บทที่ 7 แผนแก้แค้น
การเที่ยวชมไร่ปุยเมฆเป็นไปอย่างเรียบร้อย หมอเอื้อมพรกับวิภูทำหน้าที่คุณหมอตรวจสุขภาพคนงานในไร่อย่างเต็มที่ วิภูกวาดสายตามองหน้าคนงานตั้งแต่หัวแถวที่นั่งเรียงเป็นแถวตอนลึกไปจนถึงปลายแถวและสายตาก็ต้องสะดุดกับใบหน้าของคนงานหนุ่มท้ายแถว
หากจำไม่ผิด คนงานคนนี้เป็นคนๆ เดียวกับชาวบ้านที่เข้าไปรับการตรวจในไร่นับดาวและเป็นคนดึงผ้าคลุมหน้าโมไนยจนเกือบเกิดเรื่องใหญ่ หมอหนุ่มหันมามองหมอสาวแต่หล่อนสาละวนอยู่กับการตรวจคนงาน เขาจึงเก็บความสงสัยไว้เพียงลำพัง
คนงานคนสุดท้ายรับการตรวจจากวิภู เอื้อมพรลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปหาพิพรรธ หล่อนสนใจเจ้าของไร่หนุ่มเป็นพิเศษซึ่งพิพรรธเห็นสายตาของหล่อนก็รู้ เขามองเห็นทางทำลายไร่นับดาวอยู่ตรงหน้า
“คุณหมอครับ วันก่อนไปไร่นับดาว มีคนป่วยมั้ยครับ”
“มีเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ส่วนมากจะเป็นพวกภูมิแพ้ค่ะแต่ที่แปลกกว่านั้นเจ้าของไร่เป็นมากไม่กล้าเปิดหน้าเลยค่ะ คุณพิพรรธพอจะรู้มั้ยคะว่าคุณโมไนยแพ้อะไร”
คำถามของหญิงสาวเพิ่มรอยยิ้มให้กับพิพรรธมากกว่าเดิม ไม่คิดว่าแผนทำลายโมไนยจะมาถึงรวดเร็วเช่นนี้
“พอรู้มาบ้างครับแต่ไม่ทั้งหมด คนงานไร่ผมกับไร่นับดาวไม่รู้เรื่องนี้ สองพี่น้องนั่นพยายามปิดบังไว้ครับ ถ้าคุณหมออยากรู้เชิญที่ออฟฟิศผม ผมไม่อยากให้ใครได้ยินครับ เชิญครับ”
“อย่าเรียกคุณหมอเลยค่ะ เรียกเอื้อมดีกว่า เอื้อมเป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพแค่นั้นเองค่ะ”
“แต่คุณก็สามารถทำงานแทนหมอได้ ชาวบ้านนับถือคุณเป็นหมอของพวกเขาเรียกหมอทุกคนนะครับ”
“ฉันอยากให้คุณเรียกชื่อฉันมากกว่าค่ะ”
หล่อนเงยหน้ายิ้มกับดวงตาของเขา ประกายตาชื่นชอบไม่ปกปิด เจ้าของไร่ยิ้มตอบดวงตาคู่เปิดเผยของหล่อน
“ได้สิครับ คุณเอื้อม เชิญครับ ผมจะเล่าเรื่องคนไร่โน้นให้ฟัง ฟังแล้วอย่าบอกใครนะครับ สงสารพวกนั้นแค่ไม่กล้าเปิดหน้าให้คนเห็นก็ทุกข์มากแล้วครับ”
คำพูดและสีหน้าเหมือนคิดหนักของเขายิ่งทำให้หล่อนอยากรู้เรื่องของเจ้าของไร่นับดาวมากยิ่งขึ้น หล่อนทรุดนั่งบนเก้าอี้รับแขกจ้องหน้าเขา รอคำบอกเล่าด้วยใจจดจ่อ...
