ตอนที่ 4 เปิดใจกับครอบครัว
สามวันต่อมา
ร่างระหงนั่งเหม่อมองรูปภาพในไดอารี่สมัยเรียนปริญญาตรี น้ำตาเธอก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอเพิ่งจะกลับมาย้อนดูภาพของเธอและภูวิชตั้งแต่ที่เริ่มคบกัน หลายๆ ภาพมักจะมีนุชวีราเพื่อนสนิทของเธอร่วมเฟรมด้วยเสมอ มองผ่านๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่พอมานึกถึงตอนนี้เธอกลับยิ่งรู้สึกปวดใจ สายตาที่เพื่อนรักของเธอมองภูวิชนั้น ทำไมเธอถึงไม่เคยสังเกตกันนะ ถ้าเธอสังเกตดีๆ อีกนิด เรื่องแบบเมื่อห้าวันก่อนคงไม่เกิดขึ้น
ถ้าเธอรู้แรกๆ เธอจะยอมหลีกทางให้เพื่อนสาวแน่นอน เพราะตอนนั้นเธอยังไม่ได้รู้สึกอะไรลึกซึ้งกับภูวิชเหมือนตอนที่คบกันมาได้สองปีแล้ว จนเข้าปีที่สามที่เธอและเขาตัดสินใจจะหมั้นหมายกันหลังจากที่เธอถ่ายละครเรื่องล่าสุดจบ ซึ่งก็เพียงอีกสามเดือนข้างหน้าเท่านั้น ดีแค่ไหนที่เธอยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าเธอกำลังจะหมั้นกับเขา ถ้าไม่อย่างนั้น เธอเองคงจะเจ็บปวดใจมากไปกว่านี้
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก...
“น้องน้ำ แม่ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมลูก” เสียงหวานของนิราดังมาจากหน้าประตูเรียกสายตาของธารน้ำให้หันไปมอง ก่อนที่มือบางจะปิดไดอารีลง
“ได้ค่ะคุณแม่ น้ำไม่ได้ล็อกประตูค่ะ” เสียงหวานเอ่ยออกไป ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับร่างระหงของอดีตซุปตาร์ชื่อดังคุณแม่ลูกสามเดินเยื้องย่างตรงมาบุตรสาวที่กำลังนั่งมองสมุดปกแข็งเล่มหนึ่งอยู่
“ลูกแน่ใจแล้วหรอน้องน้ำ ที่จะแถลงข่าวเลิกรากับภูวิชน่ะ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า เรากับเขาคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วไม่ใช่หรอลูก” นิรา นิรันนุกูล คูเวอร์ หรือแม่หนูนาของธารน้ำเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เดินมานั่งลงบนที่นอนของฝาแฝดคนโตภายในห้องนอนส่วนตัวตามลำพัง
“หนูแน่ใจค่ะคุณแม่ ยังมีอีกเรื่องที่หนูยังไม่ได้เล่าให้คุณแม่ฟัง” ซุปตาร์สาวคนสวยบอกอดีตซุปตาร์ชื่อดังของเมืองไทยที่แม้จะมีอายุล่วงเลยไปจนเลขสี่แล้วแต่นิราก็ยังคงความสวยราวกับสาวๆ วัยสามสิบจนคนเป็นสามีอดที่จะหวงไม่ได้
“เล่ามาเถอะลูก ที่แม่ไม่ถามเรื่องที่หนูบินไปอเมริกากะทันหันแถมยังติดต่อไม่ได้ตั้งสองวันก็เพราะแม่อยากให้หนูเป็นคนที่ตัดสินใจมาเล่าให้แม่ฟังเอง” นิราเอ่ยออกมาก่อนที่จะรวบร่างระหงของบุตรสาวเข้ามาในอ้อมกอด
“ฮึก....คุณแม่...สองคนนั้น สองคนนั้นเค้าหักหลังน้ำค่ะ 4วันก่อนน้ำกะจะไปเซอร์ไพร้ส์พี่ภู แต่คุณแม่รู้ไหมคะว่าน้ำเจออะไร ฮึก...”
