6 บังเอิญ
“ถ้าไม่อยากนอนในห้องขังก็รีบไปซะตอนนี้ ตำรวจกำลังมาแล้ว ถ้าไม่รีบไปจะหนีไม่ทันแล้วจะมาโทษว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ” เมธาวีขู่ พยายามเก็บกลั้นความกลัวไว้
“อ่าวอีนี่แส่เรื่องของคนอื่นไม่เข้าเรื่อง” ชายคนเดิมบอกพร้อมกับเดินตรงไปยังเธออย่างเอาเรื่อง
“ก็เข้ามาสิ มาเลยแม่จะยิงให้ไส้แตกตรงนี้แหละ มีชีวิตดี ๆ ไม่ชอบอยากเป็นคนพิการก็ไม่บอก”
สีหน้าที่จริงจังดุดันของหญิงสาว บวกกับทำท่าราวกับกำลังหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ทำให้กลุ่มวัยรุ่นระแวงคิดว่าเธอมีปืนแน่ ๆ ชายคนเดิมถึงกับชะงักเท้าทันที ก่อนส่งสัญญาณให้เพื่อนอีกสองคนหนีก่อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึงอย่าให้กูเจออีกนะ มึงเจอกูแน่”
“ไม่รับฝากโว้ย ครั้งหน้าแม่จะไม่พูดมากแบบนี้หรอก”
หลังพวกนั้นวิ่งหนีหายไป เมธาวีถึงกับเข่าอ่อนตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงยิ่งกว่ากลองเสียอีก มือไม้สั่นไปหมดไม่คิดว่าตนเองจะกล้าทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้ หากพวกนั้นไม่เชื่อว่าเธอมีปืนเธอจะทำอย่างไร
ต้องจบชีวิตสาวแรกรุ่นวัยยี่สิบสี่ไปอย่างน่าเสียดาย ไหนจะซีรีส์ที่ยังดูไม่จบอีกท่านประธานของเมย์ หญิงสาวคิดในใจก่อนตั้งสติรีบเดินตรงไปยังรถเก๋งยุโรปคันหรูทันที
“คุณป้าเป็นอะไรมั้ยคะ พวกมันไปกันหมดแล้วค่ะ”
เธอถามคนที่มีอาการหวาดกลัวอยู่ในรถ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงยอมเปิดประตูรถลงมา เวลาเดียวกันชาวบ้านก็พากันเข้ามาช่วยเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วทุกคนต่างแยกย้าย เหลือเพียงสองสาวต่างวัย
“ขอบใจมากนะหนู ที่จอดรถลงมาช่วยป้านะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ ว่าแต่ทำไมเด็กพวกนั้นถึงต้องมาล้อมรถคุณป้าละคะ”
“รถป้าเสียจอดรอช่าง แล้ววัยรุ่นพวกนี้ขับรถวนอยู่หลายรอบป้าเห็นท่าไม่ดีเลยขึ้นรถล็อกประตูนั่งรอช่างอยู่ในรถ แล้วอยู่ ๆ พวกนั้นก็ขับมาจอดล้อมรถป้าพร้อมกับขู่จะเอาเงินจนหนูมาถึงป้าเลยไม่เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ว่าแต่คุณป้าจะไปที่ไหนคะ”
“ป้ามาเที่ยวที่นี่และมาตามหาเพื่อนเก่าแถวนี้นะจ๊ะ แต่ไม่ได้มานานเลยหลงทาง แล้วรถก็มาเสียอีก”
“นี่ก็จะมืดแล้วจองที่พักหรือยังคะ ให้หนูไปส่งมั้ย มืดแล้วอยู่คนเดียวแถวนี้มันอันตรายค่ะ” เมธาวีบอกอย่างห่วงใย
“ดีจ๊ะขอบใจนะ แต่ป้าต้องรอช่างมาก่อน อยู่คนเดียวป้าก็กลัวว่าพวกนั้นจะวนกลับมาอีก หนูช่วยอยู่เป็นเพื่อนป้าก่อนสักเดี๋ยวได้มั้ย” เมธาวีรับคำนึกแล้วก็เห็นใจ
ก่อนโทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
“จ๊ะแม่”