ใจดีกับจันทนาก้าวลงจากรถปิกอั้พสี่ประตูที่คนงานของพิพรรธพาไปชมไร่ สองสาวเดินเข้าไปหาวิภู ใจดีมองหาเอื้อมพร
“หมอคะ พี่เอื้อมไปไหนคะ”
“ไปกับคุณพิพรรธท่าทางมีลับลมคมนัยอะไรไม่รู้ ดูพี่เอื้อมจะสนใจเจ้าของไร่นี้”
ประโยคท้ายวิภูพูดเสียงเบาแต่ใจดีกับจันทนาได้ยินชัดเจน ใจดีย่นหัวคิ้วแล้วยิ้ม
“หมอเข้าใจผิดรึเปล่า พี่เอื้อมไม่สนใจใครนานแล้วนะ จะมาสนใจคุณพิพรรธเชียวหรือ”
“ไม่แน่หรอกแก พี่เอื้อมชอบคนสูงวัยกว่าเท่ๆ ยิ่งชอบ คุณพิพรรธตรงสเป็คแน่แก”
จันทนาแย่งวิภูตอบซึ่งหมอหนุ่มคิดเช่นเดียวกับหล่อน ใจดีพยักหน้าช้าๆ
“ก็น่าจะใช่ แล้วนี่หมอไม่ตามไปล่ะหรือว่าเขาไม่เชิญ”
“ถูกต้องครับ เขาไม่เชิญจะให้ผมเสนอหน้าได้ยังไงล่ะคุณใจดี เออ.นี่ ผมมีอะไรจะบอก เมื่อตอนที่ผมตรวจคนงาน ผมเห็นคนที่ดึงผ้าปิดหน้าคุณโมไนยอยู่ที่นี่ นั่งต่อแถวกับคนงานไร่นี้”
ใจดีถึงกับหันมาจ้องหน้าหมอหนุ่ม คิ้วโค้งขมวดมุ่น จันทนามีกิริยาไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไรนัก มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าชาวบ้านแถวนี้มาตรวจรักษาฟรีที่ไร่ปุยเมฆอีกแต่ไม่น่าเป็นไปได้เพราะพิพรรธบอกกับพวกหล่อนว่ามีแต่คนงานในไร่เท่านั้น
“จริงหรือคะ หมอจำคนไม่ผิดแน่นะ” ใจดีเอ่ยเน้นเสียงท้าย หมอวิภูพยักหน้าเร็ว
“ไม่ผิดแน่ครับ เขามาตรวจกับผมแต่ผมไม่กล้าถามว่าเป็นคนงานที่นี่รึเปล่า ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลยครับ”
“ไม่น่าไว้ใจยังไงคะ” จันทนาถามอย่างอยากรู้ความหมายที่วิภูพูด
“หน้าเครียด ตาเหมือนไม่พอใจพวกเรา ยกมือไหว้ผมก็ทำแบบลวกๆ ไม่เหมือนคนงานคนอื่น เมื่อกี้เดินหายไปทางด้านหลังออฟฟิศ ผมว่าหมอนั่นเป็นคนงานไร่นี้แน่ครับ”
“แล้วทำไมเข้าไปไร่โน้นแถมยังบอกว่าเป็นชาวบ้านอยากเห็นหน้าคุณโมไนย”
ใจดีคิดตามคำพูดของตัวเอง จันทนากับวิภูนิ่งเงียบ พยายามหาคำตอบช่วยใจดีแต่ก็หาไม่ได้
“แกคิดยังไงใจดี”
“มันแปลกๆ ไร่สองไร่นี้ไม่ถูกกันใช่มั้ย”
หญิงสาวหันมาถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในพื้นที่นี้มาก่อนแม้จะไม่นานนักแต่ก็น่าจะรู้เรื่องไร่นับดาวกับไร่ปุยเมฆบ้าง
“ก็ไม่รู้สิแต่เท่าที่ได้ยินคนพูดๆ กัน เขาว่าคุณพิพรรธเกลียดสองพี่น้องไร่นับดาวแต่สาเหตุจากอะไรไม่มีใครตอบได้”
“เราต้องหาคำตอบกันเองแล้วละจันท์ หมอภู สนใจมั้ย”
“สนสิครับ ผมว่ามันแปลกมาก คุณโมไนยไม่ยอมให้ผมตรวจอาการภูมิแพ้ คุณสินโกรธมากตอนที่คุณโมไนยถูกดึงผ้าปิดหน้า”
“ใช่ คุณโมไนยต้องมีอะไรปิดบังสักอย่าง”
จันทนาเห็นด้วยกับวิภู ใจดีคิดถึงดวงตาภายในผ้าคลุมหน้าของเจ้าของไร่นับดาว ดวงตาของเขาเป็นประกายวับวาวยามที่สบตากับหล่อน ดวงตาคู่นั้นไม่ได้หวาดกลัวหรือโกรธแต่เป็นความดีใจ
“ฉันจะเข้าไปบ้านคุณสิน ใครจะไปกับฉันบ้าง”
