3 เจ้าคิดเจ้าแค้น
ในที่สุดเมธาวีก็เดินทางมาถึงบ้านคุณหญิงแก้วฤดี บ้านที่เธอต้องมาอาศัยอยู่ชั่วคราว โดยมีสาวใช้มารอรับเธออยู่ก่อนแล้ว เมื่อมาถึงหนูนาสาวใช้รุ่นราวคราวเดียวกับเธอก็พาเดินเข้าไปด้านในอย่างสุภาพ
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้าน มีรถสปอตคันหรูขับแล่นตามเข้ามา ทันทีที่คนขับเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงที่ลากกระเป๋ากำลังเดินเข้าบ้าน เขารู้สึกคุ้น ไม่นานก็นึกออก ทั้งรูปร่าง หน้าตา ท่าเดินรวมถึงกระเป๋าเดินทางใบนั้นใช่เลยเป็นเธอแน่ ๆ
“ยัยเม่น”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับเสียงแตรที่ดังสนั่นจนทั้งสองสาวต้องหันไปมองและต้องตกใจที่ รถคันดังกล่าวตั้งใจขับเฉี่ยวปาดหน้าทั้งสองคนไป
“ว้ายย ตายแล้วคุณเมย์เป็นอะไรมั้ยคะ” หนูนาร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวที่เดินมาด้วยกัน ล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น
“เมย์ไม่เป็นอะไร แล้วหนูนาละ”
“หนูนาก็ไม่เป็นอะไรค่ะ” รถสปอร์ตคันหรูจอดนิ่งสนิทดูเหมือนคนขับจะไม่ยอมลงจากรถ ด้วยความโมโหเมธาวีรีบก้าวขาสั้น ๆเข้าไปหาทันที
“นี่ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ขับรถประสาอะไร ไม่เห็นคนเดิน อยู่หรือไง”
เมธาวีร้องโวยวายต่อว่าพร้อมกับเคาะกระจกรถรัวๆ อย่างเอาเรื่อง หนูนาที่เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาห้าม
“คุณเมย์ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ”
แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ฟังคำห้าม ส่วนคนในรถลอบมองเธอจากด้านในพินิจมองใบหน้างามที่ขึงตาใส่เขาอย่างอารมณ์ดี ปกติเขาไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ แต่กับเธอคนนี้ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเขาถึงไม่อยากยอม อาจเพราะสายตาที่สู้คนของเธอถึงตัวจะเล็กกว่ามาก แต่ก็ไม่ยอมหากเธอถูกกระทำ
กรวัฒน์เปิดประตูลงรถยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนหลุบตามองเธอที่อยู่ต่ำกว่า
ใบหน้านวลใสจิ้มลิ้มโกรธจัดราวกับจะกินคนได้ทันทีที่เห็นหน้ารกรุงรังของคนตรงหน้าชัดๆ อารมณ์เธอขุ่นมัวเพิ่มขึ้นอีกไม่คิดว่าโลกจะกลมเช่นนี้
“อ้อที่แท้ก็คุณนี่เองไอ้ลุงโรคจิต”
“หยุดเรียกผมแบบนั้นสักทีได้มั้ย”
“ไม่ได้ ก็คุณมันโรคจิต ไม่งั้นจะตามฉันมาที่นี่ทำไม”
“เหอะ ความหลงตัวเองของคุณนี่ ไม่เกินใครเลยนะ ผมนั่นแหละที่ควรถามคุณมากกว่า ว่าคุณมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันจะมาทำอะไร มันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ” 'วันซวยของฉันจริง ๆ' ประโยคหลัง เธอบ่นเบา ๆ กับตัวเองแต่เขาได้ยิน
“คุณว่าอะไรนะ ผมต่างหากที่ซวยต้องเจอคุณตั้งสองรอบในวันเดียวกัน”
“นายนั่นแหละไอ้ตัวซวย ไอ้โรคจิต” ด่าเสร็จจะเดินถอยไปตั้งหลัก แต่เขากับคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน
“นี่ปล่อยนะ จะทำอะไร”
“ทำไมนึกกลัวขึ้นมาแล้วหรือไง”
ไม่ถามเปล่ามือหนาจับหัวไหล่ทั้งสองข้างของเธอดันชิดกับรถสปอร์ตคันหรู ถึงจะรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอเธออยู่จะให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ไม่ได้
“ใครจะกลัวคุณไอ้หนวดรุงรัง”
“นี่คุณว่าผมอีกแล้วนะ”
ดวงตาคู่คมจ้องมองแววตาท้าทายของหญิงสาวเบื้องหน้าต่างคนต่างไม่หลบตา กรวัฒน์เผลอบีบข้อมือบางแรงจนเธอทนความเจ็บไม่ไหว
“โอ๊ยนี่ฉันเจ็บ ปล่อยฉันนะไอ้ลุงโรคจิต” หนูนาเมื่อเห็นว่าทั้งสองทะเลาะกันใหญ่แล้วจึงร้องห้าม
“คุณกรปล่อยคุณเมย์ก่อนเถอะค่ะ”
“เธอรู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอหนูนา เขาเป็นญาติเธอหรือไง”
“ปะ เปล่าค่ะไม่ใช่ญาติของหนูนาแต่...”
