8 มารยาทเรียบร้อย
ระหว่างที่ครุ่นคิดเสียงโทรศัพท์ของมารดาก็ดังขึ้น
กริ่ง กริ่ง กริ่ง
“สวัสดีค่ะ” เมธาวีรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก ก็เพราะตอนนี้เธอกำลังร้องไห้อยู่และเธอยังไม่สามารถหยุดร้องได้เลย
“สวัสดีจ้ะหนูเมย์หรือเปล่าลูก”
“ค่ะเมย์เอง”
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมน้ำเสียงดูไม่ดีเลย เหมือนกำลังร้องไห้อยู่เลย”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับมีเพียงแต่เสียงสะอื้นของเด็กสาวที่กำลังฝืนให้ตัวเองหยุดร้องเพื่อจะพูดสายต่อ
“หนูเมย์ แม่ปิ่นของหนูไปไหนทำไมถึงไม่มารับสายลูก”
“ป้าแก้วคะ มะ..แม่ไม่สบายค่ะ ยังรับโทรศัพท์ตอนนี้ไม่ได้”
“ไม่สบาย ไม่สบายเป็นอะไรหนูเล่าให้ป้าฟังหน่อย”
“แม่เป็นโรคหัวใจค่ะ หมอบอกว่าต้องส่งตัวไปรักษาที่กรุงเทพฯให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแม่อาจไม่รอดแต่เมย์ไม่มีเงินรักษาแม่ เมย์ไม่รู้จะทำยังไงต่อ”
“ไม่เป็นไรนะใจเย็นๆ ตอนนี้หนูกับแม่อยู่ที่โรงพยาบาลไหน”
“โรงพยาบาลในตัวเมืองค่ะ” เมื่อได้ชื่อโรงพยาบาลคุณหญิงแก้วฤดีก็ให้คนจัดการหาเบอร์โทร โทรติดต่อแผนกหัวใจโดยตรงเพื่อสอบถามอาการคนไข้ก่อนโทรกลับหาสาวน้อยอีกครั้ง
“หนูเมย์ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวป้าจะจัดการเรื่องค่ารักษาแม่หนูให้เอง ต้องช่วยชีวิตแม่หนูให้ได้ก่อน หนูไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ แล้วเดี๋ยวหนูกลับบ้านไปเก็บข้าวของที่จำเป็นเตรียมตัวไว้นะลูก”
“เตรียมตัวเหรอคะ”
“ใช่จ้ะเตรียมตัวเดี๋ยวป้าจะให้แม่กับหนูมาอยู่ที่กรุงเทพกับป้า”
“เมย์กับแม่จะไม่ไปรบกวนคุณป้ามากเกินไปเหรอคะ”
“ไม่เลยจ้ะ หนูเมย์ไว้ใจป้ามั้ย”
“ค่ะ เมย์ไว้ใจ”
“ถ้าอย่างนั้นต้องเชื่อฟังป้านะลูกทำตามที่ป้าบอก การรักษาคงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานหนูเมย์มาอยู่กับป้าที่นี่ถ้าเกรงใจป้าก็มาช่วยงานที่บริษัทป้าก็ได้หนูจะได้มีอะไรทำด้วย เดี๋ยวเราค่อยคุยกันต่อนะป้าวางสายก่อน”
“ค่ะ” นั่นเป็นเสียงที่เธอได้รับจากคนปลายสาย
คุณหญิงแก้วฤดีเสนอตัวในฐานะญาติและยินดีจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของเพื่อนรัก พร้อมกับให้โรงพยาบาลส่งตัวปิ่นอนงค์มารักษาต่อที่กรุงเทพฯทันที เมื่อจัดการเรื่องของเพื่อนรักเรียบร้อยก็โทรกลับไปแจ้งข่าวเมธาวีอีกครั้ง
คราแรกเธอจะส่งคนไปรับแต่เด็กสาวไม่ยอม ขอเดินทางมาเองด้วยความเกรงใจ
ปัจจุบัน
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละคุณน้าปิ่นเป็นเพื่อนคนเดียวที่แม่รัก ตอนแม่ลำบากที่สุดในชีวิตก็มีน้าปิ่นนี่แหละช่วยเหลือเอาไว้ วันนี้เขาลำบากแม่ก็อยากจะช่วย กรก็ช่วยทำดีกับหนูเมย์เขาหน่อยนะลูก น้องน่าสงสารพ่อเสียตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องทำงานหนักตั้งแต่ยังเด็กเข้าใจมั้ย”
“ครับบบ”
“แล้วเย็นนี้ไปเยี่ยมน้าปิ่นกับแม่ด้วยนะ”
“ทำไมผมต้องไปด้วยครับ”