ซุปตาร์สาวคนสวยกระชับอ้อมแขนที่กอดมารดาแน่น ก่อนที่จะตัดสินใจเล่าเรื่องที่เธอพบเจอให้มารดาฟังพร้อมกับเสียงสะอื้น
“สองคนนั้น สองคนนั้นคือใครกันคะลูก แล้วหนูไปเจออะไรมาคะ” เสียงหวานเข้มขึ้นทันทีที่รู้ว่าบุตรสาวกำลังทุกข์ใจ รักครั้งแรกของเธอไม่เคยพบเจอกับความเจ็บปวด เพราะเธอโชคดีที่ได้เจอกับพี่วิน หรือเดวิด ชนกันต์ คูเวอร์บิดาของเด็กๆ ทั้งสาม ความเย็นชาของเขาทำให้เธอสบายใจเพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถมาแทรกกลางความรักระหว่างเธอและเขาได้
“พี่ภูกับ.. ยัยนุชค่ะ..ฮึก....ฮือๆๆ...คุณแม่ขา น้ำเจ็บ น้ำไม่อยากจะรักใครอีกแล้วค่ะ” เสียงหวานปนสะอื้นเอ่ยออกมาก่อนที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลรินเป็นครั้งสุดท้ายในอ้อมกอดที่อบอุ่นของมารดา
“พี่น้ำ!! พี่น้ำ ว่ายังไงนะ ไอ้พี่ภูกับพี่นุช พวกเขาสองคนหักหลังพี่อย่างงั้นหรอ” เสียงเข้มของฟ้า หรือแผ่นฟ้า นิรันนุกุล คูเวอร์น้องชายฝาแฝดของเธอดังกร้าวขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ตอนแรกเขากะจะมาเรียกพี่สาวกับมารดาลงไปรับประทานอาหาร แต่พอได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้เป็นพี่สาวฝาแฝด หัวใจของเขาก็แทบจะแหลกลาญไปด้วย
“น้องฟ้า!!” สองแม่ลูกหันไปมองผู้มาใหม่เป็นตาเดียวกันพร้อมกับอุทานเรียกชื่อเล่นของแผ่นฟ้าออกมาเสียงดัง
“ว่าไงพี่น้ำ บอกฟ้ามานะ ฟ้าจะไปจัดการคนที่มันกล้ามาทำร้ายหัวใจของพี่ มันทำให้พี่น้ำเจ็บ มันก็เหมือนทำให้ฟ้าเจ็บ” เสียงประกาศกร้าวดวงตาที่เคยว่าหวานกลับแววโรจน์จนคนเป็นมารดาและพี่สาวอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ แผ่นฟ้าติดนิสัยเย็นชามาจากเดวิด ผู้เป็นบิดา และเขานั้นเป็นคนจริงมากจึงสามารถเข้าไปรับตำแหน่งรองประธานบริษัทไทยเพอร์ฟูมของบิดาได้อย่างภาคภูมิ ผู้บริหารหลายคนต่างนับถือเขา ถึงแม้เขาจะอายุยังน้อย แต่เขาก็มีความสามารถมากพอที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นกอบเป็นกำ
“ฟ้า ฟ้าอย่าไปทำอะไรพวกเค้าเลยนะ ถ้าจะทำพี่ขอฟ้าแค่อย่างเดียว” เสียงหวานบอกน้องชายฝาแฝดของตนขณะที่เขาเดินมานั่งลงข้างๆ เธอแล้วดึงเธอมาโอบกอดเอาไว้แทนมารดา แผ่นฟ้าแม้จะอายุเพียง 23 ปีแต่ก็มีรูปร่างหนาเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ และมีส่วนสูงถึง185เซนติเมตร
“อืม.. ฟ้าจะทำตามที่พี่น้ำขอทุกอย่าง” แผ่นฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ยามที่พูดคุยกับครอบครัว เขามักจะอบอุ่นแบบนี้เสมอ หากแต่เวลาที่คุยกับเพื่อนและพนักงานที่บริษัท หรือแม้แต่คนที่ไม่รู้จัก น้ำเสียงเขาก็จะติดเย็นชาเหมือนกับผู้เป็นบิดา
“แค่ไม่ให้เขามาตามรังควานพี่อีกก็พอ พี่ขอแค่นี้ทำให้พี่ได้ไหม” ใบหน้าสวยที่เลอะคราบน้ำตาเงยขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาที่มีหลายส่วนคล้ายๆ เธอด้วยแววตาอ้อนวอน
“สำหรับแม่หนูนา พ่อวิน พี่น้ำ น้องจันทร์ ไม่ว่าทุกคนจะขออะไร ผมก็ทำให้ได้หมด” เสียงเข้มบอกพี่สาวและมารดา นิราส่งยิ้มให้กับบุตรชาย เธอภูมิใจในตัวลูกๆ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นธารน้ำ แสนฟ้า หรือน้องจันทิรา ลูกๆ ทุกคนต่างเป็นเด็กดีและเชื่อฟังเธอกับสามีเสมอ