ใจดีโพล่งออกมา วิภูกับจันทนาหันมาจ้องหน้าหล่อน หญิงสาวยิ้มพยักหน้ายืนยันคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้
“ฉันไป”
“ผมก็ไป ไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ย”
“ใจเย็นๆ สิคะหมอภู ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ เราต้องกินข้าวที่คุณพิพรรธเลี้ยงเราก่อน ขากลับเราค่อยไปแต่พี่เอื้อมจะไปกับเรารึเปล่าล่ะ”
“ผมว่าไม่ไปหรอก น่าจะอยู่ต่อรอให้คุณพิพรรธไปส่ง ท่าทางคุณพิพรรธสนใจพี่เอื้อมเหมือนกัน”
“แต่ฉันว่าไม่ใช่ คุณพิพรรธสนใจยัยใจดี”
จันทนาค้านเร็ว ใจดีหันมาจ้องตาเพื่อน วิภูหันมามองใจดี
“จริงหรือครับ โอ้โฮ เกษตรอำเภอสาวของเราเนื้อหอมใช่เล่นนะเนี่ย ผมว่าจะจีบซะหน่อยสงสัยต้องถอยแล้วละสู้เจ้าของไร่ไม่ได้”
“หมอภูก็เป็นไปกับยัยจันท์ บ้าทั้งคู่ ฉันไม่สนใจใครทั้งนั้นไม่ว่าคุณพิพรรธหรือหมอภู ที่ฉันสนใจตอนนี้ ไร่นับดาวมีอะไรปิดบังเราอยู่โดยเฉพาะเจ้าของไร่”
หมอหนุ่ม เกษตรอำเภอสาวมองหน้ากันอย่างใช้ความคิดแต่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ใจดีตั้งใจเข้าไปเยี่ยมเยือนเจ้าของไร่นับดาววันนี้โดยมีเพื่อนร่วมเดินทางถึงสองคน เจ้าของบ้านคงยินดีต้อนรับพวกหล่อน
ขณะที่ใจดี จันทนาและวิภู คิดจะเข้าไปหาความจริงในไร่นับดาว เอื้อมพรรับฟังเรื่องราวที่ไม่อยากเชื่อจากปากพิพรรธ หล่อนนั่งนิ่งไปครู่ใหญ่เมื่อชายหนุ่มเล่าความลับของไร่นับดาวจบลง
“คุณเอื้อมเชื่อผมรึเปล่าครับ”
“เอ่อ.ค่ะ เชื่อค่ะ คุณพิพรรธจะเล่าเรื่องโกหกให้เอื้อมฟังทำไม ไม่มีเหตุผลที่ต้องเอาเรื่องโกหกมาเล่าไม่ใช่หรือคะ”
“ใช่ครับ ผมไม่ได้โกหก ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง คุณเอื้อมอย่าไปบอกใครนะครับ เดี๋ยวไร่โน้นรู้จะโกรธเกลียดผมมากกว่าเดิม แค่นี้พวกนั้นก็ไม่อยากคบกับผมแล้วละครับ”
“เพราะอะไรคะ”
“เพราะเราแข่งขันกันไงครับ แต่ผมก็พยายามไม่หาเรื่องเขานะครับ เราเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา ไม่รังแกเด็กหรอกครับ”
พิพรรธพูดเอาแต่ความดีใส่ตัวเอง ป้ายความไม่ดีให้กับสองพี่น้องที่ทำให้เขาโกรธแค้น ทางไหนที่เขาจะทำลายชื่อเสียงไร่นับดาวได้เขาจะทำและขณะนี้เขากำลังทำอยู่ เขาเชื่อว่าเอื้อมพรจะไม่เก็บเรื่องที่เขาเล่าไว้เพียงคนเดียว ใจดี จันทนาและวิภูจะต้องรู้ภายในไม่กี่ชั่วโมงนี้ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
“คุณเป็นคนน่ารักมากเลยนะคะ”
พยาบาลสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่บ่งบอกว่าชื่นชมชายหนุ่มจากหัวใจ หล่อนยอมรับว่าชอบเขามากกว่าเดิม
“ขอบคุณที่ชมครับผมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ”