“งั้นก็เงียบไป ฉันจะสั่งสอนยัยเด็กเม่นนี่ ให้รู้จักกาลเทศะหน่อย”
“พูดบ้าอะไร น่ารำคาญปล่อยฉันนะ”
เธอบ่นเมื่อเห็นเขาเผลอ จึงใช้โอกาสใส่เข่าเข้าตรงน้องชายเขาหนึ่งที ก่อนเบี่ยงตัวหนี กรวัฒน์ทั้งเจ็บและจุกจนต้องงอตัวไว้ แต่ยังไม่ยอมปล่อยเธอ ส่วนมืออีกข้างจับที่เป้ากางเกงตัวเองเอาไว้
“ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเธอจะหนีไปไหน” เขาถามน้ำเสียงเบา
“ดื้อนักนะคุณ จุกขนาดนี้ยังฝืน ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย”
“ไม่ปล่อยชั้นจะเตะซ้ำนะ” จบคำของเมธาวีเขารีบปล่อยมือเธอทันที
“แล้วอีกอย่างเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ฉันก็ขอโทษคุณไปแล้ว ทำไมต้องตามมาหาเรื่องกันถึงที่นี่ด้วย”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้น”
“งั้นก็กลับไปซะแล้วอย่ามาที่นี่อีก”
“คุณเมย์คือว่าคุณคนนี้เขา...” หนูนาพยายามอธิบาย
“ไม่เป็นไรหนูนา ถ้าคุณป้าต่อว่าเมย์จะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคุณเมย์ คุณกรคะคือว่า...” ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครฟังที่หนูนาพูดเลย
“พูดบ้าอะไรของคุณเนี่ย” กรวัฒน์ถาม
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” เธอบอกก่อนกระซิบที่ข้างหูเขาให้เขาได้ยินคนเดียว “ไอ้ลุงโรคจิต”
“ถ้าเรียกผมว่าลุงอีกคำเดียวคุณได้เจอดีแน่”
เห็นสีหน้ายียวนท้าทายของคนตรงหน้า กรวัฒน์ถึงกับกัดกรามแน่นหากไม่จุก เขาจะลากเธอเข้าบ้านไปสั่งสอนตอนนี้แหละ
“จะทำไม อยากโดนแบบเมื่อกี้อีกใช่มั้ย” ระหว่างที่ทั้งสองคนเถียงกันเสียงดังจนคนในบ้านต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะได้ยินเสียงแตรนานแล้วแต่ไม่มีใครเดินเข้าบ้านเสียที
“เกิดอะไรขึ้นหนูนา ใครมาเอะอะเสียงดังโวยวายหน้าบ้าน”
“คือว่า” หนูนากำลังจะอธิบายแต่คุณหญิงแก้วฤดีหันไปเจอบุตรชายเอามือกุมที่เป้าของตนเองด้วยท่าทางไม่สบายก็ตกใจจนไม่ทันมองเห็นหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างกัน
“กรเกิดอะไรขึ้นลูกเป็นอะไร ปวดท้องเหรอ” คุณหญิงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงรีบเดินไปประคองร่างบุตรชายให้ลุกขึ้น
“เปล่าครับคุณแม่”
“แล้วนี่เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นเสียงดังเข้าไปข้างในเลย” สิ้นคำโดยที่ยังไม่ได้คำตอบ สายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ
“อ้าวหนูเมย์ มาถึงนานแล้วเหรอลูก ป้ากำลังรออยู่เลยเป็นห่วงกลัวหนูมาไม่ถูก”
“สวัสดีค่ะคุณป้า เมย์พึ่งมาถึงเองค่ะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะเมย์หลงทางอยู่เลยมาถึงช้า”
“ไหว้พระเถอะลูกมาถึงปลอดภัยก็ดีแล้ว เข้าไปข้างในบ้านกันก่อนทั้งสองคนเลยข้างนอกมันร้อน”
“ค่ะ” คุณหญิงบอกขณะที่พยุงประคองร่างบุตรชายที่ทำหน้างงเข้าบ้าน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินเองได้”
“แน่ใจนะ”
“ครับ”
“ถ้างั้นก็ตามเข้ามาเร็วๆ แม่จะพาหนูเมย์เข้าไปก่อน”
คุณหญิงแก้วฤดีพูดพร้อมกับหันมาจับมือเมธาวีเดินเข้าไปภายในบ้านอย่างอารมณ์ดี เมื่อเข้ามาภายในบ้านเมธาวีพบความโอ่งอ่างภายใน ข้างนอกว่าสวยแล้ว ด้านในสวยกว่าหลายเท่า คิดแล้วที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับเธอเลย
หนูนามองดูความวุ่นวายที่กำลังจะเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้แล้วก็ส่ายหัวก่อนจะถือกระเป๋าตามเจ้านายเข้าไป