“เมย์ถึงไหนแล้วลูก ไหนว่ากำลังกลับแล้วทำไมถึงนานจัง เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” เมื่อเห็นบุตรสาวไม่ถึงบ้านเสียทีคนเป็นแม่ก็ร้อนรนใจจึงโทรตาม
“เมย์ไม่ได้เป็นอะไรจ๊ะ อีกสักพักก็ถึงแล้วแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเดี๋ยวถึงบ้านเมย์เล่าให้ฟัง”
“เอาๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขับรถระวังๆ นะลูก”
“จ้า” เมื่อวางสายหญิงสาวก็เดินไปหยิบน้ำมาให้หญิงวัยกลางคนดื่ม
“น้ำค่ะคุณป้า”
“ขอบใจมากจ๊ะ ป้าทำให้หนูเสียเวลาหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ แม่ของหนูเห็นว่านานแล้วเลยโทรมาเช็กว่าทำไมยังไม่ถึงบ้าน”
“เขาคงเป็นห่วง ยิ่งลูกสาวสวยด้วย” คนถูกชมยิ้มหวานส่งให้
“เรามีกันแค่สองคนค่ะ แม่เลยจะเป็นห่วงมาก” ระหว่างคุยกันช่างก็มาถึงพอดี เมื่อส่งมอบรถให้ช่างแล้วก็พากันเดินทางกลับ
“คุณป้าคะ เมย์ขอแวะเอาของไว้บ้านก่อนแล้วก็จะแวะบอกแม่ก่อนด้วย แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ได้จ้ะ”
เมื่อมาถึงบ้านเมธาวีให้หญิงวัยกลางคน นั่งรออยู่ภายในรถ ก่อนที่ตนเองจะวิ่งลงไปขนของลงจากท้ายรถ
“แป๊บหนึ่งนะคะเดี๋ยวหนูมา” ใบหน้าสวยหันมาย้ำอีกครั้งทำเอาคนอยู่ในรถถึงกับยิ้มตาม ในความเอาใจใส่ของเด็กสาว
“แม่จ๋า เมย์กลับมาแล้วจ้า”
“แอบไปเถลไถลที่ไหนมาถึงได้กลับช้า รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วง”
“เถลไถลที่ไหน พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”
“เกิดเรื่อง เรื่องอะไรหรือไปมีเรื่องกับใครเขามาอีก”
“ไม่ใช่ค่ะ แม่เห็นเมย์เป็นคนยังไงเนี่ย คือว่าระหว่างทาง…” เมธาวีกำลังจะเล่าก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมาเสียก่อน สองสาวต่างวัยหันไปมองพร้อมกัน
“ปิ่น นี่ปิ่นใช่มั้ย”
“แก้ว.. แก้วเหรอ”
“ใช่ฉันเอง โอ๊ยปิ่นไม่คิดเลยว่าจะหาเธอเจอจริงๆ” หญิงวัยกลางคนโผเข้าสวมกอดกันอย่างแสนคิดถึง
“ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ ไหนว่าย้ายไปอยู่ต่างประเทศถาวรแล้ว”
“เรื่องมันยาวนะ พอดีเมื่อกี้ได้หนูคนนี้ช่วยฉันเอาไว้” ปิ่นอนงค์มองอย่างสงสัย
“ทีแรกก็ตั้งใจมาหาปิ่นนั่นแหละ แต่รถดันเสีย แล้วก็มีกลุ่มวัยรุ่นสามคนมาล้อมรถไว้ จากนั้นหนูคนนี้ก็เข้ามาช่วยไว้”
“ตายจริงแล้วเธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไร โชคดีจริง ๆ ที่ได้มาเจอปิ่น”
“แล้วเป็นยังไง สบายดีไหมไปอยู่ที่ไหนมาทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาเลย” ปิ่นอนงค์ถาม
“ก็แต่งงานแล้วสามีย้ายไปทำงานอยู่ต่างประเทศหลายปีเพิ่งจะได้กลับมาที่ไทย พอกลับมาก็มาตามหาปิ่นนี่แหละ ขอโทษนะที่ไปโดยไม่ได้ลา” คุณหญิงแก้วฤดีบอกอย่างรู้สึกผิด
เมื่อเห็นว่าทั้งสองต้องมีเรื่องคุยกันยาวเมธาวีจึงปล่อยให้ทั้งสองได้คุยกันเป็นการส่วนตัว ส่วนเธอออกไปเก็บของจนเสร็จ แล้วตามเข้าไปสมทบทีหลัง