นอกจากคำพูดถ่อมตัว สายตาคมวับจับที่ริมฝีปากหล่อน เปิดเผยความต้องการออกมาทางดวงตายิ่งทำให้หล่อนเขินมากขึ้น แก้มร้อนวูบ สีชมพูปรากฏบนแก้มเนียน พิพรรธไม่คิดจะใช้แค่คำพูดให้เอื้อมพรทำลายไร่นับดาว เขาต้องใช้ตัวเองช่วยให้หล่อนทำตามคำขอของเขาด้วย
“คุณเอื้อมครับ เย็นนี้มีนัดที่ไหนรึเปล่า ถ้าไม่มี ผมจะไปรับทานข้าว นะครับ”
เขาสรุปการนัดโดยไม่รอให้หล่อนปฏิเสธหรืออ้างธุระเข้ามาขัดขวางซึ่งเขารู้อยู่ในใจว่าหล่อนไม่ปฏิเสธเขาอย่างแน่นอน
“ค่ะ”
หล่อนรับคำสั้นๆ มือบีบกันแน่นเพื่อข่มความรู้สึกตื่นเต้นและยินดีไว้ในใจ หล่อนแสดงออกมากกว่านี้ไม่น่ามองเท่าไรนัก
ดวงตาฉายแววสมหวังแวบหนึ่ง หากเขาไม่เข้าข้างตัวเองมากเกินไปนัก พยาบาลประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลผู้นี้พร้อมที่จะให้เขาจูงมือไปไหนต่อไหนหลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว
เอื้อมพรเดินนำพิพรรธไปที่ห้องสำหรับทานอาหารของเจ้าของไร่ซึ่งพิพรรธสั่งแม่บ้านตั้งโต๊ะที่นั่น เขาเชิญใจดีด้วยรอยยิ้มและสายตาของความพอใจแต่หล่อนเมินหนีอย่างไม่สนใจทำให้เขารู้สึกร้อนขึ้นมาทันที คนที่เขาสนใจไม่มองเขาแม้เพียงหางตา ส่วนคนที่เขาไม่ได้ชอบมากมายกลับแสดงออกว่าชอบเขาและยินดีทำตามคำสั่งของเขาทุกเวลาหากเขาเอ่ยปากขอ
“เชิญครับคุณใจดี คุณจันทนา เชิญนั่งครับ คุณวิภูเชิญครับ”
ทุกคนทรุดนั่งบนเก้าอี้รอบโต๊ะสีเหลี่ยม เอื้อมพรเลือกนั่งเก้าอี้ติดกับพิพรรธ วิภูเหลือบมองใจดีกับจันทนาเหมือนจะบอกว่าความเข้าใจของเขาไม่ผิดสักนิดที่ว่าเอื้อมพรชอบพิพรรธ
ใจดียิ้มกับวิภู จันทนาพยักหน้านิดหนึ่งเป็นการรับรู้แล้วลงมือทานอาหารไม่สนใจสายตาหวานเชื่อมของเอื้อมพรที่ทอดมองเจ้าของไร่
“ทานข้าวเสร็จแล้วฉันขอตัวกลับก่อนนะคะคุณพิพรรธ ฉันจะไปธุระต่อค่ะ รบกวนคุณไปส่งพี่เอื้อมได้มั้ยคะ”
ใจดีเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารคาวเสร็จ แม่บ้านกำลังตักของหวานใส่ถ้วยเสิร์ฟแขกพิเศษของเจ้านาย
“ด้วยความยินดีครับ คุณใจดีจะไปทำธุระที่ไหนหรือครับ ให้คนงานผมนำทางได้นะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราจะตระเวนดูไร่แถวๆ นี้แหละค่ะ ไม่รบกวนคุณแล้วละ ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวฝืนยิ้มกับเจ้าของไร่ปุยเมฆทั้งที่ไม่อยากยิ้มแม้แต่วินาทีเดียว เอื้อมพรหันมามองเกษตรอำเภอสาวแล้วว่า
“ใจดีอย่าเพิ่งไป พี่อยากคุยอะไรด้วยหน่อย จันท์กับภูด้วยนะ”
“คุยอะไรคะพี่”
จันทนาถามอย่างอยากรู้เดี๋ยวนี้แต่เอื้อมพรยิ้มแล้วตักขนมเข้าปาก ไม่ตอบคำถามของหญิงสาว
“ใจร้อนไปได้ยัยจันท์ พี่เอื้อมบอกว่ากินเสร็จก่อนไม่ได้ยินรึไง”
ใจดีแกล้งดุเพื่อนแต่ตัวเองก็อยากรู้ วิภูยิ้มขำสองสาว เขาก็อยากรู้ว่าเอื้อมพรจะคุยอะไร หล่อนรู้เรื่องอะไรจากพิพรรธหรือพิพรรธให้บอกอะไรกับพวกเขา