“จะได้ไปทำความรู้จักกันไว้ ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน”
“ผมไปได้แป๊บเดียวนะครับ ช่วงค่ำผมมีคุยงานกับลูกค้าต่อ”
“จ้ะ พ่อคนบ้างาน”
“แล้วหนูเมย์ของคุณแม่ไม่ทานข้าวเหรอครับ”
“น้องไม่หิวเลยขอขึ้นไปจัดของข้างบน”
ตกเย็นของวันเดียวกันคุณหญิงแก้วฤดีพาหญิงสาวมาเยี่ยมมารดาตามที่รับปากไว้ ทันทีที่เจอหน้ากันทั้งสองโผกอดกันด้วยความคิดถึง หลังมารดาเธอถูกส่งตัวมาที่นี่หญิงสาวต้องเคลียร์กับลูกค้าทางนั้นให้เรียบร้อยเสียก่อน ใช้เวลาสามวันเลยทีเดียวเพราะเธอต้องย้ายมาอยู่ที่นี่หลายเดือนจนกว่ามารดาจะอาการดีขึ้น
“แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นมากแล้ว หนูล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“แม่ไม่ต้องห่วงเลย เมย์บอกลูกค้าเราทุกคนเรียบร้อยแล้วว่าจะหยุดขายไม่มีกำหนด เพราะแม่ต้องมารักษาตัวที่นี่ ออเดอร์ที่เรารับปากไว้แล้วเมย์ก็จัดการหาเจ้าอื่นส่งให้ลูกค้าแทน แม่ไม่ต้องกังวลอะไรนะเป็นห่วงแค่ตัวเองก็พอ”
“ไม่ต้องห่วงแม่หรอก ป้าแก้วของหนูจ้างพยาบาลมาดูแลแม่อย่างดีเลยล่ะ แม่สบายจนไม่ต้องทำอะไรเลย” เมธาวีมอบยิ้มหวานให้คุณหญิงแก้วฤดีอย่างรู้สึกขอบคุณ
“แม่ของหนูนะดื้อ บ่นแต่อยากกลับบ้านบ่นตลอดว่าเบื่อไม่มีอะไรทำ”
“ก็จริงนิ ปกติแม่ไม่เคยนอนอยู่เฉยๆ แบบนี้เลยมันน่าเบื่อ”
“อดทนหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวหายแล้วเราจะกลับไปอยู่บ้านด้วยกัน ตอนนั้นแม่อยากทำอะไรเมย์จะไม่ห้ามเลย” พูดไปน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมา
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อยจะร้องไห้ทำไม เดี๋ยวแม่ก็หายแล้วร้องมากตาบวมไม่สวยเอานะ” ปิ่นอนงค์ปลอบบุตรสาวพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้
“เอ่อจริงด้วย นี่กรลูกชายเราเอง”
“กรลูก นี่คุณน้าปิ่นเพื่อนรักของแม่เราโตมาด้วยกัน แล้วก็เป็นแม่ของหนูเมย์ด้วย”
“สวัสดีครับคุณน้าปิ่น” กรวัฒน์กล่าวทักทายด้วยท่าทางเรียบร้อยผิดกับเวลาที่อยู่กับเธอ
“สวัสดีจ้ะ ลูกชายหน้าตาดีเชียว”
“ขอบคุณครับ”
‘หนวดเครารุงรังขนาดนี้ แม่ยังเห็นว่าเขาหล่ออยู่เหรอ’ เมธาวีพูดเบาๆแต่ทุกคนในห้องได้ยินกันหมด
“เมย์ไม่น่ารักเลยนะลูก พูดแบบนี้ได้ยังไงขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้เลย” ปิ่นอนงค์ต่อว่าพร้อมส่งสายตาตำหนิ ส่วนคุณหญิงแก้วฤดีหัวเราะชอบใจกับคำพูดที่ตรงของเด็กสาว
“อย่าไปตำหนิหลานเลย ก็เรื่องจริงเราก็บ่นจนไม่รู้จะบ่นยังไงแล้ว เจ้าตัวเขาก็ชินแล้วใช่มั้ยกร”
“ครับคุณน้าผมไม่เป็นอะไร” กรวัฒน์บอกเสียงอ่อนก่อนส่งสายตาน่าเห็นใจให้ปิ่นอนงค์ เมธาวีที่หันมาเห็นพอดีถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจกับความเจ้าเล่ห์ของเขา
“โถ่ มารยาทก็เรียบร้อย น่าอิจฉาเธอจริง ๆเลยแก้วได้ลูกชายดีขนาดนี้”
“อิจฉาอะไรกัน เราสิต้องอิจฉาปิ่น มีลูกสาวสวยน่ารักแบบหนูเมย์ ถ้าพ่อตากรกลับมาต้องหลงรักหนูเมย์แน่ ๆ รายนั้นเขายิ่งอยากได้ลูกสาวอยู่”