“พี่ไม่ต้องห่วงนะ จากนี้ไป สองคนนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่อีกแน่นอน” แผ่นฟ้าบอกพี่สาวอย่างจริงจัง ธารน้ำพยักหน้าขึ้นลงก่อนที่จะโผกอดน้องชายเอาไว้
ธารน้ำตัดสินใจคุยเรื่องงานแถลงข่าวกับครอบครัวหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ ซึ่งเธอปรึกษามารดาและน้องชายมาก่อนแล้ว หากแต่ยังไม่ได้ปรึกษาบิดากับน้องสาว
“พ่อตามใจลูกนะ สิ่งไหนที่ลูกคิดว่าดี พ่อก็ว่าดี ในเมื่อเขาไม่เหมาะสมคู่ควรกับผู้หญิงดีๆ แบบลูกก็ปล่อยเขาไป คนดีๆ ที่เห็นค่าของลูกยังมีอีกมาก เพียงแต่ลูกต้องรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น” เดวิด เอ่ยออกมาหลังจากที่บุตรสาวตัดสินใจเล่าให้ฟังว่าจะแถลงข่าวเลิกรากับแฟนหนุ่มที่คบกันมานานถึง3 ปี ด้วยเพราะอีกฝ่ายก็เป็นถึงพิธีกรชื่อดังของช่องดังช่องหนึ่ง จึงต้องมีการแถลงข่าวออกไป เดวิดเคารพการตัดสินใจของลูกๆ เสมอและไม่เคยบังคับจิตใจลูกคนไหนเลย เรื่องงานที่บริษัทก็เช่นกัน แผ่นฟ้าก็เป็นคนตัดสินใจเข้าไปช่วยเขาบริหารเอง โดยที่เขาไม่ได้ร้องขอด้วยซ้ำ
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อที่เข้าใจน้ำ” ซุปตาร์สาวยกมือไหว้บิดาก่อนที่จะเดินเข้าไปโอบกอดเขาจากทางด้านหลังและหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ นิราอดที่จะหมั่นไส้แม่ลูกสาวคนนี้ไม่ได้ ที่ชอบออดอ้อนบิดามาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกเธอคิดว่าธารน้ำจะเลือกงานบริหารเสียด้วยซ้ำ กลับกลายเป็นว่าเธอคิดผิดเพราะคนที่เลือกเรียนบริหารกลายเป็นแผ่นฟ้าเอง ส่วนบุตรสาวนั้นเลือกเรียนนิเทศศาสตร์เหมือนกับเธอ
“จันทร์ก็สนับสนุนการตัดสินใจของพี่น้ำค่ะ คนเราถ้ารักกันจริงต้องไม่นอกกายนอกใจกันสิคะ ถ้าจันทร์หาแฟนแบบคุณพ่อไม่ได้ จันทร์ขอเป็นสาวโสดขึ้นคานดีกว่าค่ะ” น้องคนเล็กแสดงความเห็นออกมาบ้าง เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดก็ตาม น้องเล็กมักจะทำให้ครอบครัวผ่อนคลายทุกครั้งไป
ทุกคนในครอบครัวมักจะได้แสดงความคิดเห็นร่วมกันเสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม ครอบครัวคือหลุมหลบภัยที่ดีที่สุด ธารน้ำคิดแบบนั้น หากวันนั้นเธอไม่โกรธจนหน้ามืดตัดสินใจบินไปอเมริกาเพียงลำพังและนั่งดื่มจนขาดสติ เธอคงจะไม่เสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นไป เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เธอเลือกที่จะไม่บอกครอบครัว เพราะเธอไม่อยากให้มีใครต้องมาเสียใจกับเธอ โดยเฉพาะบิดามารดาที่เฝ้าทะนุถนอมเอาใจเธอมาตั้งแต่เกิด เธอยอมให้พวกท่านเสียน้ำตาเพราะเธอไม่ได้อีก
มื้ออาหารเย็นนั้นเป็นมื้อที่อบอุ่นเหมือนกับทุกๆ วัน ถึงแม้แผ่นฟ้าจะมีอารมณ์คุกรุ่นในเรื่องที่พี่สาวฝาแฝดพบเจอมาอยู่บ้าง แต่เวลาอยู่พร้อมหน้ากัน แผ่นฟ้ามักจะกลายเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นเสมอ เขาให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวที่สุด แต่หลังจากพ้นจากครอบครัวไปแล้ว แผ่นฟ้าจะกลายเป็นหนุ่มที่ดูน่าเกรงขามคนหนึ่งและเขาก็มีบอดี้การ์ดส่วนตัวถึงสองคน