนเป็นกิจวัตรประจำวันแล้วสินะ’
มาเฟียหนุ่มถอนหายใจเบาๆ แล้วหันมองไปรอบๆ บรรยากาศในยามค่ำมันสวยจริงๆ ชีวิตคนหาเช้ากินค่ำคงสัมผัสจนคุ้นเคยไม่ดูแปลกตาเหมือนเขา ทุกอย่างแปลกตาและน่าตื่นเต้นมากๆ
“ทำไม..ไม่มีแฟนครับ จะได้นั่งรถไปส่งป้าที่บ้านแบบนี้”
“…”
“ขอโทษครับ ผมละลาบละล้วงพี่อีกแล้ว”
“ฉันเพิ่งเลิกกับแฟนค่ะ”
“..อ๋อครับ”
“ส่งกระเป๋ามาเถอะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”
“ให้ผมไปส่งพี่..ให้ถึงที่ก่อนแล้วจะคืนให้”
“ทำไมจุ้นจ้านแบบนี้นะเด็กคนนี้”
“ไม่เด็กแล้วนะครับ..ยี่สิบเจ็ดแล้ว”
“เด็ก”
“เด็กแล้วยังไง อีกเดี๋ยวก็โตแล้วไหม”
“เฮ้อ~”