พิพรรธก้มหน้ายิ้มกับถ้วยขนม เอื้อมพรเดินตามแผนของเขาเร็วทันใจ คืนนี้หากหล่อนต้องการอะไรจากเขา เขาพร้อมจะให้หล่อนและเต็มใจให้โดยไม่ลังเล
เอื้อมพรขอคุยกับเพื่อนรุ่นน้อง พิพรรธจึงออกไปสั่งคนงานเตรียมรถให้กับเขาเพื่อส่งเอื้อมพรและเลยไปสั่งงานลูกน้องคนสนิท
“โบ๊ท คืนนี้ฉันกลับดึก รอฉันอยู่ที่ออฟฟิศ นอนก่อนก็ได้ ฉันมาถึงแล้วจะเรียก”
“ครับนาย นายจะไปไหนครับให้ผมไปด้วยไม่ดีกว่าหรือครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันนัดกับคุณเอื้อมทานข้าว อาจคุยกันดึก เออ.ให้คนของเราไปชายแดนไร่นะ คอยสังเกตคนไร่โน้นด้วย ถ้าเป็นไปได้ ให้ไอ้หยกขับรถไปโฉบหน้าประตูรั้วไร่มันหลายๆ รอบ พาคนไปให้เต็มรถ”
“ครับ”
โบ๊ทรับคำสั่งนายโดยไม่ถามว่าให้ทำเช่นนั้นทำไม เขารู้ว่านายมีเหตุผลที่ให้ทำแต่นายไม่บอกกับเขาซึ่งเขาก็ไม่อยากรู้
พิพรรธกลับมาที่ห้องทานอาหาร เอื้อมพรก็ลุกจากเก้าอี้ที่หล่อนนั่ง หล่อนยิ้มหวานให้กับเขา
“ไปได้แล้วค่ะ เอื้อมคุยกับน้องๆ เสร็จแล้ว”
“ครับ”
ชายหนุ่มมองหน้าใจดี หล่อนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว จันทนากับวิภูก็จ้องนิ่งมาที่เขา สีหน้าของแต่ละคนมีคำถาม เขายิ้มแล้วแกล้งถาม
“มีอะไรหรือครับคุณใจดี คุณจันท์ คุณวิภู พวกคุณจ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ สงสัยอะไรหรือครับถามได้นะครับ”
“ไม่มีอะไรค่ะ ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารมื้อเที่ยงกับเรา อร่อยมากค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ใจดียิ้มกับเขาอีก หล่อนไม่ฝืนเช่นครั้งที่ผ่านมา จันทนากับวิภูยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมาตามคำของใจดีถึงพวกหล่อนจะรู้เรื่องในไร่นับดาวแต่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่จากคำบอกเล่าของเอื้อมพร
“พวกเราลาคุณพิพรรธตรงนี้เลยนะคะ สวัสดีค่ะ” ใจดียกมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าแล้วเดินออกไปที่รถของหล่อนซึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ห่างจากห้องทานอาหารเกือบ 100 เมตร
จันทนากับวิภูทำตามใจดี เดินเร็วๆ ตามไปที่รถ ครู่เดียวรถของใจดีก็แล่นออกจากไร่ปุยเมฆ พิพรรธมองตามท้ายรถ ดวงตาของเขาไหววับพอใจกับสิ่งที่เอื้อมพรทำให้กับเขา
“คุณเอื้อม เชิญที่รถครับ”
“ค่ะ เมื่อกี้เอื้อมเล่าให้พวกนั้นฟังแล้วเพราะพวกเราเข้าไปในไร่นับดาวด้วยกัน สงสัยเจ้าของไร่เหมือนๆ กัน คุณคงไม่โกรธเอื้อมนะคะ”
“ไม่หรอกครับ พวกนั้นจะได้ระวังตัวไม่เข้าไปยุ่งกับคนในไร่นั่นอีก ไม่แน่นะครับพวกนั้นอาจติดโรคร้ายจากนายหมดทุกคนแล้วก็ได้”
เจ้าของไร่ปุยเมฆเดินยิ้มไปที่รถ แผนแรกสำเร็จ แผนต่อไปเขาจะทำให้โมไนยเจ็บปวดกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้อีกร้อยเท่าพันเท่าทีเดียว