บท
ตั้งค่า

7 ลูกสาวเพื่อนรัก

“ไม่เจอกันนานปิ่นก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ”

“ทำเป็นมาชมแก้วก็สวยเหมือนเดิม ผิวขาวขึ้นเยอะดูดีเชียว”

“เด็กผู้หญิงคนนั้นลูกสาวเธอเหรอ”

“ลูกสาวฉันเองชื่อเมย์ นี่เพิ่งจะเรียนจบมา ก็มาช่วยส่งขนมเห็นว่ากำลังหางานประจำอยู่”

“แกน่ารักดีนะ มีน้ำใจสวยเหมือนแม่ตอนเป็นสาวๆ เลย”

“แล้วแก้วล่ะมีลูกหรือเปล่า”

“มีลูกชายหนึ่งคน ตอนนี้ทำงานที่บริษัทแทนพ่อเขา น่าจะเป็นรุ่นพี่ของหนูเมย์หลายปีอยู่”

“มีลูกชายก็สบายเลยสิ”

“แต่ถ้ามีลูกสาวก็น่าจะดีกว่านะ ลูกชายไม่ค่อยนุ่มนวลเลยสู้หนูเมย์ก็ไม่ได้”

“รายนี้ดื้อไม่ยอมคน ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ พยายามกลบความอ่อนแอไม่ให้ใครเห็นเพราะโตมาโดยไม่มีพ่อ เลยอยากปกป้องเราน่ะ”

“น่ารักดีนะ ตอนลงไปช่วยเราก็มีแค่ร่มคันเดียว พอพวกนั้นไปตัวสั่นเชียวแต่ก็เดินมาหาเรา น่าชื่นชมจริง ๆ” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นคุณหญิงแก้วฤดีก็อดชื่นชมไม่ได้ ทั้งที่กลัวแต่ก็ไม่ถอยหนี

“นี่แก้วกินอะไรมารึยัง อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนค่อยกลับนะ”

“ดีเหมือนกันจะได้กินไปคุยไปด้วย”

“ถ้าไม่รังเกียจก็พักด้วยกันที่นี่ได้นะ มีเรื่องเมาท์เยอะแยะเลย”

“ไม่รังเกียจเลย ดีใจมากกี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้ จำได้ว่าตอนนั้นตั้งท้องอ่อน ๆ แล้วสามีต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศเลยไม่ได้บอกปิ่นก่อน”

“เกือบ สามสิบห้าปี” ปิ่นอนงค์บอก

“ขอโทษนะ ตอนนั้นมันฉุกละหุกไปหมดเลย ไม่ได้บอกปิ่นก่อน คงผิดหวังในตัวเรามากเลยใช่มั้ย ที่อยู่ ๆเราก็หายไปแบบนั้น”

“ไม่เลย ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ก็ขอแค่ให้เธอปลอดภัยไม่เป็นอะไร และตอนนี้เธอกลับมาหาเราอย่างปลอดภัยก็ดีมากแล้ว”

สองสาวรุ่นใหญ่พูดคุยกันเสียงดังสนุกสนาน ดังออกไปด้านนอก นานเท่าไหร่แล้วที่เมธาวีไม่ได้ยินเสียงมารดาของตัวเองหัวเราะพูดคุยกับคนอื่น เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงรีบเก็บของและเข้าไปภายในบ้านเพื่อสอบถามความเป็นมา

“คุยอะไรกันอยู่คะ หัวเราะเสียงดังเชียว”

ปิ่นอนงค์แนะนำบุตรสาวให้เพื่อนรักได้รู้จัก พร้อมเล่าวีรกรรมสมัยเรียนของทั้งคู่ให้เมธาวีฟังด้วย ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เรียนประถมและโตมาด้วยกัน ก่อนแยกจากกันไปหลายปีจนได้กลับมาพบกันอีก

เมธาวียิ้มหวานให้หญิงวัยกลางคนที่พูดคุยกับเธอและมารดาอย่างไม่รังเกียจ ดูจากรถที่ขับเสื้อผ้าที่สวมใส่ผู้หญิงคนนี้น่าจะไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป ตั้งแต่บิดาเสียเธอไม่เคยเห็นมารดายิ้มหัวเราะแบบนี้เลยสักครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

หนึ่งเดือนต่อมา…..

โครม..

“แม่!!...” เสียงร้องดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมารดาล้มหมดสติลงต่อหน้าต่อตา ขณะที่ทั้งสองเตรียมเต้าหู้นมสดขึ้นรถส่งลูกค้าตามปกติ เมื่อตั้งสติได้เมธาวีรีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที

“ใครคือญาติคุณปิ่นอนงค์ครับ”

“ฉันเองค่ะ คุณหมอแม่หนูอาการเป็นยังไงบ้างคะ”

“คนไข้เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วนะครับ อาการเริ่มจะรุนแรงขึ้นในระยะหลัง ที่หมดสติไป หมอคาดว่าน่าจะเกิดจากการพักผ่อนน้อย ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อคนไข้มากครับ”

“โรคหัวใจเหรอคะ แม่เป็นโรคหัวใจ” เมธาวีทวนคำเพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อน

“ช่วงหลังมานี้คนไข้มีอาการผิดปกติอะไรบ้างไหมครับ”

ใบหน้าสวยครุ่นคิดก่อนตอบ

“ช่วงนี้แม่บ่นว่าเหนื่อยบ่อยค่ะ และจะนอนไว”

“ต้องบอกตามตรงว่า อาการของคนไข้ค่อนข้างรุนแรงหมอต้องส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลหลักที่กรุงเทพฯ เพราะเครื่องมือที่นั่นจะครบครันมากกว่า และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็จะสูงกว่ามากด้วย ญาติติดปัญหาตรงไหนมั้ยครับ ถ้าหมอจะส่งตัวคนไข้ไป”

“ต้องรักษายังไง รักษานานแค่ไหนคะคุณหมอ”

“ต้องรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนใส่ลิ้นหัวใจเทียม ทดแทนลิ้นหัวใจเดิมครับ ส่วนระยะเวลาหมอบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองด้วย แต่ถ้าจะไม่รักษาหมอไม่แนะนำเพราะเป็นอันตรายถึงชีวิตคนไข้ได้”

“การผ่าตัดมีความเสี่ยงมากมั้ยคะคุณหมอ มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้มั้ย”

“มีความเสี่ยงครับ แต่โอกาสสำเร็จมีมากกว่า ยิ่งส่งตัวไปไว ยิ่งมีโอกาสที่จะรักษาได้ไวขึ้น”

“แล้วค่ารักษาละคะคุณหมอ แพงมากไหมคะ”

“พูดตามตรงก็ค่อนข้างสูงมากครับ เพราะเป็นเครื่องมือพิเศษเฉพาะทางและต้องใช้คุณหมอที่เก่งเฉพาะด้านด้วย แต่โอกาสที่คนไข้จะรอดก็มีโอกาสมากขึ้นครับ”

“หมายความว่าถ้าไม่ส่งแม่ไป แม่จะตายเหรอคะ”

“จากที่หมอตรวจถ้าไม่รีบรักษาโอกาสรอดมีน้อยครับ”

“เมย์ขอปรึกษาญาติก่อนนะคะ แล้วจะให้คำตอบ”

“ขอคำตอบก่อน18:00น. วันนี้ได้ไหมครับ คือหมอติดต่อโรงพยาบาลทางโน้นไว้แล้ว หากญาติคนไข้ตกลงทางโรงพยาบาลจะส่งตัวผู้ป่วยไปที่นั่นทันที ยิ่งตัดสินใจได้ไวก็ยิ่งเป็นผลดีกับผู้ป่วยเอง”

“ค่ะ” มืดแปดด้านมันเป็นเช่นนี้เองสินะ ตอนนี้เธอไม่มีญาติที่ไหนที่เป็นที่พึ่งพิงได้เลยสักคนเดียว ในหัวตอนนี้คือจะหาเงินที่ไหนมาเพื่อที่จะรักษาแม่ เธอจะทำอย่างไรทำไมโชคชะตาถึงได้ใจร้ายกับเธอนักนะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel